หากพูดถึงหูฟังยอดนิยมจากยักษ์ใหญ่อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Sony ตอนนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าเจ้า WH-1000X (รหัสเดิม MDR-1000X) นั้นเป็นหูฟังยอดนิยมและได้รับคำชมอย่างมากในขณะนี้ รวมทั้งยังเป็นหูฟังที่ทำให้ชื่อ Sony ในฐานะผู้พัฒนาหูฟังชั้นยอดเป็นที่รู้จักกับบุคคลทั่วไปมากขึ้น นอกเหนือจากกลุ่มนักเล่นหูฟังและแฟนของ Sony เอง
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทาง Sony ได้เปิดตัว WH-1000XM4 หูฟังรุ่นที่ 4 ในตระกูล WH-1000X ซึ่ง RE.V-> ได้นำมารีวิวให้อ่านกันในบทความนี้ครับ
Package
ตัวกล่อง WH-1000XM4 ยังคงรูปแบบการออกแบบเดิมของกล่องเครื่องเสียงพกพาของ Sony เอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่น แต่ตัวกล่องกระดาษจะมีความหนากว่าและเคลือบ UV เป็นลวดลายพื้นผิว สร้างความแตกต่างระหว่างให้กับหูฟังรุ่นนี้อย่างชัดเจน
ตัวหูฟังที่ผมยืมจากทาง Sony มารีวิวเป็นสีเงิน Platinum Silver แต่ในตัวสินค้าขายจริงจะมีสีดำให้เลือกซื้ออีกสีหนึ่ง
เมื่อดึงกล่องแบบสอดซึ่งอยู่ด้านในออกมา จะเจอฝากล่องด้านในซึ่งพิมพ์วิธีการใช้งานแบบรวดเร็วเอาไว้
สิ่งของทุกอย่างจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องใส่หูฟังแบบกึ่งแข็ง ด้านนอกหุ้มผิวด้วยผ้า ส่วนตัวผมชอบแนวทางนี้ของ Sony มาก เพราะผ้ามันไม่ลอกเหมือนหนังเทียม
อุปกรณ์ที่ให้มานอกจากตัวหูฟังและกล่องใส่ประกอบด้วย สายหูฟัง 3.5 มม. ยาว 1.2 ม., หัวแปลงปลั๊กสำหรับใช้บนเครื่องบิน และสาย USB Type A – Type C ยาว 20 ซม. สำหรับชาร์จตัวหูฟัง
เอกสารที่ให้มากับตัวหูฟังจะเป็นคู่มือฉบับย่อในภาษาต่าง ๆ, รายละเอียดการรับประกัน และคูปองทดลองใช้งานบริการสตรีมมิ่งเพลงในรูปแบบ 360 Reality Audio
Product – Hardware
งานออกแบบ WH-1000XM4 นั้นยังคงลักษณะคล้าย WH-1000XM3 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อให้เกิดภาพความสงบของตัวหูฟัง แต่แฝงไปด้วยความหรูหราและความสามารถการตัดเสียงรบกวนที่เป็นจุดเด่น ด้วยการเน้นสีทองที่โลโก้ Sony และไมค์รับเสียงรบกวนภายนอก
วัสดุหลักที่ใช้ทำหูฟังยังคงเป็นพลาสติกเช่นเดิม แต่ได้เปลี่ยนการทำสีตัวหูฟังใหม่ให้ผิวมีความด้านและสะท้อนแสงได้น้อยลง เพื่อเน้นแนวความคิดการออกแบบในรุ่นเดิมให้มากขึ้น
รูปทรงของที่คาดหัวถูกออกแบบใหม่ให้เข้ากับรูปศีรษะมากขึ้นเพื่อความสวยงาม โดยยังคงโครงสร้าง Inward Axis Structure ที่ช่วยให้หูฟังเกาะบนศีรษะได้ดีขึ้นของรุ่นที่แล้วและหูฟังระดับสูงของ Sony รุ่นอื่น ๆ
ช่องอากาศขนาดเล็กบนตัวคัพ 2 ช่องถูกซ่อนอยู่บริเวณที่ Hanger จากที่คาดจะบังพอดี
ก้านสไลด์เดอร์เป็นพลาสติก ด้านนอกเป็นแผ่นโลหะ
ข้อต่อของหูฟังยังคงเป็นแบบ Silent Joint ที่ช่วยลดเสียงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ และตัวหูฟังยังคงสามารถพับเก็บได้เช่นเดิม
ไมค์รับเสียงรบกวนภายนอก (Feed Forward) ยังคงอยู่ตรงบริเวณขอบด้านบนของคัพหูฟังทั้งสองข้าง
ที่คัพหูฟังด้านซ้าย ด้านบนคัพจะเป็นตำแหน่งเสาอากาศ NFC สำหรับใช้ในการจับคู่หูฟัง ส่วนบริเวณขอบจะเป็นตำแหน่งของแจ็ค 3.5 มม. สำหรับต่อหูฟังด้วยสายสัญญาณที่ให้มา, ปุ่ม Power, ไฟสถานะ, ปุ่ม CUSTOM และไมค์สำหรับรับเสียงสนทนาจำนวนรวม 3 ตัว
ไมโครโฟนทั้ง 3 ตัวจะถูกนำมาใช้งานกับ Precise Voice Pickup Technology ร่วมกับไมค์รับเสียงรบกวนภายนอกอีก 2 ตัว ในการประมวลเสียงพูดสำหรับการสนทนาและความสามารถใหม่อย่าง Speak-to-Chat
ที่คัพด้านขวา ด้าบนเป็นตำแหน่งของ Touch Sensor สำหรับใช้ควบคุมระดับเสียง การเล่นเพลง และการเรียกใช้ระบบผู้ช่วยส่วนตัว โดยการใช้นิ้วแตะตรงกลางหรือลากไปมาในทิศทางต่าง ๆ และใช้งาน Quick Attention Mode ที่ตัวหูฟังจะลดระดับเสียงที่เล่นในหูฟังและระบบตัดเสียงรบกวนลง เพื่อให้ได้ยินเสียงจากภายนอกเข้ามา โดยการนำฝามือแตะบนพื้นที่เซนเซอร์ทั้งหมด
ส่วนบริเวณขอบจะเป็นตำแหน่งของพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ภายในหูฟังและไฟสถานะการชาร์จไฟ
แพดหูฟังตัดเย็บแบบ 3 มิติ ยังคงโครงสร้าง Enfolded Structure ที่ตัวแพดจะลู่เข้าไปด้านในขณะสวมใส่เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก เช่นเดียวกับรุ่นที่แล้ว แต่ตัวแพดถูกออกแบบใหม่ โดยเพิ่มพื้นที่สัมผัสรอบใบหูอีกประมาณ 10% เพื่อช่วยกระจายแรงกดได้มากขึ้น ทำให้สามารถสวมใส่หูฟังได้สบายขึ้นกว่าเดิม
ภายในคัพของหูฟังเป็นที่อยู่ของไมค์รับเสียงรบกวนภายใน (Feedback) ชุดตัวขับ HD Driver Unit แต่ภายในหูฟังข้างซ้ายจะเพิ่มเซนเซอร์วัดระยะมาให้ โดยมันทำหน้าที่ตรวจจับการสวมใส่หูฟังของผู้ใช้
ชุดตัวขับ HD Driver Unit ยังคงเป็นชุดตัวขับเดิมที่ใช้งานใน WH-1000XM3 ประกอบด้วยไดอะแฟรมขนาด 40 มม. ผลิตจาก Liquid Crystal Polymer เคลือบด้วยอะลูมิเนียม และ Voice Coil แบบ CCAW สามารถตอบสนองความถี่ในช่วง 4 – 40,000 Hz ติดตั้งเอียงเข้ากับใบหู
ส่วนภาคประมวลผลภายใน WH-1000XM4 ยังคงใช้ชิป HD Noise Cancelling Processor QN1 เช่นเดียวกับ WH-1000XM3 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลระบบตัดเสียงรบกวนความละเอียด 32 bit ที่รวมภาค DAC และภาคขยายหูฟังอยู่ภายในตัว เพื่อลดสัญญาณรบกวน ทำให้ได้คุณภาพสัญญาณเสียงที่ดี
แต่ใน WH-1000XM4 ได้เปลี่ยนชิป Bluetooth SoC ตัวใหม่ ซึ่งรองรับ Bluetooth 5.0 และ A2DP Codec แบบ SBC, AAC และ LDAC
เมื่อชิปทั้งสองทำงานร่วมกับอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนซึ่งออกแบบใหม่ จะสามารถตรวจจับเสียงรบกวนและลักษณะอะคูสติกของชุดตัวขับและใบหูได้มากกว่า 700 ครั้งต่อวินาที ทำให้หูฟังสามารถประมวลผลการตัดเสียงรบกวนได้ตามเวลาจริง สงผลให้สามารถลดเสียงรบกวนที่อยู่ในย่านความถี่กลางและความถี่สูงได้ดีกว่ารุ่นที่แล้ว
นอกจากอัลกอริทึมตัดเสียงรบกวนตัวใหม่ WH-1000XM4 ยังมีตัวชดเชยและปรับปรุงคุณภาพเสียงรุ่นใหม่ DSEE Extreme ซึ่งจากข้อมูลที่ทาง Sony ปล่อยออกมา ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดไม่ก็เป็นชื่อของ DSEE HX เวอร์ชั่นที่ใช้ระบบ AI ซึ่งได้จากการฝึกด้วย Deep Neural Network ในการเลือกรูปแบบการชดเชยเสียงของ DSEE HX ตามลักษณะเสียงเช่น เสียงร้อง เสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ในเวลาจริง
กราฟเปรียบเทียบการชดเชยเสียงฉาบ Hi-Hat ระหว่าง DSEE HX เดิม และ DSEE HX ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยในการเลือกรูปแบบการชดเชย
ซึ่งตัว AI ดังกล่าวนั้นถูกฝึกด้วยข้อมูลจากคลังเพลงความละเอียดสูงของ Sony Music Entertainment และข้อมูลจากการทดลองฟังด้วยวิศวกรเสียงที่ทำหน้าที่ผสมเสียงและ Mastering ของบริษัท ทำให้การชดเชยเสียงในย่านความถี่สูงทำได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
DSEE HX แบบใหม่นี้ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในเครื่องเล่น DMP-Z1 และ Walkman A50 ในปี 2018 และน่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟน Xperia II ในชื่อ DSEE Ultimate ที่ได้วางจำหน่ายในต่างประเทศไปแล้วด้วย
Pingback: Sony Japan เปิดตัวหูฟัง WH-1000XM4 สีพิเศษ Silent White | RE.V –>
Pingback: Sony เปิดตัว WF-1000XM4 หูฟัง Truly Wireless ตัดเสียงรบกวนระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่ | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง ลำโพงไร้สายแบบคล้องคอ Sony SRS-NB10 | RE.V –>
Pingback: มาทำความรู้จัก DSEE เทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพเสียงจาก Sony กันเถอะ ตอนที่ 2 | RE.V –>