นอกจากที่ RE.V-> จะได้รีวิวเครื่องบันทึกเสียง PCM-A10 แล้ว เรายังได้มีโอกาสรีวิวเครื่องบันทึกเสียงระดับโปรที่เปิดตัวมาใกล้ ๆ กันอย่าง PCM-D10 ด้วย ว่าแล้วก็ไปอ่านรีวิวกันเลยครับ

Package

สำหรับ PCM-D10 ที่ผมได้รับมาเป็นเครื่องสาธิต กล่องที่ได้มาจึงเป็นกล่องสีขาวเปล่า ๆ ตามที่เห็น แต่ผมคิดว่าลักษณะของกล่องน่าจะใกล้เคียงกันกับสินค้าขายจริง

ถอดกล่องสีขาวตัวนอกออก จะเจอกล่องด้านในสีดำ ซึ่งเมื่อเปิดออกมาก็จะเจอเจ้า D10 นอนอยู่ข้างใน

ยกถาดที่รองตัวเครื่องออก ก็จะเจอช่องที่ใส่อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ

อุปกรณ์เสริมที่ผมได้รับประกอบด้วยสาย USB ตัวกรองลม ถุงผ้าใส่เครื่อง และถ่านอัลคาไลน์ AA จำนวน 4 ก้อน ซึ่งในกล่องขายจริงจะมีซอฟต์แวร์ Sound Forge Audio Studio 12 ให้มาด้วย

Product – Hardware

งานออกแบบของ PCM-D10 นั้น เรียกได้ว่าฉีกแนวออกไปจากเครื่องบันทึกเสียงตระกูล PCM-D ทุกตัวที่ยึดหน้าตางานออกแบบในยุคของ PCM-D1 เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วโดยสิ้นเชิง หน้าตาของ PCM-D10 นั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเจ้าเครื่องอัดรุ่นน้อง PCM-A10 ที่ใช้ภาษาการออกแบบ Negative Space ซึ่งถูกใช้มากับสินค้าหมวด Hi-Res Audio มากกว่า

ตัววัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องเป็นพลาสติกด้านลักษณะเดียวกับ A10 แต่มีการเล่นลายพ่นทรายเพิ่มเติม แถมยังมีน้ำหนักที่เบามากในตอนที่ยังไม่ได้ใส่แบตเตอรี่ จนผมอดคิดไม่ได้ว่ามันจะทนทานต่อการใช้งานไหม แต่รู้แน่ ๆ ว่าพกพาสะดวกแน่นอน ส่วนการวางตำแหน่งไฟสถานะ หน้าจอ LCD และปุ่มกดมีความคล้ายคลึงกับ A10 แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่และมีฟังก์ชั่นมากกว่า จึงมีไฟสถานะและปุ่มกดที่มากกว่า

ไฟที่เตือนสัญญาณ clipping ที่อยู่เหนือหน้าจอ LCD จะถูกเพิ่มเป็น 3 ดวงเพื่อแสดงที่ความระดับเสียงที่ -20, -12 และ 0 dB ของไมค์แต่ละตัว

ส่วนปุ่มควบคุมนั้น ได้มีการแยกปุ่ม REC และ PAUSE ออกจากกัน และเพิ่มปุ่ม Custom ซึ่งสามารถตั้งคำสั่งเองได้ 2 ปุ่ม นอกจากนี้ยังมีปุ่มเลือก Input ที่ใช้ในการอัดเสียง และปุ่มเปิด – ปิด Phantom Power ของแจ็ค XLR ตรงด้านท้ายแต่ละช่องอีกด้วย

ด้านหลังของเครื่อง จะมีเกลียวสำหรับยึดกับขาตั้ง ช่องใส่แบตเตอรี่ และเสาอากาศ NFC สำหรับใช้จับคู่การเชื่อมต่อ Bluetooth

ตัวเครื่องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AA แบบอัลคาไลน์จำนวน 4 ก้อน นอกจากแบตเตอรี่อัลคาไลน์แล้ว ยังสามารถใช้แบตเตอรี่ชาร์จได้แบบ NiMH หรือต่อกับที่ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ด้านข้างของเครื่องเพื่อการบันทึกเสียงอย่างต่อเนื่องได้

ด้านขวาของเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของพอร์ต USB-C ความเร็ว 480 Mbps ช่องเสียบ SD Card ปุ่ม MIC ATT สำหรับลดความดังของไมค์ที่ต่อเข้ามาในเครื่อง 20 dB (หรือที่อุปกรณ์ทั่วไปเรียกว่า Pad นั่นเอง) ปุ่มหมุนปรับระดับ gain แจ็ค 3.5 มม. สำหรับเสียบไมค์หรือ line in แบบสเตอริโอ พร้อมปุ่มสำหรับเลือกรูปแบบการเชื่อมต่อดังกล่าวข้างล่างของแจ็ค

ตัวเครื่องนั้นมีหน่วยความจำภายใน 16 GB ซึ่งสามารถบันทึกเสียง LPCM ความละเอียด 24 bit 96 kHz ได้ถึง 6 ชม. 35 นาที และ 24 bit 192 kHz ได้ถึง 3 ชม. 15 นาที และรองรับ SD Card แบบ SDXC ที่มีความจุมากกว่า 64 GB ได้ ซึ่งในสื่อโฆษณาไว้ว่ารองรับความจุได้มากที่สุด 256 GB

ปุ่มหมุนปรับระดับ gain บันทึกเสียงนั้นใช้การปรับแบบแอนะล็อก เพื่อไม่ให้กระทบกับคุณภาพเสียงจากไมค์ และสามารถดึงแยกออกมาเพื่อแยกปรับระดับสัญญาณฝั่งซ้ายและขวาอย่างอิสระ หรือจะกดกลับเข้าไปเพื่อปรับระดับสัญญาณทั้งสองฝั่งพร้อมกันก็ได้

ด้านซ้ายของเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของแจ็ค Line out แจ็คหูฟัง ปุ่ม LIGHT สำหรับเปิดไฟหน้าจอ ปุ่มเพิ่ม – ลดระดับเสียง ปุ่ม POWER ปุ่มเลื่อนสำหรับล็อคปุ่ม นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นตำแหน่งของเสาอากาศ Bluetooth ที่ซ่อนอยู่ด้วย

ส่วนท้ายของเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของแจ็คแบบ Combo รองรับหัวปลั๊ก XLR หรือ TRS ขนาด1/4″ จำนวน 2 ช่อง แยกฝั่งซ้าย – ขวา (เป็นครั้งแรกของเครื่องบันทึกเสียง Sony ที่ใส่แจ็คนี้มา) ลำโพง และรูคล้องสาย

แจ็คแบบ Combo นั้นรองรับการเชื่อมต่อกับไมค์ที่ต้องใช้ไฟ Phantom Power 48 V และสัญญาณ Line in แต่ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับกีต้าร์ไฟฟ้าหรือเบสไฟฟ้าโดยตรง เพราะภาค Input ไม่ได้เป็นแบบความต้านทานสูง (Hi-Z)

ด้านบนของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของไมโครโฟนแบบ electret condenser จำนวน 2 ตัว ซึ่งสามารถปรับทิศทางให้รับเสียงด้านหน้า แบบ Wide Stereo และแบบ X-Y ได้

Polar Pattern และ Frequency Response ของไมค์บน PCM-D10

ตัวไมโครโฟนถูกออกแบบให้สามารถตอบสนองย่านความถี่ได้กว้างมาก ๆ เพื่อบันทึกเสียงเครื่องดนตรีที่มีเสียงในย่านต่ำ รวมทั้งฮาร์โมนิกที่เกิดขึ้นจากเครื่องดนตรีด้วย ตามสเปก ตัวเครื่องสามารถตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 20 Hz – 60,000 Hz เมื่อบันทึกเสียงด้วยความละเอียด 24 bit 192 kHz เลยทีเดียว

หากใช้ในบริเวณที่มีลมพัดเข้ามาที่ไมค์บนเครื่อง ก็สามารถใช้ Wind Screen ที่ให้มาครอบหัวไมค์เอาไว้ได้

ต่อไปเราจะไปดูรายละเอียดทางเทคนิคภายในตัวเครื่องกันครับ