Product
ทางทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Sony ได้เริ่มใช้ design language ใหม่ คือ เรียบง่าย (Simplicity) แข็งแกร่ง (Robustness) แม่นยำ (Precision) กับสินค้าในกลุ่มนี้ ทั้งหูฟังอย่าง MDR-Z7 และ XBA-Z5 รวมทั้งแอมป์หูฟัง PHA-3 ที่เพิ่งจะรีวิวไป และ WALKMAN ZX2 ที่กำลังจะวางขายอีกด้วย
วัสดุหลักที่ใช้ในหูฟังตัวนี้คือโลหะ ทั้งที่คาดหัว ก้านสไลด์ ตัวแขวนคัพ ส่วนตัวคัพจะใช้อลูมิเนียมพ่นทรายที่ผิวด้านนอก และสลักโลโก้ Sony จมลงไป คุณภาพงานประกอบโดยรวมจัดว่าดีมาก สมเป็นงานที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น
ที่คาดหัวด้านบนหุ้มด้วยหนังแท้ ด้านล่างที่สัมผัสกับผม ผมคิดว่าน่าจะทำจากหนังสังเคราะห์เหมือนกับสายคาดของ MDR-Z1000 มากกว่า
สังเกตส่วนด้านบนของคัพ จะมีช่องอากาศ ปิดด้วยตาข่ายละเอียดอยู่ ซึ่งเวลาเราใส่หูฟัง ร่องนี้จะถูกส่วนที่แขวนคัพบังพอดี
ก้านสไลด์สามารถปรับความยาวได้ 10 ระดับ พร้อมกับการสลักเลขระดับด้านในด้วยการสลักด้วยเลเซอร์ หลังจากที่ไม่ได้ทำมานานในหูฟังรุ่นหลัง ๆ
ไดร์เวอร์ LCP เคลือบด้วยอะลูมิเนียม ขนาด 70 มม.
แพดหูฟังทำจากโฟมยูริเธน หุ้มด้วยหนัง และตัดเย็บแบบ 3 มิติ ซึ่งทำให้ส่วนของแพดด้านหลังสูงขึ้นมารองรับบริเวณหลังใบหู ทำให้การสวมใส่สบายขึ้น และช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกได้ดีขึ้นด้วย
ด้านล่างของคัพจะมีช่องอากาศของเทคโนโลยี Beat Response Control เพื่อเพิ่มการตอบสนองย่านความถี่ต่ำ เริ่มใช้ครั้งแรกใน MDR-1R และแจ็ค 3.5 มม. ชุบทอง สำหรับต่อกับสายหูฟัง
สายหูฟังที่ให้มานั้นได้มีการออกแบบให้แยกกราวด์ของสัญญาณข้างซ้ายและขวาในตัวสาย เพื่อลด crosstalk ตัวฉนวนด้านนอกมีการเซาะร่องเล็ก ๆ ไว้ เพื่อป้องกันสายพันกัน
ส่วนวัสดุที่ใช้ทำตัวนำคือทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC) เคลือบด้วยเงินกับสายที่ใช้นำสัญญาณ ส่วนกราวด์ยังใช้ทองแดงปกติเหมือนเดิม
หากใครใช้แอมป์ที่รองรับการขับหูฟังแบบ balanced เช่น PHA-3 ก็สามารถใช้สายเชื่อมต่อแบบ balanced ที่ให้มาเชื่อมต่อได้ โดยหัวปลั๊กของสายที่ให้มาจะเป็นแบบ TRS 3.5 มม. ซึ่งถ้าหากต้องการใช้กับแอมป์ตัวอื่น ๆ จะต้องหาหัวแปลงปลั๊กมาต่อก่อนอีกที
คุณภาพของสายโดยรวม จัดว่าโอเค งานเนี๊ยบ ถ้าที่ตัวสายไม่ได้บอกว่า Made in Malaysia ก็คงนึกว่าทำในญี่ปุ่นเหมือนกันกับตัวหูฟัง
บนหัวปลั๊กจะมีเกลียวให้หมุนยึดระหว่างหัวปลั๊กกับแจ็คอยู่ ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างสายและตัวหูฟังแน่นหนา ไม่เคลื่อนเหมือนใน MDR-1R ที่ใช้การเสียบเข้าที่แจ็คบนหูฟังอย่างเดียว
Performance
ผมได้นำ MDR-Z7 ไปต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผมมีและเคยรีวิวไปแล้ว ใช้ฟังเพลงอยู่ร่วม ๆ 2 เดือน ก็คิดว่าน่าจะเป็นเวลาอันดีที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์การฟังเพลงจากหูฟังตัวนี้ครับ
ความรู้สึกแรกตอนนำ MDR-Z7 ออกมาจากล่องคือ คุณภาพวัสดุที่เรียกว่าดีกว่าหูฟังในยุคหลัง ๆ ของ Sony มาก ก้านสไลด์ใช้แรงไม่มากในการปรับระดับ แต่ก็ไม่ไหลไปมาได้ง่าย ๆ ข้อต่อต่าง ๆ ไม่มีเสียงเวลาขยับ
เรื่องการสวมใส่ Sony ยังคงทำการบ้านตรงจุดนี้ได้ดีเสมอ แพดหูฟังนั้นนิ่มกำลังพอดี ส่วนแพดที่เสริมตรงด้านหลังใบหู ช่วยรองรับรูปทรงใบหูด้านหลังได้ดี โดยรวมแล้วสามารถใส่ได้สบายมาก ไม่รู้สึกถึงความเทอะทะ
เรื่องเสียงของ MDR-Z7 มาในแนวทางเดียวกับสินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ของ Sony คือ ให้ความสำคัญกับช่วงเสียงแหลมที่ไปได้ไกล และการแยกแยะรายละเอียดเสียงได้อย่างชัดเจน แต่ปรับเรื่องของมิติให้ฟังดูกว้างและสมจริงมากขึ้น
เสียงเบสดัง แรง ลงได้ลึก ไล่ ๆ กับหูฟังตระกูล Extra Bass ของ Sony เอง แต่หางเสียงจะสั้นกว่าและเบสไม่บวม ช่วงเสียงกลางจะออกไปทางหวาน ๆ แต่ไม่หนามาก ช่วงเสียงแหลมถูกลดความแข็งลง โดยรวมแล้วฟังเพลงได้สบายกว่ามาก
การแยกแยะรายละเอียดเสียงของ MDR-Z7 ทำได้ดีมาก ทั้งรายละเอียดของเครื่องดนตรีและเสียงร้อง แต่จะไม่ออกมาในแนวขี้ฟ้องเหมือนกับพวกหูฟังมอนิเตอร์ ส่วนเรื่องมิติเสียงที่เป็นจุดเด่นนั้น ให้ความรู้สึกที่กว้างขว้าง และสามารถแยกแยะตำแหน่งของเสียงที่อยู่ใกล้และไกลได้ดี แม้ว่าตัวโครงสร้างของหูฟังจะเป็นแบบปิดก็ตาม ซึ่งจุดนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ลองฟังหูฟังในตำนานอย่าง MDR-R10 อยู่เหมือนกัน
หากนำ MDR-Z7 ไปเทียบเรือธงตัวก่อนหน้าอย่าง MDR-Z1000 ก็ดูเหมือนจะเทียบกับหูฟังคนละประเภทกัน คือ MDR-Z1000 ถึงแม้จะออกแบบมาไว้สำหรับการฟังเพลงก็จริง แต่ก็มีพื้นฐานจากการเป็นหูฟังมอนิเตอร์ ซึ่งมีลักษณะมิติเสียงเหมือนการฟังเพลงอยู่ตรงหน้าเวที ซึ่งเสียงช่วงกลางอย่างเสียงร้องจะฟังดูเด่นมากเหมือนอยู่ประชิดตรงหน้า ส่วน MDR-Z7 จะให้ลักษณะมิติเสียงเหมือนเราฟังเพลงอยู่ตรงที่นั่งคนดูห่างออกมาจากเวทีมากกว่า
ส่วนของการป้องกันเสียง MDR-Z7 สามารถลดเสียงจากภายนอกได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะช่องอากาศที่อยู่ด้านบนและด้านล่างของตัวคัพ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับหูฟังจากยี่ห้ออื่นในระดับเดียวกัน ที่ส่วนมากจะเป็นหูฟังแบบเปิด ซึ่งไม่ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกเลย แถมเสียงจากหูฟังเองยังอาจจะรั่วออกไปข้างนอกได้ ก็ถือว่า MDR-Z7 ทำจุดนี้ได้ดีกว่า
Conclusion
จากการฟังเพลงด้วย MDR-Z7 มา ผมคิดว่าสโลแกน Feel the air ของมัน นี่ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย เพราะมันเป็นหูฟังที่ให้มิติเสียงที่กว้างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นหูฟังแบบปิดก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะรายละเอียดของเสียงได้ดี จึงเหมาะมากกับการฟังเพลงบรรเลง เพลงที่เน้นเครื่องดนตรี บันทึกการแสดงสด โดยเฉพาะกับเพลงที่มีการบันทึกเสียงมาดี ๆ เจ้าหูฟังตัวนี้จะแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่
ส่วนจุดอื่น ๆ ที่ผมชอบในหูฟังตัวนี้ คือเรื่องของการสวมใส่ ที่ใส่ได้สบาย ถึงแม้ว่าตัวหูฟังจะมีขนาดใหญ่ วัสดุที่ใช้ และงานประกอบที่ทำได้ออกมาเนี๊ยบจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ผมสังเกตว่า MDR-Z7 นั้นเป็นหูฟังที่ต้องการกำลังขับจากอุปกรณ์ที่ต่อด้วยอยู่พอสมควร เพื่อให้สามารถขับเสียงให้ออกมาครบทุกย่าน ซึ่งถ้าใครยังไม่มีแอมป์หูฟังมาก่อน ก็ขอแนะนำแอมป์ PHA-3 ที่มีกำลังเพียงพอในการขับเจ้า MDR-Z7 และยังสามารถขับหูฟังในแบบ balanced ที่จะช่วยให้การแยกเสียงซ้ายขวาดีขึ้นอีกด้วย
สรุป คนที่กำลังมองหาหูฟังที่ให้มิติเสียงกว้าง ๆ ไม่อุดอู้ เน้นรายละเอียดของเสียง แต่ไม่อยากได้หูฟังแบบเปิด MDR-Z7 เป็นตัวเลือกที่น่าหาโอกาสลองตัวหนึ่งครับ
Like
- วัสดุและงานประกอบดีมาก
- สวมใส่สบาย
- มิติของเสียงกว้างมาก แยกระยะใกล้ไกลชัดเจน
- ให้สายหูฟังทั้งแบบปกติและแบบ balanced มาเลย
Don’t like
- ต้องการอุปกรณ์ที่มีกำลังขับมากในระดับหนึ่ง เพื่อให้แสดงประสิทธิภาพออกมาได้
- อาจจะไม่ชอบแนวเสียงของมัน ถ้าชอบแนวเสียงของหูฟังมอนิเตอร์
- ไม่มีกระเป๋าใส่หูฟังมาให้
ขอขอบคุณทาง Sony Thai ที่จัดกิจกรรมแจกหูฟังในงานด้วยครับ
Pingback: รีวิว Sony Walkman ZX2 การกลับมาสู่วงการ Hi-end แบบเต็มขั้น | RE.V –>
ราคาอลังการมากเช่นกัน :v
Pingback: ลองฟัง หูฟัง Sennheiser HD 630VB | RE.V –>
Pingback: รีวิว Sony MDR-1ABT หูฟัง Bluetooth ก็เล่น Hi-Res ได้นะ | RE.V –>
Pingback: Sony เปิดตัว Signature Series เครื่องเสียงพกพาระดับพระกาฬ | RE.V –>
Pingback: สัมภาษณ์คุณ Shiomi Shunsuke วิศวกรเบื้องหลังเสียงพระกาฬ MDR-Z1R | RE.V –>
Pingback: Sony เปิดตัว C-100 และ ECM-100 ไมค์บันทึกเสียงมาตรฐาน Hi-Res Audio | RE.V –>
Pingback: รีวิว หูฟัง Sony MDR-1AM2 หูฟัง Premium โฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม | RE.V –>
Pingback: สัมภาษณ์ 2 วิศวกรหูฟัง Sony คุณ Matsushima Kei และคุณ Tatsuyama Shinosuke | RE.V –>
Pingback: รีวิว Audio Interface แบบพกพา RME Babyface Pro | RE.V –>