สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกคนนะครับ วันนี้ RE.V-> ขอฉลองขึ้นปีใหม่ด้วยการรีวิวหูฟังและเครื่องเสียงในกลุ่ม Hi-Res มาให้ได้อ่านกัน ซึ่งจะขอเริ่มต้นกับแอมป์หูฟังแบบพกพารุ่นใหม่ล่าสุดของค่าย นั่นคือเจ้า PHA-3 นั่นเองครับ

 Package

PHA-3 มาในกล่องที่ออกแบบการจัดวางอาร์ตเวิร์คใหม่ ให้เหมือนกับสินค้าของ Sony รุ่นใหม่ ๆ ที่วางขายในปีนี้ ด้านหน้ามีโลโก้ Hi-Res Audio อยู่

สำหรับ PHA-3 รุ่นที่นำมารีวิวจะเป็นรุ่น PHA-3 ปกติที่วางขายทั่วไปยกเว้นประเทศโซนยุโรป ซึ่งจะมีรุ่นย่อยพิเศษคือ PHA-3AC ซึ่งจะตัดแบตเตอรี่ภายในออก เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดตามมาตรฐานของประเทศโซนนั้นครับ

ด้านหลังและด้านข้างของกล่องจะเขียนสรรพคุณต่าง ๆ ของแอมป์หูฟังตัวนี้ และอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องด้วย

ข้างในมีกล่องอีกชั้นหนึ่ง เป็นธรรมเนียมสำหรับสินค้าระดับสูง ๆ ของ Sony ไปแล้วที่ต้องมีกล่องแบบนี้

เปิดกล่องในออก จะเจอเจ้า PHA-3 นอนอยู่ในกล่องที่บุผ้าขนละเอียด

อุปกรณ์ที่ให้มาจะเก็บอยู่ข้างในฝากล่อง ส่วนคู่มือจะอยู่ข้างใต้ตัวแอมป์อีกที

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องประกอบด้วย

• สาย USB-OTA 1 เส้น สำหรับต่อกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
• สาย WM-PORT 1 เส้น สำหรับต่อแอมป์กับ WALKMAN ที่รองรับ HRA
• สาย line out 3.5 มม. 1 เส้น สำหรับต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ
• สาย Micro USB – USB สำหรับชาร์จแอมป์หรือต่อคอมพิวเตอร์ 1 เส้น
• ยางรัดแอมป์กับอุปกรณ์ 4 เส้น
• แผ่นรองกันรอยระหว่างแอมป์กับอุปกรณ์ 1 แผ่น

Product

งานออกแบบของ PHA-3 นั้น ถึงแม้ยังคงโครงร่างคล้ายกับแอมป์ PHA รุ่นก่อนหน้า แต่โดยรวมแล้วถือว่าเปลี่ยนไปเยอะมาก คือเปลี่ยนจากรูปทรงเหลี่ยม ๆ มาเป็นรูปทรงที่มีความโค้งมน ทำให้ดูโดดเด่นกว่าแอมป์หูฟังตัวอื่น ๆ การทำสีและพื้นผิวของตัวถังอลูมิเนียมให้เข้ากับหูฟังเรือธงประจำปีที่ออกมาพร้อมกัน และ WALKMAN เรือธงตัวใหม่ที่กำลังจะออกมา

ด้านบนและด้านล่างของแอมป์จะมีแทบยาง ซึ่งจะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงจากพื้นที่วางและเอาไว้รองอุปกรณ์ที่จะนำมามัดรวมกับตัวแอมป์

ด้านหน้าจะมีแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. 3 ช่อง โดยช่องแรกจะเป็นแจ็คหูฟังสเตอริโอปกติ ส่วนอีก 2 ช่องจะเป็นแจ็คสำหรับใช้ขับหูฟังแบบ Balanced ซึ่งจะแยกแจ็คสำหรับช่องสัญญาณซ้าย – ขวา และปุ่มหมุนปรับเสียงความต้านทานต่ำ ซึ่งตัวถังด้านข้างจะยื่นยาวออกมาเพื่อป้องกันปลั๊กของหูฟังที่เสียบอยู่และปุ่มหมุน

ภาพจาก HeadRoom

การขับหูฟังแบบทั่ว ๆ ไปที่ใช้งานกัน วงจรขยายเสียงข้างซ้าย (+) และข้างขวา (+) จะมีกราวด์ร่วมกัน ซึ่งการมีกราวด์ร่วมกัน (-) ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนที่จะมาจากกราวด์ และ crosstalk หรือการที่สัญญาณเสียงข้างหนึ่งรั่วไปยังสัญญาณเสียงอีกข้างหนึ่ง ทำให้มิติของเสียงแบบสเตอริโอลดลง

ภาพจาก HeadRoom

ส่วนการขับหูฟังแบบ Balanced จะเพิ่มวงจรขยายเสียงสัญญาณต้นฉบับแต่กลับเฟส (-) เพิ่มลงไปในช่องสัญญาณเสียงแต่ละข้าง แล้วต่อไปยังไดร์เวอร์ของหูฟังแทนการต่อกราวด์ จึงทำให้สามารถกำจัดสัญญาณรบกวนและ crosstalk จากการมีกราวด์ร่วมกันออกไปได้

ต่อไป เราไปดูช่องต่อเข้าด้านหลัง PHA-3 กันครับ