ด้านหลังจะเป็นตำแหน่งของช่องต่อสัญญาณเข้าต่าง ๆ คือ
- พอร์ต Micro USB พร้อมเขี้ยวล็อก สำหรับต่อกับคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น WALKMAN สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
- พอร์ต USB สำหรับต่อกับอุปกรณ์ iDevice
- แจ็ค S/PDIF แบบ optical
- แจ็คสัญญาณเสียงเข้า – ออก ขนาด 3.5 มม.
- พอร์ต Micro USB สำหรับชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ในตัวแอมป์
ด้านบนของช่องสัญญาณเข้าจะมีสวิตช์สำหรับเลือกช่องสัญญาณเข้าที่ต้องการ และสวิตช์เลือกช่องสัญญาณออก ระหว่างแจ็คหูฟังด้านหน้าหรือแจ็ค 3.5 มม. ด้านหลังในกรณีที่เราไม่ได้ต่อสัญญาณเสียงเข้าที่แจ็คตัวนี้
ด้านข้างจะมีสวิตช์ปรับ gain ของแอมป์ ถ้าใช้หูฟังที่ความต้านทานต่ำ ก็เลื่อนไปที่ normal ถ้าความต้านทานสูง ก็เลื่อนไปที่ high และสวิตช์เปิด – ปิด DSEE HX แบบเดียวกับที่เจอใน WALKMAN ZX1 ที่เคยรีวิวไป
DSEE HX จะ upsample ความละเอียดของไฟล์เพลงที่บีบอัดหรือไฟล์คุณภาพระดับ Audio CD (สีชมพู) แล้วทำการชดเชยเสียงช่วงความถี่สูงขึ้นมา (สีเขียว) ทำให้ได้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับไฟล์เพลง HRA (สีเหลือง) อย่างไรก็ตามความสามารถนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะช่องต่อเข้าแบบ USB และไฟล์เพลงแบบ PCM ที่มี sample rate ต่ำกว่า 88.2 kHz เท่านั้น
สเปกภายในของ PHA-3 นั้น ทาง Sony ได้เปลี่ยนชิป DAC จากเบอร์ PCM1795 ของ TI มาเป็นชิปยอดนิยมอย่าง SABRE32 Reference เบอร์ ES9018 จาก ESS ซึ่งรองรับความละเอียดของสัญญาณ PCM สูงถึง 32-bit 384 kHz และ DSD ที่ 5.6 MHz
ส่วน master clock ของวงจร ใช้ crystal oscillator 2 ตัวที่ความถี่ 22.5792 MHz สำหรับอัตราสุ่มสัญญาณ 44.1, 88.2, 176.4, 352.8 kHz และ 24.576 MHz สำหรับอัตราสุ่มสัญญาณ 48, 96, 192, 384 kHz แยกออกจากกัน เพื่อช่วยลด jitter และเพิ่มประสิทธิภาพวงจรแปลงสัญญาณ
ส่วนภาคขยาย ใช้ op-amp เบอร์ OPA2604 ร่วมกับตัวเก็บประจุ OSCAP และใช้ op-amp ในภาค line out เบอร์ LME49860 เพื่อให้ได้สัญญาณแรงดัน 2 Vrms คุณภาพสูง ส่วนภาคขยายหูฟัง ยังคงใช้ op-amp เบอร์ TPA6120 เหมือนเดิม
ด้วยการออกแบบที่ว่าไป ทำให้ PHA-3 มีกำลังขับหูฟังอยู่ที่ 100 mW สำหรับการขับปกติ และ 320 mW สำหรับการขับแบบ Balanced ที่ 32 โอห์ม รองรับหูฟังที่มีความต้านทานตั้งแต่ 5 – 600 โอห์ม และสามารถตอบสนองช่วงความถี่ 10 Hz ถึง 100 kHz เลยทีเดียว
การเชื่อมต่อ USB ยังคงเลือกใช้ชิปประมวลผล USB ของ XMOS เหมือนกับแอมป์หูฟังและ DAC ตัวอื่น ๆ ในตลาดเหมือนเดิม
Set up
การใช้งานแอมป์ตัวนี้นั้นเรียกว่าง่ายมาก ๆ แค่เลือกสายให้ถูกกับประเภทของอุปกรณ์ที่เราจะนำมาต่อ หมุนปุ่มปรับเสียงขึ้นมาให้เลยตำแหน่ง 9 นาฬิกา จะได้ยินเสียงรีเลย์จากวงจรข้างใน จากนั้นก็เปิดเพลงฟังบนอุปกรณ์ฟังได้เลย
ส่วนการตั้งค่าบนอุปกรณ์พกพานั้น ในคู่มือแนะนำว่าให้ปิดการประมวลผลเสียงต่าง ๆ บนอุปกรณ์เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดครับ
สำหรับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ ต้องมีการดาวน์โหลดไดร์เวอร์มาลงที่คอมพิวเตอร์เสียก่อน จึงจะสามารถใช้งานได้ โดยทาง Sony ได้เตรียมทั้งไดร์เวอร์ปกติสำหรับ Windows และไดร์เวอร์แบบ ASIO สำหรับใช้งานกับการถอดรหัส DSD โดยตรง
ในส่วนของโปรแกรมที่ใช้เล่นเพลง ทาง Sony มีโปรแกรม Hi-Res Audio Player ซึ่งมีขนาดเล็ก สามารถอ่านไฟล์เพลงที่จะเล่นไปใส่ใน RAM เพื่อให้เล่นเพลงได้อย่างไม่สดุด แต่เล่นไฟล์ AAC ไม่ได้ (ตัวเดียวกับที่เขียนไปตอนรีวิว SRS-X9) หรือ Media Go ที่มีส่วนจัดการคลังเพลง และรองรับไฟล์ได้มากประเภทกว่า (ตัวเดียวกับที่ใช้จัดการไฟล์สื่อของ WALKMAN และ XPERIA) ให้เลือกดาวน์โหลดไปใช้งานได้
Performance
หลังจากที่แกะเอาเจ้า PHA-3 ออกมาจากกล่อง แล้วมาเสียบกับ WALKMAN ZX1 สัมผัสแรกที่รู้สึกเลยคือ พอร์ตและแจ็คเชื่อมต่อต่าง ๆ บนตัวมันทำมาแน่นมาก ซึ่งเมื่อเสียบสายเข้าไปแล้วแทบไม่มีการขยับเขยื่อนเลย ปุ่มหมุนสามารถหมุนได้อย่างราบรื่นมาก สวิตช์ต่าง ๆ ประกอบมาแน่นหนา ยกเว้นสวิตช์เลือก output ด้านหลังที่หลวมนิดหน่อย พอมีการยกเครื่องไปมาก็จะได้ยินเสียงสวิตช์เบา ๆ แต่ก็ไม่มีผลต่อการทำงานของตัวเครื่อง
หูฟังที่ผมนำมาต่อฟังกับ PHA-3 ก็ยังคงเป็นหูฟังที่คุ้นหน้าคุ้นตากันสำหรับคนที่เข้ามาอ่านประจำ อย่าง MDR-Z1000, MDR-CD900ST, MDR-1RBT ซึ่งเจ้า PHA-3 ก็ไม่มีปัญหาในการขับหูฟังที่มีความต้านทานไม่มากพวกนี้ได้ นอกจากนี้ยังขับหูฟังที่ต้องการกำลังขับเพิ่มขึ้นมาอย่างเจ้าเรือธง MDR-Z7 ซึ่งกำลังจะรีวิวให้อ่านกันในตอนต่อไป ได้อย่างสบาย ๆ
เรื่องเสียงของ PHA-3 นั้น เสียงเบสมีแรงกระแทกไม่มากนัก แต่มีปริมาณเสียงเบสและความหนามากกว่าเมื่อเทียบกับ PHA รุ่นก่อนหน้า เสียงกลางที่หนาและหวาน เสียงแหลมคมชัดที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังคงอยู่ การแยกรายละเอียดของเสียงทำได้ดีมาก การแยกเสียงสเตอริโอทำได้เด็ดขาด ทำให้มิติของเสียงฟังดูกว้าง
ส่วนความสามารถ DSEE HX ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในแอมป์รุ่นนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังคงเหมือนกับอุปกรณ์ของ Sony อื่น ๆ ที่มีความสามารถนี้ คือผลลัพธ์ไม่ค่อยชัดเจน ฟังออกได้ยาก และขึ้นกับไฟล์เพลงที่เอามาฟัง สำหรับคนที่ใช้ PHA-3 กับไฟล์เพลงทั่ว ๆ ไป จะเปิดทิ้งไว้ตลอดก็ไม่เสียหายอะไร
ในส่วนความสามารถใหม่ในแอมป์ตระกูล PHA ของ Sony คือความสามารถในการขับหูฟังแบบ Balanced ได้ ซึ่งจากการฟังพบว่า การแยกสเตอริโอข้างซ้ายและขวานั้นเด็ดขาดขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าใครมีหูฟังแบบ Balanced อยู่แล้ว น่าจะได้ประโยชน์จากความสามารถตรงนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทาง Sony เลือกใช้แจ็คสเตอริโอ 3.5 มม. สำหรับการต่อสายหูฟังแต่ละข้าง เพื่อให้ยังคงขนาดของแอมป์เอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากแอมป์แบบ Balanced อื่น ๆ ที่ใช้หัว XLR หรือหัวปลั๊ก 2.5 มม. 4 หน้าสัมผัสในการเชื่อมต่อ คนที่จะใช้งานหูฟังแบบ Balanced ที่ไม่ใช่ของ Sony คงต้องหาทางแปลงหัวปลั๊กกันเอาเอง
เรื่องของอายุแบตเตอรี่ ทาง Sony เคลมไว้อยู่ที่ประมาณ 5 ชม. ถ้ามีการใช้ภาค DAC ของแอมป์ ซึ่งผมก็ได้ลองต่อ WALKMAN ZX1 กับ XBA-H3 ฟังเพลง แล้วจับเวลาดู พบว่าไฟ CHG บน PHA-3 ขึ้นกระพริบเตือนแถว ๆ 5 ชม. ไล่ ๆ กับเวลาที่ ZX1 แจ้งเตือนแบตเตอรี่เหลือ 10% พอดี
ส่วนการชาร์จไฟกลับ ผมเอาที่ชาร์จ AC-UD10 กำลังไฟ 1.5A ที่มากับกล้อง RX100 มาชาร์จ ใช้เวลาชาร์จไฟเข้าประมาณ 6 ชม. ซึ่งก็จัดว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน นอกจากนี้ถ้าตัวเครื่องมีอุณหภูมิที่สูงเกินกำหนดที่ 35 °C เช่น เอาไปเปิดฟังนอกห้องแอร์ วงจรป้องกันจะไม่ยอมให้ชาร์จไฟจนกว่าเครื่องจะเย็นก่อน
ส่วนปัญหาจากการใช้งานที่ผมเจอ อย่างแรกคือเรื่องของของความร้อน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผลมาจากการใช้ชิป ES9018 ซึ่งจริง ๆ แล้วชิปตัวนี้ออกแบบมาให้ใช้งานกับเครื่องเสียงบ้าน รองรับช่องสัญญาณเสียงถึง 8 ช่อง แต่ Sony ก็เลือกใช้ชิปตัวนี้ แล้วพยายามยัดมันลงไปในแอมป์ขนาดเล็กตัวนี้ได้ เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ผมเลยคิดว่า PHA-3 ไม่ค่อยเหมาะกับการเอามาใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยสักเท่าไร
อีกเรื่องคือ PHA-3 ตัวที่ผมซื้อมา เวลาเล่นเพลงจะมีเสียงปุ ๆ หรือเสียงแตก คล้ายกับเสียงที่ได้ยินตอนเล่นเทปหรือแผ่นเสียงแล้วหัวอ่านไปเจอฝุ่นพอดี เมื่อใช้งานกับ WALKMAN ZX1 ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ตัวซอฟต์แวร์ เพราะเอาไปต่อกับอุปกรณ์ตัวอื่นไม่เป็น สุดท้ายผมลองไปฟังตัว demo ที่อยู่ในร้าน พบว่าไม่เป็น เลยต้องส่งเข้าศูนย์บริการ ทำให้รีวิวนี้ซึ่งควรจะออกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว มาออกเดือนนี้แทน เพราะผมต้องการเช็คปัญหาเรื่องนี้ให้แน่ใจก่อน
Conclusion
จากการใช้งาน PHA-3 มาร่วม 2 เดือน ถ้าไม่นับปัญหาที่เกิดขึ้นและเรื่องจุกจิกต่าง ๆ ผมรู้สึกคิดถูกที่ซื้อมันมาใช้งาน น้ำเสียงหวาน ๆ ใส ๆ ของมันเข้ากับเพลงป๊อปญี่ปุ่นที่นักร้องเป็นผู้หญิงมาก นอกจากนี้การเพิ่มแจ็ค optical in เข้ามา ทำให้ผมสามารถนำมันไปใช้ดูแผ่น BD คอนเสิร์ตบน PlayStation 3 ได้อีกด้วย
ส่วนจุดที่ผมไม่ชอบ อย่างแรกคือเรื่องของความร้อน ที่แบบว่าร้อนมากจนผมสามารถเอาไปใช้เป็นที่อุ่นมือตอนยืนหนาว ๆ ได้เลย และเรื่องของความร้อนเอง ก็ทำให้ตัวเครื่องไม่สามารถชาร์จไฟได้ขณะใช้งานอยู่ข้างนอกห้องแอร์ได้ ซึ่งก็จะไปกระทบกับเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้ต้องวางแผนการใช้งานและชาร์จแบตดี ๆ อีกจุดก็เรื่องงานประกอบสวิตช์ Output ข้างหลังเครื่องที่มันหลวมกับสวิตช์ตัวอื่น ๆ
ส่วนจุดที่ผมไม่ชอบ แต่ไม่ใช้มาจาก PHA-3 โดยตรงคือ อายุแบตเตอรี่ของ WALKMAN เวลาต่อใช้งานกับ PHA-3 หรือ DAC ตัวอื่นจัดว่าสั้นมาก คือถ้าไม่สามารถแก้เรื่องใช้พลังงานของตัวเครื่องได้ อย่างน้อยก็ควรจะหาวิธีที่ทำให้สามารถชาร์จไฟเข้า WALKMAN ขณะต่อกับ DAC ได้ เช่น เพิ่มพอร์ตชาร์จไฟไว้ที่สายต่อ คล้าย ๆ กับหัวแปลง MHL หรือหัวแปลง HDMI ของ Apple
สรุป หากใครที่กำลังมองหาแอมป์หูฟังพกพาในงบ 30,000 บาท และต้องการแนวเสียงหวาน ๆ ใส ๆ เจ้า PHA-3 ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ควรลองฟังดู สำหรับคนที่ใช้ WALKMAN ZX1 ที่สนใจอยากจะอัพเกรด อาจจะต้องชั่งใจว่า การที่ได้เสียงหวาน ๆ ใส ๆ การแยกรายละเอียดและมิติที่ดีกว่า แลกกับเสียงเบสที่ไม่ค่อยมีแรงกระแทกของ PHA-3 มันคุ้มกันหรือเปล่า
ส่วนคนที่กำลังจะหาแอมป์ไปขับหูฟัง MDR-Z7 ถ้างบถึง ก็อย่าได้ ลังเลจัด PHA-3 ไปคู่กันได้เลย เพราะว่ามันทั้งสองเกิดมาเพื่อกันและกันครับ
Like
- แนวเสียงหวาน ใส
- งานออกแบบดูเด่นไม่เหมือนใคร
- รองรับการเชื่อมต่ออันหลากหลาย
- รองรับความละเอียดสูงถึง 32 bit 384 kHz
- อุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานให้มาครบถ้วน
Don’t like
- สวิตช์ปรับ Output ด้านหลังหลวม จนเขย่าแล้วมีเสียง
- ความร้อนสูงมาก ถ้าใช้งานนอกห้องปรับอากาศ ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟได้
- แบตเตอรี่ของ WALKMAN ลดลงเร็วมาก และไม่มีทางให้ชาร์จไฟขณะเชื่อมต่อได้
การรีวิวอุปกรณ์ Hi-Res ของ Sony ประจำปี 2014 ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ผมยังเหลือหูฟัง MDR-Z7 เข้าคิวรอรีวิวอยู่ โปรดติดตามอ่านกันเร็ว ๆ นี้นะครับ
Pingback: Sony เปิดตัวเครื่องเสียงพกพาความละเอียดสูงในงาน CES 2015
Pingback: รีวิว หูฟัง Sony MDR-Z7 การกลับมาของเรือธงในยุค High Resolution Audio
Pingback: รีวิว Sony Walkman ZX2 การกลับมาสู่วงการ Hi-end แบบเต็มขั้น | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง สินค้ากลุ่ม Hi-Res Audio ประจำปี 2015 ของ Sony | RE.V –>
Pingback: Sony เปิดตัว Signature Series เครื่องเสียงพกพาระดับพระกาฬ | RE.V –>
Pingback: “Signature Series” จากโซนี่ พร้อมชุดฟังเพลงแบบไลฟ์สไตล์คุณ ระดับ Hi-Resolution Audio – SecretIT.com
Pingback: รีวิว เครื่องบันทึกเสียงพกพา ICD-SX2000 จาก Sony จะบันทึกหรือฟังเสียงก็เป็น Hi-Res | RE.V –>
Pingback: รีวิว Audio Interface แบบพกพา RME Babyface Pro | RE.V –>
Pingback: มาทำความรู้จัก เทคโนโลยีวงจรขยายเสียงดิจิทัล S-Master ของ Sony กันเถอะ ตอนที่ 3 | RE.V –>