กระแสของ High Resolution Audio เริ่มมาแรงมากในช่วงปีที่แล้ว หลาย ๆ บริษัทได้แข่งกันออกสินค้าสู่ตลาดมากมาย รวมถึงในกลุ่มของแอมป์หูฟังและ USB DAC ที่ออกกันมาเยอะมากจนลองฟังกันไม่หวั่นไม่ไหว
วันนี้ RE.V-> เราจึงขอนำ USB DAC ถอดรหัส DSD จาก KORG ผู้ผลิตเครื่องดนตรีไฟฟ้าและเครื่องเสียงระดับมืออาชีพชั้นนำมารีวิวกันครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า KORG ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดนตรีไฟฟ้า ทำไมถึงหันมาทำเครื่องเสียง โดยเฉพาะ DAC ถอดรหัส DSD ที่เรียกว่าปราบเซียนบริษัทเครื่องเสียงอื่น ๆ มาหลายรายแล้ว
ต้องย้อนไปก่อนว่า เมื่อตอนมาตรฐาน DSD ซึ่งเข้ารหัสสัญญาณเสียงในรูปแบบ PDM หรือ Pulse-density modulation แบบ 1 bit เกิดขึ้นนั้น KORG เองก็เป็นบริษัทแรก ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนมาตรฐานนี้ และออกสินค้าเกี่ยวกับ DSD ออกมามากมาย แต่ส่วนมากจะเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องอัดเสียงสำหรับมืออาชีพ ตระกูล MR
นอกจากนี้โปรแกรม AudioGate ที่ทาง KORG ออกมาเพื่อเอาไว้สำหรับการแปลงไฟล์ DSD เป็นไฟล์เสียงในรูปแบบที่ใช้งานทั่วไป โดยคงคุณภาพของต้นฉบับไว้ได้ ยังได้รับความนิยมในกลุ่มนักฟังเพลงแบบ DSD สำหรับการแปลงไฟล์ DSD ไปเล่นยังอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่รองรับอีกด้วย
ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา กระแสไฟล์เพลงแบบ DSD เริ่มได้รับความนิยมอีกครั้ง KORG เองเลยลองยั่งเชิงกับวงการเครื่องเสียงด้วยการส่ง DS-DAC-10 ซึ่งเป็น USB DAC ถอดรหัส DSD รุ่นแรกในประเทศญี่ปุ่น แถมยังได้ร่วมมือกับผู้ผลิตหูฟังอย่าง PHONON ออกหูฟัง SMB-02 รุ่นออกแบบเป็นพิเศษให้กับ DAC ของตนเองอีกด้วย
เมื่อได้กระแสผลตอบรับที่ดีจากเหล่าผู้ฟัง KORG จึงเดินหน้าออก USB DAC รุ่นใหม่นั้นคือ DS-DAC-100 และ DS-DAC-100m พร้อมกับซอฟต์แวร์ AudioGate 3ที่ออกแบบมาสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นการเข้ามาในวงการนี้อย่างเต็มตัวครั้งแรกของบริษัทครับ
Package
กล่องสินค้ามาในรูปแบบเรียบง่ายเหมือนกับกล่องสินค้าเครื่องดนตรีของเขา แต่ปรับให้ดูดีมีระดับสำหรับลูกค้ากลุ่มเล่นเครื่องเสียง
ด้านล่างไม่มีรายละเอียดอะไร นอกจากรูปลายเส้นของตัวเครื่อง
ภายในกล่องจะมีตัว DAC ห่อในแผ่นโฟม สาย USB A – B และฐานรองตัวเครื่อง
Product – Hardware
ตัวเครื่องออกแบบให้มีรูปทรงแตกต่างจากเครื่องเสียงทั่ว ๆ ไปมาก วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องเป็นโลหะขัดผิวทรายสวยงาม งานประกอบและลูกบิดทำออกมาได้คุณภาพมาก สมกับที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น
ด้านหน้า เป็นตำแหน่งของแจ็คหูฟังขนาด 1/4 นิ้ว กำลังขับสูงสุด 85 W ที่ 32 โอห์ม ปุ่มหมุนปรับความดังของเสียง และไฟสถานะ sample rate ของตัวเครื่อง
ด้านหลัง แจ็ค USB type B สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และจ่ายไฟ แจ็คสัญญาณขาออก RCA แบบ Unbalanced สำหรับต่อเครื่องเสียงทั่วไป และ แจ็ค XLR แบบ Balanced สำหรับต่อเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ
ขารองของตัวเครื่องเป็นแบบ spike เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
ถ้าจะไม่วางขา spike ลงกับพื้นโดยตรง ก็สามารถวางบนขารองได้ ซึ่งเขาจะทำเบ้ารองรับไว้ ส่วนด้านล่างจะติดวัสดุกันลื่นเอาไว้
สำหรับสเปกภายใน DS-DAC-100 ใช้ชิป DAC เบอร์ CS4398 จาก Cirrus Logic ซึ่งเป็นชิ้นส่วนตัวเดียวกับที่ใช้ในเครื่องอัดรุ่นเรือธง MR-1000 ของตนเอง CS4398 รองรับการแปลงสัญญาณ PCM สูงสุดถึง 24 bit 192 kHz และ DSD ที่อัตราสุ่มสัญญาณที่ 2.8 MHz และ 5.6 MHz
ในการเชื่อมต่อ USB จะเป็นแบบ Asynchronous คือใช้ clock จากภายในตัวเครื่องเอง เพื่อลด Jitter ส่วนตัวเครื่องจะใช้ไฟจากสาย USB เพื่อหลีกหลีกชิ้นส่วนที่ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนกับตัวเครื่อง
Product – Software
เพื่อให้การทำงานของ DS-DAC-100 สมบูรณ์มากขึ้น KORG จึงได้ออกแบบโปรแกรม AudioGate ใหม่ ซึ่งในเวอร์ชั่นล่าสุดคือ AudioGate 3 ก็ได้ผันตัวเองจากโปรแกรมที่ใช้แปลงไฟล์ ตัดต่อ ไรท์แผ่นสำหรับ DSD มาเป็นโปรแกรมเล่นเพลงอย่างสมบูรณ์แบบ
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือการเพิ่มเติมส่วนของ Library เพื่อใช้ในการจัดการไฟล์เพลง และการปรับหน้าตาให้เหมาะกับการใช้งานฟังเพลงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับโปรแกรม AudioGate คือตัวโปรแกรมสามารถช่วย DAC คำนวณการแปลงสัญญาณจากดิจิตอลเป็นอนาล็อก โดยทำการแปลงสัญญาณด้วยตัวโปรแกรมก่อน แล้วส่งให้ DAC ทำหน้าที่เพียงแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อกเพียงอย่างเดียว เพื่อคงคุณภาพของสัญญาณต้นฉบับเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ในการใช้งานจริงนั้น เราสามารถที่จะสั่งให้โปรแกรมเปลี่ยน sample rate ให้ตรงกับไฟล์เพลงที่เล่นก็ได้ หรือจะให้โปรแกรมทำการแปลงสัญญาณก่อน ซึ่งสามารถเลือกคุณภาพการแปลงสัญญาณได้ แต่ก็ต้องแน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ที่ลงโปรแกรมนั้นแรงพอที่จะทำการแปลงสัญญาณได้
Set up
สำหรับการติดตั้งก็ไม่ยาก เพียงลงไดร์เวอร์ของ DAC และโปรแกรม AudioGate ที่โหลดได้จากเว็บไซต์ของ KORG จากนั้นเสียบ DAC เข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดโปรแกรม AudioGate เพื่อ activate โปรแกรม หากไม่ได้ activate โปรแกรมจะเข้าสู่เวอร์ชั่น lite ซึ่งจะรองรับ sample rate ไม่เกิน 48 kHz และไม่สามารถเลือกโหมดการแปลงสัญญาณแบบคุณภาพสูงได้
ในการตั้งค่าของ AudioGate นั้น ถ้าต้องการใช้งานการถอดรหัส DSD ต้องเลือกใช้ไดร์เวอร์แบบ ASIO ซึ่งสำหรับการตั้งค่า latency นั้น ในคู่มือให้ตั้งค่า buffer ให้มากที่สุด เพื่อให้การถอดรหัสเสียงนั้นไม่สะดุด
Performance
จริง ๆ แล้วก่อนที่ผมจะรีวิวเจ้า DS-DAC-100 อย่างจริง ๆ จัง ๆ ผมได้มีโอกาสลองฟังเสียงของเจ้านี้คู่กับหูฟัง Ultrasone Edition 8 ในงานของ OTOTOY มาแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจกับแนวเสียงของมันเมื่อเทียบกับเครื่องเสียงชุดอื่น ๆ ในงาน แต่พอได้มีโอกาสฟังอีกครั้งด้วยหูฟังที่ใช้งานประจำ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแนวเสียงของมันแปลกกว่าชาวบ้านเขา
ในการใช้งานจริง ผมได้ขนหูฟังที่ผมใช้งานประจำมาลองเสียง ทั้ง MDR-CD900ST, MDR-Z1000 และ MDR-1RBT ซึ่งกำลังขับของ DS-DAC-100 นั้นมีเหลือเฟือมากที่จะขับหูฟังเหล่านี้ ผมบิดความดังเสียงเพียง 1/4 ก็ได้ระดับเสียงที่ดังแล้ว
เรื่องแนวเสียงของ KORG นั้น ผมรู้สึกว่ามาในแนวเสียงของอุปกรณ์อัดเสียง ซึ่งเน้นในเรื่องของการเก็บรายละเอียดของเสียงให้ครบทุกเม็ดอย่างเที่ยงตรงที่สุด แน่นอนว่าเวลาเอามาเล่นกลับ ก็ต้องเล่นเสียงที่อัดมาให้ครบถ้วนเช่นกัน ซึ่งก็ค่อนข้างสวนทางกับแนวเสียงของเครื่องเสียงบ้านที่เน้นการฟังสบาย ๆ โปร่ง ๆ หรือเน้นความอุ่นหนาของเสียงอยู่เหมือนกัน
ซึ่งตรงจุดนี้ผมได้ยินชัดเจนมากจากช่วงเสียงแหลม ซึ่งออกมาในลักษณะใส ๆ คม ๆ ทำให้ได้ยินรายละเอียดของเสียงมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเอาหูฟังที่รองรับความถี่สูง ๆ มาฟัง จะได้ยินตรงจุดนี้ชัดเจนมาก ซึ่งผมว่าถ้าใครที่ชอบฟังเพลงแล้วเน้นการได้ยินรายละเอียดของเสียงน่าจะถูกใจได้ไม่ยาก
ส่วนการใช้งานส่วนของ Line out นั้น ผมได้นำไปต่อกับแอมป์ Aura VA100 จับคู่กับลำโพง B&W Matrix 805 ก็ได้แนวเสียงที่เหมือนกับการฟังด้วยหูฟังเช่นกัน
สำหรับโปรแกรม AudioGate 3 ที่ออกแบบมาให้ใช้งานคู่กันนั้น การใช้งานจัดว่าตรงไปตรงมาดี ไม่ซับซ้อนอะไร ส่วนเรื่องการให้ตัวโปรแกรมช่วยคำนวณการแปลงสัญญาณ ซึงผมเลือกให้แปลงเป็น DSD 5.2 MHz เมื่อเที่ยบกับการไม่แปลง เสียงที่ได้ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างอะไรมากนัก แต่ถ้าให้เทียบกับโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยมตัวอื่น ๆ เช่น foobar2000 เสียงจาก AudioGate 3 นั้นดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ตัว AudioGate 3 เองก็ยังมีบักอยู่ เช่น การไม่สามารถอ่านข้อมูลเพลงที่อยู่ในรูปแบบภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษได้ ซึ่งก็คงต้องรอให้ทาง KORG ออกอัพเดทตัวโปรแกรมออกมาอีกที ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ออกแพชมาแก้ปัญหาอื่น ๆ ไปเมื่อไม่นานมานี้
Conclusion
จากที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้า KORG DS-DAC-100 มาเกือบ 2 อาทิตย์ ยอมรับว่าผมหลงรักในเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของมันมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพื้นแพของ KORG เองที่เป็นผู้ผลิตเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ เลยทำให้ได้เสียงที่น่าจะถูกใจนักฟังที่เน้นการฟังรายละเอียดของเสียงในเพลง หรือต้องการฟังเพลงให้ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เหล่าคนผลิตเพลงต้องการมากที่สุด
เรื่องวัสดุ งานออกแบบ และงานผลิตก็ทำออกมาได้ดีมาก สมกับงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น ส่วนโปรแกรม AudioGate นี้ก็สมคำร่ำลือครับ เยี่ยมยอดจริง ๆ ถึงแม้การแปลงสัญญาณจะกินกำลังคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ และในเวอร์ชั่นใหม่ยังมีบักให้รำคาญใจเล่น แต่ก็ไม่กระทบต่อการใช้งานมากนัก
สรุป ใครที่กำลังมองหา DAC ที่ถอดรหัส DSD ได้พร้อมแอมป์หูฟังเพื่อนำไปใช้งานกับหูฟังที่มีอยู่ หรือต้องการ DAC เพื่อนำไปต่อกับชุดเครื่องเสียงบ้านที่มีอยู่แล้ว KORG DS-DAC-100 จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่ง ในราคาที่คุ้มค่าครับ
Like
- หน้าตาแหวกแนวไม่เหมือนใคร
- วัสดุและงานประกอบดีมาก
- แนวเสียงที่เน้นเรื่องของการแสดงรายละเอียดเสียง
Don’t like
- โปรแกรม AudioGate 3 ยังมีบักที่สร้างความรำคาญใจอยู่บ้าง
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง Music Concept ตัวแทนนำเข้าสินค้าของ KORG ที่เอื้อเฟื้อให้ทางเราได้ยืมอุปกรณ์เพื่อทำการรีวิวครับ
More info
ปล. ใครที่กำลังสนใจน้องเล็ก DS-DAC-100m โปรดคอยติดตามอ่านกันรีวิวกันได้เร็ว ๆ นี้ครับ
Pingback: รีวิว USB DAC น้องเล็ก กล้ามโต KORG DS-DAC-100m