Product – Software

ในการควบคุมการทำงานของ WH-XB900N อย่างละเอียดนั้น สามารถทำได้ผ่านแอพ Sony | Headphones Connect ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก Apple App Store หรือ Google Play Store

ด้านบนของแอพจะแสดงรูปหูฟังที่เราเชื่อมต่ออยู่ พร้อมระบุ A2DP codec ที่ใช้ สถานะการทำงานของ DSEE และปริมาณแบตเตอรี่ที่ยังเหลืออยู่ นอกจากนี้เรายังสามารถเข้าเมนูที่มุมด้านขวาบนเพื่อเช็คเวอร์ชั่นเฟิร์มแวร์ของตัวหูฟังได้ ซึ่ง WH-XB900N ที่นำมารีวิวจะเป็นเวอร์ชั่น 1.0.2 ครับ

ความสามารถใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาในหูฟังรุ่นนี้คือ Ambient Sound Control ที่ยกมาจากหูฟังตัดเสียงรบกวนตระกูล 1000X ซึ่งความสามารถนี้ปรับการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนตามกิจกรรมที่เรากำลังทำอยู่ได้แก่ อยู่กับที่ (Staying) เดิน (Walking) วิ่ง (Running) และโดยสารยานพาหนะ (Transport) ซึ่งในแต่ละกิจกรรมเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เปิดระบบตัดเสียงรบกวนหรือปรับปริมาณเสียงภายนอกที่จะผสมเข้ากับเสียงของหูฟังได้

และสำหรับกิจกรรมอยู่กับที่ เราสามารถหน่วงการตั้งค่าว่าจะให้เปลี่ยนมาใช้การตั้งค่าอยู่กับที่ช้าหรือเร็ว สำหรับกรณีที่เราเคลื่อนที่อยู่แล้วต้องหยุดเป็นเวลาสั้น ๆ เช่น รถติด

การตั้งค่าที่เหลือเป็นเรื่องของการปรับแต่งเสียง ซึ่งใน WH-XB900N จะสามารถปรับตำแหน่งของแหล่งกำเนิดเสียง Sound Position Control  จำลองระบบเสียงรอบทิศทาง Surround (VPT)  และ Equalizer แบบ 5 ย่านความถี่ พร้อม Clear Bass เพื่อปรับปริมาณเสียงเบส โดยที่ไม่ทำให้เสียงเบสแตกพร่ามัว ตัวเพิ่มคุณภาพเสียงที่บีบอัด DSEE

สำหรับ Equalizer เองจะมี Preset มาให้เราเลือกใช้ พร้อม Custom Preset ให้เราบันทึก EQ ที่เราตั้งค่าเองได้อีก 2 ชุด

อย่างไรก็ตามหากเราเลือกการเชื่อมต่อเน้นคุณภาพเสียงซึ่งจะใช้ LDAC, aptX หรือ AAC (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์) เป็น A2DP codec การปรับแต่งเสียงทั้งหมดจะไม่สามารถใช้งานได้ และ DSEE จะทำงานเมื่อเลือกการเชื่อมต่อเน้นความเสถียรซึ่งใช้ codec เป็น SBC เท่านั้น

สำหรับการตั้งค่าอื่น ๆ ได้แก่การตั้งค่าการทำงานของปุ่ม CUSTOM ซึ่งตามปกติจะใช้ในการเปลี่ยนโหมดการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวน เป็นการเรียกแอพผู้ช่วยส่วนตัว เช่น Google Assistant หรือ Amazon Alexa ขึ้นมาแทน

และการตั้งค่าแจ้งเตือน ซึ่งสามารถเลือกเปิด – ปิด และเปลี่ยนภาษาพูดที่ใช้แจ้งสถานะของหูฟังได้ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีภาษาไทยให้เลือก และการเปลี่ยนภาษาแต่ละครั้ง ตัวแอพจะต้องใช้เวลาในการอัพโหลดข้อมูลเสียงพูดเข้าไปในหูฟังใหม่ประมาณ 7 นาที และการเปลี่ยนภาษาจะเป็นการเปลี่ยนแบบถาวร ไม่สามารถกด Factory Reset เพื่อเรียกคืนภาษาเดิมได้ นอกจากจะใช้แอพอัพโหลดภาษาเดิมเข้าไปใหม่

นอกจากนี้ WH-XB900N ยังเป็นหูฟังที่รองรับเทคโนโลยี 360 Reality Audio ที่ Sony เปิดตัวไปเมื่องาน CES ปีที่แล้ว และยังโปรโมทหนัก ๆ มาจนถึงงานปีนี้ด้วย ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปหูทั้งสองข้างผ่านแอพ Headphones Connect แล้วส่งข้อมูลการวิเคราะห์ไปยังผู้ให้บริการเพลงที่รองรับเทคโนโลยีนี้ผ่านในแอพได้เลย

ต่อไป เราจะไปดูการตั้งค่าและการใช้งานจริงของหูฟังกัน