Product – Software
สำหรับ OS ของ ICD-SX2000 นั้นจะเป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Sony เอง ซึ่งก็มีหน้าตาและลักษณะการทำงานคล้าย ๆ กับซอฟต์แวร์ที่ทาง Sony พัฒนาให้กับ Walkman รุ่นที่มีปุ่มกด เช่น Walkman ZX100
การใช้งานโดยรวมถือว่าง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยไม่นานนัก คนที่ใช้ Walkman ปุ่มกดมาก่อนน่าจะเข้าใจไม่ยาก
การบันทึกเสียงด้วย SX2000 สามารถทำได้โดยเข้าที่เมนู Record เพื่อตั้งค่าก่อนการบันทึก หรือกดปุ่ม RECORD เพื่อเริ่มการบันทึกเสียงได้ทันที
แต่ถ้าหากต้องการเช็คความแรงของสัญญาณที่เข้ามาก่อนการบันทึก ให้กดปุ่ม RECORD แช่ไว้ ตัวเครื่องจะเข้าสู่การบันทึกเสียง แต่การบันทึกจะถูก pause ไว้ ทำให้เราสามารถเช็คความแรงของสัญญาณผ่านมิเตอร์บนหน้าจอได้
ในคู่มือได้แนะนำให้รักษาสัญญาณที่เข้ามาให้อยู่ในช่วงประมาณ -12 dB ซึ่งเราสามารถปรับ gain ของไมค์ได้ถึง 30 ระดับ พร้อมทั้งมี Limiter เพื่อป้องกันการเกิด clipping กับสัญญาณที่เข้ามาแรงเกิน 0 dB ด้วย
นอกจากนี้ในขณะที่บันทึกเสียง เราสามารถกดปุ่ม T-Mark เพื่อใส่ track mark ลงในเสียงที่บันทึกได้เพื่อสะดวกในการค้นหาตำแหน่งตอนเล่นไฟล์ในภายหลัง
นอกจากการปรับ gain ของไมค์เองแล้ว ทาง Sony ยังมี Auto Gain Ctrl ที่ช่วยปรับค่า gain ที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญในการตั้งค่าบันทึกเสียง หรือมืออาชีพที่ไม่สะดวกปรับ gain ไปตามสถานการณ์ได้ โดยเราเพียงแค่เลือกลักษณะของเสียงที่บันทึกว่าเป็นเสียงสนทนาหรือเสียงดนตรี และระยะห่างระหว่างตัวเครื่องและแหล่งกำเนิดเสียงเท่านั้น
ส่วนตัวกรองเสียง (Filter) ที่มากับตัวเครื่องจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ Low Cut Filter ซึ่งเป็นตัวกรองพื้นฐานที่เครื่องบันทึกเสียงมีกัน เอาไว้กรองเอาเสียงย่านความถี่ต่ำ เช่น เสียงลม เสียงการทำงานของอุปกรณ์ออกไป และ Noise Cut Filter ที่จะออกแบบมาให้กรองเสียงรบกวนจากเสียงสนทนาออกไป
นอกจากความสามารถข้างต้น ตัว SX2000 เอง ยังมีความสามารถที่อำนวยความสะดวกอื่น ๆ อีก เช่น ตั้งเวลาการอัดหลังจากที่กดปุ่ม RECORD แล้ว Voice Operated Recording (VOR) ที่จะบันทึกเสียงเฉพาะขณะที่มีเสียง เพื่อไม่ให้มีช่วงว่างในไฟล์เสียงที่บันทึก และ SYNC REC ที่จะทำการบันทึกเสียงจากอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องเล่นเทป แล้วแบ่งเป็นไฟล์ใหม่ให้โดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีสัญญาณเสียง 2 วินาทีขึ้นไป
รูปแบบไฟล์เสียงที่ SX2000 สามารถบันทึกได้นั้น มี MP3 ที่ bit rate 48 kbps (ระบบเสียงโมโน), 128 kbps, 192 kbps และ 320 kbps และ LPCM ในรูปแบบไฟล์ WAV ที่ความละเอียด 16 bit 44.1 kHz และ 24 bit 96 kHz ที่เป็นความละเอียดสูงสุดที่ตัวเครื่องทำได้
อย่างไรก็ตามตัวเครื่องจะมีข้อจำกัดในการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุด คือจะต้องบันทึกเสียงลงในหน่วยความจำภายในของตัวเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถบันทึกลงการ์ด microSD โดยตรงได้ ต้องใช้การ copy ไฟล์จากหน่วยความจำภายในแทน
สำหรับคนที่ไม่ถนัดในการตั้งค่าการบันทึกเสียงเอง ตัวเครื่องจะมีชุดการตั้งค่าที่เรียกว่า Scene เอาไว้ให้เลือกใช้ด้วยตามสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งมี My Scene มาให้เราบันทึกการตั้งค่าของเราเองอีก 2 ชุด
ส่วนเล่นไฟล์เสียงบน SX2000 นั้น ตัวเครื่องจะแบ่งไฟล์เสียงเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มไฟล์เพลง (Music) และกลุ่มไฟล์บันทึกเสียง (Recorded Files) ซึ่งไฟล์เพลงนั้นจะถูกจัดหมวดหมู่ตามชื่ออัลบั้มและศิลปิน ส่วนไฟล์บันทึกเสียงจะถูกจัดหมวดหมู่ตามวันที่บันทึกและ scene ที่ใช้ในการบันทึกเสียง
ตัวควบคุมการเล่นไฟล์เสียงนั้น เรียกได้ว่าแทบจะถอดมาจาก Walkman แบบปุ่มกดกันมาเลยทีเดียว เพียงแต่ตัวเครื่องจะไม่ได้มีความสามารถที่ใช้ปรับปรุงเสียงให้ถูกใจคนฟังนอกจาก Equalizer แบบ 5 ความถี่เท่านั้นเอง
อย่างไรก็คาม ตัวเครื่องเองก็มีความสามารถอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มคนที่ใช้งานเครื่องบันทึกเสียงเพิ่มขึ้นแทน เช่น Clear Voice ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม เพื่อให้เสียงคนพูดเด่นขึ้น (เฉพาะ Record Files) Digital Pitch Control (DPU) ที่ช่วยลดหรือเพิ่มความเร็วของเสียงได้ โดยไม่กระทบต่อ pitch ของเสียง Key Change ที่ช่วยเปลี่ยน pitch ของเสียงโดยไม่กระทบต่อความเร็วของเสียง รวมทั้ง Transcription Playback Mode ที่ช่วยให้ค้นหาช่วงเวลาที่ต้องการของไฟล์เสียงได้
ส่วนซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ทาง Sony ได้ให้มาเพื่อใช้งานกับ SX2000 ประกอบไปด้วยแอพ REC Remote ที่เอาไว้ใช้ตั้งค่า เช็คสัญญาณ และควบคุมการบันทึกเสียงผ่าน Bluetooth ซึ่งตัวแอพสามารถตั้งค่าการอัดเสียงได้เหมือนกับเรากดปุ่มที่ตัวเครื่องเองเลยทีเดียว แถมยังสามารถเห็นรูปกราฟความดังของสัญญาณเสียงหรือ VU meter ขณะบันทึกเสียงได้ด้วย
แอพ REC Remote รองรับการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Android รุ่น 4.0.3 และ iOS 7 ขึ้นไป สามารถโหลดมาลงได้ฟรีจาก Google Play Store และ Apple App Store
ส่วนซอฟต์แวร์ที่ให้มาอีกตัว คือ Sound Organizer 2 สำหรับใช้ในจัดการไฟล์เสียงที่อยู่ภายในตัว SX2000 รวมทั้งยังมีความสามารถในการเล่นไฟล์เสียงที่ใกล้เคียงกับการเล่นไฟล์เสียงในเครื่อง การตัดต่อไฟล์เสียงอย่างง่าย รวมไปถึงการเขียนไฟล์เสียงลงแผ่นซีดีอีกด้วย
โปรแกรม Sound Organizer 2 รองรับการใช้งานบน Windows เท่านั้น ตัวโปรแกรมติดตั้งจะอยู่ในหน่วยความจำของเครื่อง สามารถกดลงได้เลยทันทีเมื่อเสียบเครื่องเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้ว
ต่อไป เราจะไปดูการเตรียมเครื่องก่อนการใช้งาน และประสบการณ์การใช้งานจริงกัน
ดูแล้วน่าจะเป็นคู่แข่งของ Zoom H1 นะครับ
ผมคิดว่าถ้าดูจุดเด่นด้านการบันทึกเสียงสำหรับงานมืออาชีพอย่างเดียว Zoom H1 จะมีภาษีมากกว่า SX2000 อยู่ครับ
ส่วนจุดเด่น SX2000 จะเน้นกลาง ๆ ระหว่างการอัดเสียงกับฟังเพลง เพราะจากข้อมูลที่มี Sony เองรู้ว่ามีกลุ่มคนที่ซื้อเครื่องบันทึกเสียงไว้ฟังเพลงเฉพาะด้วย
คู่แข่งที่น่าจะเทียบกันแบบสมน้ำสมเนื้อ คือ Olympus LS-P2 มากกว่า แต่ผมเห็นบ้านเราขายแต่ LS-P1 ครับ
Pingback: รีวิว Sony PCM-A10 ภาคต่อของเครื่องบันทึกเสียงระบบ Hi-Res Audio | RE.V –>
Pingback: รีวิว Sony PCM-D10 เครื่องบันทึกเสียง Hi-Res พกพาระดับโปร | RE.V –>