ในปัจจุบันนี้ กระแสของเครื่องเล่นเพลง หูฟัง และลำโพงความละเอียดสูงนั้นมาแรงมาก สังเกตจากการที่ผู้ผลิตหลาย ๆ เจ้าได้ออกสินค้าที่มีมาตรฐาน Hi-Res Audio กันมากขึ้น รวมไปถึงค่ายเพลงที่นำเพลงใหม่ ๆ มาจัดจำหน่ายในรูปแบบความละเอียดสูงด้วยเช่นกัน จึงทำให้เกิดคำถามว่าถ้าหากเราจะอยากจะบันทึกเสียงในรูปแบบความละเอียดสูงบ้าง จะต้องทำอย่างไร
Sony ในฐานะตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ก็ได้ตอบคำถามที่ว่ามาด้วยเครื่องบันทึกเสียงพกพา ICD-SX2000 ที่ได้มาตรฐาน Hi-Res Audio ที่เราจะนำมารีวิวให้อ่านกันครับ
Type G เครื่องบันทึกเสียงเทปรีลตัวแรกของบริษัทและญี่ปุ่น
ก่อนที่จะเข้าสู่การรีวิว ICD-SX2000 ผมก็ขอเกริ่นเกี่ยวกับสินค้ากลุ่มเครื่องบันทึกเสียงของ Sony สักหน่อย เพราะเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ที่โตมาในยุคที่โทรศัพท์สามารถใช้บันทึกเสียงได้ น่าจะยังไม่ทราบว่า Sony เองก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่บุกเบิกเครื่องบันทึกเสียงมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยปี 1950 ที่ยังใช้ชื่อบริษัทเป็น Tokyo Tsushin Kogyo อยู่ และได้มีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัยจนมาถึงปัจจุบันนี้
TC-2850SD (ซ้าย), PCM-D1 (ขวา)
ตัวอย่างเครื่องบันทึกเสียงพกพาของ Sony ในอดีตที่เด่น ๆ ได้แก่
- M-1 หรือ Densuke เครื่องบันทึกเสียงเทปรีลแบบพกพา ที่ทำงานด้วยกลไกสปริง สำหรับใช้งานทำข่าวนอกสถานที่
- T-50 เครื่องบันทึกเสียงเทปคาสเซ็ทที่สามารถถือได้ด้วยมือเดียว และเป็นต้นแบบให้กับ TPS-L2 หรือ Walkman เครื่องแรกนั่นเอง
- TC-2850SD หรือ Cassette Densuke เครื่องบันทึกเสียงเทปคาสเซ็ทสะพายข้าง สำหรับผู้ชื่นชอบการบันทึกเสียงนอกสถานที่
- PCM-D1 เครื่องบันทึกเสียงดิจิทัลในรูปแบบ LPCM ที่สืบทอดแนวคิดของเครื่องบันทึกเสียงตระกูล Densuke แต่อัพเดทด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในตอนนั้น
ส่วน ICD-SX2000 นั้น เป็นเครื่องบันทึกเสียงรุ่นใหม่ที่ออกมาแทน ICD-SX1000 ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกเสียงตระกูล ICD ที่รองรับเสียงความละเอียดสูงเป็นตัวแรก และไม่ได้มีการวางจำหน่ายในไทยในตอนที่เปิดตัวปี 2013 ครับ
Package
ICD-SX2000 นั้นจะวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีด้วยกัน คือสีดำและสีแดง ซึ่งในบ้านเรานั้น ได้เลือกสีดำเข้ามาทำตลาด
ด้านหลังกล่องจะระบุความสามารถเด่น ๆ ของตัวเครื่อง ระบบปฏิบัติการที่รองรับ และระยะเวลาการบันทึกเสียงที่ตัวเครื่องสามารถทำได้ ซึ่งหน่วยความจำภายในของ SX2000 สามารถบันทึกเสียงในรูปแบบ LPCM ที่ความละเอียด 24 bit 96 kHz ได้นาน 6 ชม. 35 นาที และมีปริมาณแบตเตอรี่เพื่อการบันทึกอย่างต่อเนื่องได้นาน 15 ชม. แต่ถ้าลดความละเอียดในการบันทึกลง ก็จะสามารถใช้งานได้นานกว่านี้
ภายในกล่อง เปิดมาจะเจอ ICD-SX2000 นอนอยู่ในถาดพลาสติกที่ทำพื้นผิวเลียนแบบผ้าเนื้อละเอียด คล้ายกับถาดใส่ของ Walkman ตระกูล ZX เมื่อยกถาดออกมาก็จะเจอคู่มือและอุปกรณ์เสริมที่เหลือ
อุปกรณ์เสริมที่ให้มา ประกอบด้วย เคสหนังที่มีฝาปิดแบบแม่เหล็ก, ตัวกรองลม และสาย USB ตัวเมีย – ตัวผู้ สำหรับใช้เชื่อมต่อและชาร์จไฟเครื่องอัด
Product – Hardware
งานออกแบบตัวเครื่องของ ICD-SX2000 นั้น ถึงแม้ว่ายังคงรูปทรงตัวเครื่องสมัยรุ่น SX1000 ไว้อยู่ แต่ดูเหมือนว่าทางทีมออกแบบได้นำภาษาการออกแบบ Negative Space ที่ใช้ในเครื่องเสียงพกพารุ่นสูง ๆ เช่น Walkman ZX2 หรือ PHA-3 เข้ามาใช้ในการออกแบบด้วย สังเกตได้จากการวางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่ดูกระจัดกระจายในรุ่น SX1000 ถูกบีบเข้ามาจัดเป็นกลุ่ม ดูเป็นระเบียบมากขึ้น
วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องนั้น ส่วนมากจะเป็นพลาสติกผิวด้านที่มีน้ำหนักเบา ยกเว้นตรงราวป้องกันชุดไมโครโฟนด้านบนที่ภายในจะมีแกนโลหะเสริมความแข็งแรงอยู่
หน้าจอของเครื่องเป็น LCD ขาวดำ และมี backlight สีขาว ขนาดใหญ่พอที่จะเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และรองรับในการแสดงผลตัวอักษรภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
ส่วนปุ่มที่อยู่ด้านหน้าของเครื่อง ประกอบไปด้วยปุ่มที่อยู่ตรงบริเวณกรอบหน้าจอ ได้แก่ ปุ่ม BACK (กดค้างจะเป็น HOME), ปุ่ม T-MARK และปุ่ม OPTION และปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของจอ ได้แก่ ปุ่ม STOP, ปุ่ม REC/PAUSE ที่ทำหน้าที่เป็นไฟสถานะการบันทึกเสียงด้วย และปุ่ม 5 ทิศทางที่ใช้ควบคุมการเล่นเสียง และเรียกใช้ฟังก์ชั่น Digital Pitch Control (DPU) และกำหนดช่วงของเสียงที่ต้องการเล่น
ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของเสาอากาศ NFC เพื่อช่วยในการเชื่อมต่อ Bluetooth และรูเกลียวสำหรับยึดตัวเครื่องกับขาตั้งกล้อง นอกจากนี้บริเวณด้านบนตัวเครื่องยังมียางรองเครื่องเพื่อยกตัวเครื่องเวลาวางราบอีกด้วย
ทางด้านขวาของเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของที่คล้องสาย ปุ่มสไลด์เพื่อเลื่อนหัวปลั๊ก USB ปุ่มลด – เพิ่มเสียง และปุ่มเปิด – ปิด และล็อกปุ่ม
ทางด้านซ้ายของเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของแจ็ค 3.5 มม. ซึ่งสามารถเสียบไมค์แบบคอนเดนเซอร์ที่ต้องใช้ไฟเลี้ยงและสายสัญญาณเสียงสเตอริโอได้ ช่องเสียบการ์ด MicroSD ที่รองรับความจุสูงสุด 64 GB และลำโพงขนาด 16 มม. กำลังขับ 200 mW
ด้านบนของ SX2000 จะเป็นตำแหน่งของชุดไมโครโฟน S-MiC System ซึ่งประกอบไปด้วยไมโครโฟน 2 ตัว ที่ถูกจูนให้รับเสียงได้อย่างคมชัดและเป็นธรรมชาติ เชื่อมต่อกับตัวแปลงสัญญาณแอนะล็อกเป็นดิจิทัล ที่ใช้ชิป ADC จำนวน 2 ตัวต่อเข้าด้วยกัน เพื่อให้ค่า Signal to Noise Ratio สูงขึ้น ส่งผลให้สามารถบันทึกเสียงในช่วง dynamic range ได้กว้างขึ้นด้วย
แคปซูลของไมค์ทั้งสองตัวนั้น จะถูกบรรจุอยู่ในตัวถังอะลูมิเนียมที่เจาะช่องอากาศเพื่อจูนทิศทางการรับเสียง และมีกลไกเคลื่อนไหวเพื่อปรับทิศทางการรับเสียงของไมค์ได้ 3 แบบ คือการหันหัวไมค์ทั้งสองตรงไปข้างหน้าเพื่อรับเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่อยู่ไกลออกไป
แบบที่สองคือหันหัวไมค์ทั้งสองออกจากกัน 90° เพื่อให้มิติเสียงสเตอริโอที่ฟังดูกว้างขึ้น
แบบสุดท้ายคือการปรับหัวไมค์ทั้งสองเข้าหากันทำมุม 90° ซึ่งก็คือการวางไมค์แบบ X-Y นั่นเอง การวางไมค์แบบนี้จะทำให้มิติเสียงที่บันทึกได้นั้นเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าวางใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงมากเกินไป สัญญาณเสียงสเตอริโอที่บันทึกมาจะกลับฝั่งกัน
หากต้องนำเครื่องไปใช้บันทึกเสียงในสถานที่ที่มีลม ก็สามารถใส่ตัวกรองลมที่ทำจากโฟม เพื่อลดเสียงลมที่เข้ามา ซึ่งการใส่จะต้องฝืนอ้าตัวกรองลมเล็กน้อย เพื่อให้สวมเข้าไปคลุมไมค์ได้มิดชิด
จุดเด่นอีกอย่างของ SX2000 คือการใช้ภาคขยายเสียงหูฟังแบบ S-MASTER HX ซึ่งจะขยายสัญญาณเสียงขณะอยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อลดสัญญาณรบกวนและความเพี้ยนของสัญญาณ ทำให้ SX2000 ไม่ถูกจำกัดการใช้งานเพียงแต่เรื่องบันทึกเสียงอย่างเดียว แต่ยังเหมาะแก่การนำไปใช้ฟังเพลงอีกด้วย
ในการเชื่อมต่อและชาร์จไฟนั้น จะทำผ่านหัวปลั๊ก USB ที่ติดมากับตัวเครื่องเลย ทำให้สามารถเสียบเครื่องอัดเข้ากับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปได้โดยไม่ต้องใช้สาย คล้ายกับกล้อง Handycam ของ Sony เองบางรุ่น
ในกรณีที่ไม่สามารถเสียบตัวเครื่องตรง ๆ ที่พอร์ต USB ได้ ก็สามารถใช้สาย USB ที่ให้มาต่อเพื่อเพิ่มความยาวออกมาได้อีกหน่อยนึง
ต่อไป เราจะไปดูภาคซอฟต์แวร์ที่อยู่ภายในตัว SX2000 กัน
ดูแล้วน่าจะเป็นคู่แข่งของ Zoom H1 นะครับ
ผมคิดว่าถ้าดูจุดเด่นด้านการบันทึกเสียงสำหรับงานมืออาชีพอย่างเดียว Zoom H1 จะมีภาษีมากกว่า SX2000 อยู่ครับ
ส่วนจุดเด่น SX2000 จะเน้นกลาง ๆ ระหว่างการอัดเสียงกับฟังเพลง เพราะจากข้อมูลที่มี Sony เองรู้ว่ามีกลุ่มคนที่ซื้อเครื่องบันทึกเสียงไว้ฟังเพลงเฉพาะด้วย
คู่แข่งที่น่าจะเทียบกันแบบสมน้ำสมเนื้อ คือ Olympus LS-P2 มากกว่า แต่ผมเห็นบ้านเราขายแต่ LS-P1 ครับ
Pingback: รีวิว Sony PCM-A10 ภาคต่อของเครื่องบันทึกเสียงระบบ Hi-Res Audio | RE.V –>
Pingback: รีวิว Sony PCM-D10 เครื่องบันทึกเสียง Hi-Res พกพาระดับโปร | RE.V –>