Set up

ในการเริ่มต้นใช้งาน Walkman ZX100 ยังคงไม่แตกต่างอะไรจาก Walkman ที่เป็น Android คือนำเครื่องไปเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วหน่วยความจำของเครื่องจะปรากฏเป็นไดร์ฟ 1 ตัวบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราสามารถที่จะเอาไฟล์เพลงใส่ลงในเครื่องได้เลย

ในกรณีที่มีการใส่การ์ด microSD ลงไป เราจะต้องกดสลับหน่วยความจำที่ใช้งานจากหน่วยความจำภายในตัวเครื่องไปเป็นการ์ด microSD ที่เราใส่แทน

ส่วนโปรแกรมจัดการไฟล์เพลงบนเครื่อง ยังคงใช้ Media Go อีกเช่นเคย ซึ่งผมแนะนำให้ใช้โปรแกรมตัวนี้ในการเอาเพลงลงเครื่องมากกว่าที่จะเอาเพลงลากไปใส่ตรง ๆ เพราะนอกจากจะทำให้แฟ้มข้อมูลบนตัวเครื่องเป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยจัดไฟล์ให้อยู่ในรูปแบบที่ตัวเครื่องรองรับ ประมวลผลไฟล์เพลงสำหรับใช้งาน SensMe Channel รวมไปถึงการใส่เนื้อร้องลงไปในเพลงได้อีกด้วย

Performance

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้งาน OS เฉพาะของ Walkman ที่มีพื้นฐานมาตั้งแต่ Walkman รุ่นก่อนหน้าที่ Sony จะใช้ Android ตอนแรกผมก็กังวลว่าการใช้งานต่าง ๆ จะทำได้ฉับไว้เหมือนกับการใช้งานหน้าจอสัมผัสบน Android หรือไม่ แต่เอาเข้าจริงการใช้งานนั้นง่าย ตรงไปตรงมา มีความซับซ้อนไม่มากนัก จนทำให้ผมนึกถึง OS ที่อยู่ใน iPod nano ที่ผมมีอยู่เลยทีเดียว

น้ำเสียงของ ZX100 นั้น ทางทีมพัฒนาบอกว่ายังคงลักษณะเดิมของ ZX1 เอาไว้ คือมีความฉับไว คม ฟังสนุก ซึ่งตอนที่ผมฟังก็รู้สึกแบบนั้นได้จริง ๆ ตามที่เขาว่ามา แต่จุดที่พัฒนาไปจาก ZX1 เดิมคือเสียงเบสที่แน่นขึ้น หางเสียงแหลมที่ลากไปไกลมากขึ้น การแยกรายละเอียดเสียงที่ดีขึ้น และมิติเสียงที่ฟังดูกว้างและเปิดโล่งมากขึ้นอย่างชัดเจน

กำลังขับของวงจรขยายใน ZX100 ยังคงอยู่ที่ 15 mW ต่อช่องสัญญาณ ตามมาตรฐาน JEITA ที่ 16 โอห์ม เช่นเดียวกับ ZX1 และ ZX2 การปรับระดับเสียงทำได้ละเอียดถึง 30 ระดับ และ AVLS ซึ่งใช้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปิดเสียงดังเกินไป จะล็อกระดับเสียงปรับได้ไม่เกินระดับที่ 13 ซึ่งเมื่อเทียบการตั้งค่าเสียงที่ระดับเดียวกันของ ZX1 เสียงของ ZX100 จะดังกว่า และไม่สังเกตถึง background noise เลย นอกจากนี้ผมยังได้นำหูฟัง MDR-Z7 ซึ่งเป็นหูฟังที่ต้องการกำลังขับในระดับหนึ่งมาลองต่อใช้งานดู ซึ่งเสียงเบสและเสียงแหลมนั้นออกมาได้อย่างเต็มที่ขึ้น แต่ช่วงเสียงกลางยังขาดความเด่นไปบ้างนิดหน่อย

ส่วนการเชื่อมต่อกับหูฟังหรือลำโพงแบบไร้สายผ่าน Bluetooth นั้น ผมได้เขียนรายละเอียดของเรื่องนี้ลงในรีวิวของหูฟัง MDR-1ABT แล้ว สามารถตามไปอ่านกันได้ครับ

สำหรับระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้งนั้น ในสเปกของ ZX100 ระบุไว้ที่ประมาณ 40 – 70 ชม. ขึ้นกับรูปแบบไฟล์ที่เล่นและการใช้งาน Digital NC สำหรับตัวผมเองนั้น ได้ฟังเพลงทั้งในรูปแบบ MP3, AAC รวมทั้ง FLAC ที่ความละเอียดปกติและความละเอียดสูงปน ๆ กันไป และเปิดการใช้งาน DSEE HX อย่างเดียว ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ประมาณ 13 ชม. เหลือแบตเตอรี่ 2 ขีดจาก 4 ขีด จากนั้นผมนำไปต่อกับ PHA-3 ใช้งานได้ประมาณ 2 ชม.ครึ่ง เหลือแบตเตอรี่ขีดเดียว โดยรวมแล้วระยะเวลาการใช้งานทำได้นานกว่าเดิม

ในการชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ในตัวเครื่อง ตามสเปกระบุว่าใช้เวลาชาร์จกลับประมาณ 5 ชม. ผมได้ชาร์จไฟกลับตอนแบตเตอรี่เหลือประมาณ 2 ขีด ใช้เวลาไป 2 ชม. กว่า และสำหรับคนที่กังวลว่าถ้าชาร์จไฟบ่อยแล้วแบตเตอรี่จะเสื่อมเร็ว ใน ZX100 จะมีการตั้งค่า Battery Care อยู่ ซึ่งเป็นการจำกัดไม่ให้ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่จนเต็ม แต่ก็แลกกับว่าระยะเวลาการใช้งานจะลดลงครับ

Conclusion

จากการใช้งาน Walkman ZX100 มาระยะหนึ่ง หากไม่นับเรื่องการเปลี่ยน OS มาใช้เป็น Linux ของ Sony เอง ผมคิดว่า ZX100 นั้นไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงจาก ZX1 มากในแง่ของความสามารถต่าง ๆ ของตัวเครื่อง คือรุ่นเก่าทำอะไรได้ รุ่นนี้ก็ทำได้เหมือนเดิม แต่เรื่องของเสียงนั้นจัดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นและคงแนวทางของ ZX1 เดิมเอาไว้อยู่ นอกจากนี้อายุแบตเตอรี่ก็ยังดีขึ้นกว่าเดิมมากด้วย ทำให้ไม่ต้องเอาไปชาร์จไฟบ่อย ๆ เหมือนกับสมัยที่ใช้งาน F800 เลย

ถ้าให้เปรียบเทียบกับเครื่องเล่นตัวอื่น ๆ ในตลาด ผมเห็นทาง Sony เอา ZX100 ไปเทียบกับ AK Jr ของ Astell & Kern ซึ่งทั้งสองตัวก็มีแนวเสียงที่แตกต่างกันด้วย คือ ZX100 เสียงโดยรวมจะออกสว่างกว่า ในขณะที่ AK Jr จะเน้นช่วงเสียงกลาง และมีเสียงโดยรวมออกในแนวหม่นกว่า นอกจากนี้ยังมีความสามารถต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่ง ZX100 จะเด่นในด้านตัวประมวลผลเสียงที่อยู่ในเครื่อง แต่ AK Jr ก็สามารถใช้งานเป็น DAC ต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นกับผู้ใช้มากกว่า ว่าชอบตัวไหนมากกว่ากัน

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกเสียดายที่ Sony ไม่ได้ใช้ Android เป็น OS ของ Walkman ZX100 เพราะตอนนี้กระแสบริการฟังเพลงออนไลน์แบบบุฟเฟต์กำลังมาแรง และมีบริการของหลาย ๆ ค่ายที่เตรียมจะเพิ่มความละเอียดให้สูงกว่าคุณภาพเทียบเท่าแผ่น CD อยู่ ทำให้คนที่ใช้บริการพวกนี้อยู่ ต้องอัพรุ่นเป็น Walkman ZX2 ซึ่งมีราคาสูงกว่า และมีแนวเสียงที่อาจจะฟังไม่สนุกเท่า

สรุป หากใครกำลังมองหาเครื่องเล่นเพลงที่พกพาได้สะดวก มีการใช้งานที่ตรงไปตรงมา ซอฟต์แวร์มีความเสถียร มีแนวเสียงที่ฟังสนุก แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน และไม่ได้ใช้งานบริการฟังเพลงออนไลน์ Walkman ZX100 อาจจะเป็นเนื้อคู่คนนั้นของคุณครับ

Like

• วัสดุดูดีมีราคา งานประกอบดูแน่นหนา
• พื้นที่เก็บเพลงขนาดใหญ่ และสามารถเพิ่มพื้นที่ด้วย microSD
• รองรับ A2DP codec ที่หลากหลาย
• น้ำเสียงฟังสนุก มีมิติเสียงที่กว้าง
• ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้งที่นาน

Don’t like

• หน้าจอความละเอียดน้อย สีสันไม่สดใส
• Clear Phase และ Clear Stereo ออกแบบมาให้ใช้งานได้เฉพาะกับหูฟังรุ่น MDR-NW750N เท่านั้น ควรจะเพิ่มการตั้งค่าให้กับหูฟังอื่น ๆ ของ Sony เองด้วย
• Digital Noise Canceling  ออกแบบมาให้ใช้งานได้เฉพาะกับหูฟังรุ่น MDR-NW750N เท่านั้น

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Sony Thai ที่เอื้อเฟื้อ Walkman ZX100 มาสำหรับการรีวิวด้วยครับ

More info

Sony

Sony Japan