คราวที่แล้วที่เราได้รีวิวเจ้า KORG DS-DAC-100 ไป เราได้มีโอกาสยืม DAC แบบพกพาที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน คือรุ่น DS-DAC-100m มาด้วย เราก็จะมารีวิวเจ้า DAC พกพาที่อัดความสามารถต่าง ๆ เทียบเท่ากับ DAC ตัวพี่กันครับ
เนื่องจากเจ้า DS-DAC-100m นั้นมีสเปกที่เรียกว่าถอดกันมากับ DS-DAC-100 เลย เพราะฉะนั้นรายละเอียดส่วนไหนที่เหมือน ๆ กัน ก็จะขอไม่พูดถึงนะครับ
Package
กล่องสินค้าออกแบบมาในรูปแบบเดียวกันเลย เพียงแต่กล่องเล็กกว่าเท่านั้น
ข้างใต้กล่องเป็นภาพวาดลายเส้นของ DS-DAC-100m
นอกเหนือจากตัว DAC เอง ของที่ให้มาในกล่องมีเพียงคู่มือและสาย Micro USB – USB เท่านั้นเอง
Product
สำหรับงานออกแบบของ DS-DAC-100m อาจจะไม่ได้ดูอวกาศเหมือนพี่ของมัน แต่วัสดุต่าง ๆ ที่ใช้เหมือนกัน คือเป็นโลหะพ่นทราย งานประกอบก็เนี๊ยบสมกับงานผลิตในญี่ปุ่น
ด้านล่างจะมีปุ่มยางรองเครื่องอยู่ทั้งสี่ด้าน
ด้านหน้า เป็นตำแหน่งแจ็คหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งมีกำลังขับสูงสุด 85 W ที่ 32 โอห์ม เช่นเดียวกับพี่ของมัน ไฟสถานะบอก sample rate หรือระดับเสียงของ DAC และปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง
สำหรับการปรับเพิ่มลดเสียงนั้น เมื่อเรากดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงนั้น ไฟสถานะจะแสดงระดับเสียงที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน โดยถ้าเริ่มจากระดับเสียงน้อยสุด เมื่อกดเพิ่มเสียง ไฟจะติดกระพริบ จนเรากดเพิ่มเสียงไป 4 – 5 ครั้ง ไฟก็จะติดนิ่ง ถ้ากดเพิ่มอีกไฟดวงถัดไปก็จะกระพริบต่อ เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
จุดที่ผมอยากชมคือ เวลาเรากดเพิ่มเสียง ไม่ว่าจะค่อย ๆ กดเป็นครั้งหรือกดค้าง ระดับความดังจะขึ้นช้า เพื่อป้องกันไม่ให้เราฟังดังเกินไป แต่พอลดระดับเสียงลง สามารถลดได้อย่างรวดเร็วมาก
ด้านหลัง เป็นตำแหน่งของพอร์ต Micro USB สำหรับต่อกับคอมพิวเตอร์ และ line out ขนาด 3.5 มม. สำหรับไปต่อกับอุปกรณ์เครื่องเสียงอื่น ๆ
สำหรับสเปกภายในนั้นเหมือนกับ DS-DAC-100 พี่ของมันทั้งหมดเลย คือใช้ชิป DAC เบอร์ CS4398 จาก Cirrus Logic รองรับการแปลงสัญญาณ PCM สูงสุดถึง 24 bit 192 kHz และ DSD ที่อัตราสุ่มสัญญาณที่ 2.8 MHz และ 5.6 MHz การออกแบบภาคเสียงโดยรวมแล้วก็แทบไม่แตกต่างกัน
ผมคิดว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้งานออกแบบของ DAC พี่น้องคู่นี้ทำสเปกออกมาได้แบบเหมือนกันเป๊ะ ๆ เลย น่าจะเป็นการใช้ชิ้นส่วนแบบ SMD (Surface-mount device) และ IC ในการประกอบวงจร ซึ่งทำให้ได้วงจรที่ซับซ้อนในขนาดที่เล็กกว่าวงจรเครื่องเสียงบ้านทั่ว ๆ ไป ที่นิยมใช้ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ และชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่กัน
Set up
เนื่องจากเจ้าDS-DAC-100m ใช้ไดร์เวอร์และซอฟต์แวร์เดียวกันกับ DS-DAC-100 คือ AudioGate3 ซึ่งก็สามารถดูวิธีติดตั้งและใช้งานได้ในรีวิวก่อนหน้าครับ
Performance
ในส่วนของการใช้งานจริงของ DS-DAC-100m ผมก็ใช้งานไม่ต่างจากการใช้งานพี่ของมัน ซึ่งเสียงของมันก็แทบจะเรียกว่าไม่ต่างจากพี่ของมันเลย คือเน้นในเรื่องของการเก็บรายละเอียดของเสียงให้ครบทุกเม็ดอย่างเที่ยงตรงที่สุด และเอกลักษณ์ช่วงเสียงแหลมที่ทำออกมาได้ใสและคมชัดก็ยังตามมาด้วย
ในการใช้งานส่วน line out ต่อกับชุดเครื่องเสียงบ้าน ผมพบว่าเสียงที่ได้ออกมาแตกต่างกันบางเล็กน้อย ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเกิดจากสายสัญญาณที่ใช้นี้แหละ แต่โทนเสียงโดยรวมแล้วฟังดูไปในแนวทางเดียวกันกับ DS-DAC-100
ถ้าหากนำเจ้า DS-DAC-100m ไปเทียบกับ DAC พกพายอดนิยมอย่าง Meridian Explorer แล้ว ผมคิดว่าเสียงของ KORG นั้นคม ชัด มีรายละเอียดมากกว่า ภาคแอมป์หูฟังที่มีกำลังมากกว่า และราคาในไทยที่ถูกกว่าพอสมควร ส่วนตัว Meridian เองให้มิติที่กว้างกว่า และมีช่วงแหลมที่ฟังสบายกว่า เครื่องมีขนาดเล็กกว่า และมี S/PDIF ให้
Conclusion
ส่วนมากเวลาผู้ผลิตทำสินค้ารุ่นสำหรับการพกพานั้น มักจะชอบหาวิธีลดต้นทุนในขณะที่ลดขนาดของมันลงมา ซึ่งการลดต้นทุนในบางจุดนั้นก็มักจะมีผลต่อประสิทธิภาพของตัวเครื่องด้วย แต่หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับ DS-DAC-100m ที่เรียกว่าลดมาแต่ขนาดอย่างเดียว แต่ไม่ลดคุณภาพลงเลย คุณความดีอะไรที่มีในพี่ของมัน ก็มาอยู่กับเจ้าน้องเล็กนี้เช่นกัน
สรุปคือใครกำลังมองหา DAC ตัวเล็ก ๆ สำหรับใช้งานกับหูฟังเป็นหลัก ไม่เน้นใช้งานกับลำโพง เจ้า DS-DAC-100m นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ
Like
- วัสดุและงานประกอบดีมาก
- ปุ่มปรับเสียงที่ทำมาฉลาดกว่าที่คิด
- ย่อขนาดลง แต่ไม่ลดคุณภาพ
- แนวเสียงที่เน้นเรื่องของการแสดงรายละเอียดเสียง
Don’t like
- โปรแกรม AudioGate 3 ยังมีบักที่สร้างความรำคาญใจอยู่บ้าง
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง Music Concept ตัวแทนนำเข้าสินค้าของ KORG ที่เอื้อเฟื้อให้ทางเราได้ยืมอุปกรณ์เพื่อทำการรีวิวครับ