Set up
การเริ่มใช้งาน Xperia XZ นั้น ขั้นตอนต่าง ๆ ไม่แตกต่างจากอุปกรณ์ Android ตัวอื่น ๆ ที่จะให้เราเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แล้ว sign in ด้วยบัญชีของ Google เพื่อใช้งานบริการต่าง ๆ ของ Google บนอุปกรณ์ เพียงแต่ทาง Sony ก็ได้เตรียม Xperia Transfer Mobile สำหรับย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น และบริการ Protection by my Xperia สำหรับใช้ค้นหา, ล็อคเครื่อง และล้างข้อมูลบนสมาร์ทโฟนมาให้ โดยใช้เพียงบัญชีของ Google ที่เรา sign in ไว้บนเครื่องเท่านั้น
สำหรับคนที่ได้เครื่องมา แต่ Android ยังเป็นรุ่นเก่าอยู่ ก็ต้องทำการเช็ค system update เพื่อโหลดซอฟต์แวร์ระบบที่เป็น Android รุ่นล่าสุดมาอัพเดทเครื่องอีกครั้ง
ส่วนโปรแกรมการจัดการตัวเครื่องผ่านคอมพิวเตอร์นั้น ทาง Sony ได้เปลี่ยนมาใช้โปรแกรม Xperia Companion มาตั้งแต่ช่วงที่เปิดตัว Xperia ตระกูล X เมื่อปีที่แล้ว โดยโปรแกรมนี้ก็ยังคงความสามารถคล้าย ๆ โปรแกรม PC Companion เดิม ที่สามารถใช้อัพเดทและซ่อมเฟิร์มแวร์ ทำสำเนาข้อมูลในเครื่อง ซิงก์ข้อมูลไฟล์สื่อ แต่ตอนนี้ได้เพิ่มความสามารถในการซิงก์ไฟล์เพลงจาก library ของโปรแกรม iTunes และโปรแกรม Media Go ที่เคยใช้เป็นโปรแกรมในการจัดการไฟล์เพลงบน Xperia ในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างเสียดายที่ไม่สามารถใช้ Media Go ที่มีความสามารถเยอะกว่าได้แล้วอยู่เหมือนกัน
Performance
เนื่องจากผมซื้อ Xperia XZ มาเพื่อใช้งานแทน Xperia S ซึ่งมีอายุค่อนข้างนานแล้ว โดยการใช้งานสมาร์ทโฟนของผม ส่วนมากเน้นไปที่การโทรออก – รับสายโทรศัพท์ เช็คอีเมล อัพเดทข้อมูลบน social network และการถ่ายรูปเพื่อเอาไปแชร์ต่อหรือถ่ายเอกสารเพื่อเป็นบันทึกช่วยจำ มีเล่นเกม ฟังเพลง และดูวิดีโอบ้างนิดหน่อย เพราะฉะนั้นผมเองก็คาดหวังว่า Xperia XZ เครื่องนี้ตอบโจทย์ที่ผมว่ามาได้เป็นอย่างดี
สัมผัสแรกตอนที่จับเครื่อง ผมรู้สึกถึงคุณภาพวัสดุและงานผลิตที่มีคุณภาพของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะส่วนฝาหลังอลูมิเนียม ALKALEIDO ที่มีความสวยงามแตกต่างจะอลูมิเนียมในอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ผมเคยสัมผัสมา หน้าจอ IPS มีมุมมองที่กว้าง และมีความสว่างมากพอที่จะใช้กลางแจ้งได้ ตัวอ่านลายนิ้วมือก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วมาก แค่กดปุ่มเปิดหน้าจอ เครื่องก็ปลดล็อคให้เลย แต่ก็มีบางครั้งที่อ่านลายมือไม่ค่อยติด โดยเฉพาะเวลาที่เสียบสาย USB อยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า
ส่วนตัวซอฟต์แวร์นั้น ในการใช้งานทั่วไป จัดว่าไหลลื่นตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธง การเปิดแอพต่าง ๆ บนเครื่องทำได้อย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องมีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อยตอนเพิ่งเปิดเครื่องใหม่ในบางครั้ง
ส่วนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ Xperia XZ นั้น ผมเองไม่เจอปัญหาอะไรในการโทรออกและรับสายโทรศัพท์ที่เข้ามา แต่ในการใช้งาน data นั้น ผมสังเกตว่าความแรงสัญญาณ LTE+ ค่อนข้างแกว่งไปมา ในขณะที่สัญญาณ HSPA+ ขึ้นเต็มตลอดในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ความเร็วการเชื่อมต่อแกว่งตามไปด้วย ตัวผมเองคิดว่าอาจจะเป็นที่ตัวผู้ให้บริการมากกว่า ส่วนการเชื่อมต่อ Wireless LAN นั้น ผมใช้งานร่วมกับเราท์เตอร์ Linksys EA6500 ได้ไม่มีปัญหาอะไร รวมไปถึงการใช้ Miracast กับโทรทัศน์ Bravia ก็สามารถสตรีมภาพหน้าจอพร้อมเสียงได้ราบรื่นกว่าที่คิดไว้ด้วย
สิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับการเชื่อมต่อมีเพียงตำแหน่งของเสาอากาศ NFC ที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้งานจริงได้ยาก ผมเข้าใจว่าคงเป็นเพราะการเลือกใช้อลูมิเนียมในส่วนฝาหลัง จึงทำให้ไม่สามารถวางตำแหน่งเสาที่ด้านหลังเครื่องได้ตามปกติ
การรับสัญญาณ GPS ทำได้อย่างรวดเร็วกว่า Xperia S เครื่องเดิม ซึ่งในความรู้สึกผมก็รู้สึกว่าเร็วอยู่แล้ว แต่ Xperia XZ ทำได้เร็วแบบทันใจกว่ามาก ความแม่นยำในการติดตามก็จัดว่าเพียงพอกับการใช้งานกับ Google Map แอพออกกำลังกาย หรือเกมอย่าง Pokemon Go เป็นต้น
สำหรับจุดขายหลักของ Xperia XZ อย่างการถ่ายภาพนั้น การทำงานของซอฟต์แวร์กล้องโดยรวมนั้นมีความรวดเร็ว ระบบการโฟกัสของกล้องหลังและกล้องหน้าทำงานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากโดยเฉพาะบริเวณที่มีแสงมาก แต่ก็จะลดลงไปบ้างในบริเวณที่มีแสงน้อย ส่วนความสามารถติดตามวัตถุเพื่อโฟกัสนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เร็วเท่ากับกล้องตระกูล Alpha ของ Sony แต่การที่มีมันก็ช่วยให้การโฟกัสภาพเคลื่อนไหวนั้นง่ายขึ้นมาก และการที่กล้องใช้เลนส์มุมกว้าง ก็ช่วยให้สามารถถ่ายภาพที่ต้องการมุมภาพกว้าง ๆ เช่น ภาพถ่ายหมู่ได้เป็นอย่างดี
ลักษณะภาพที่ได้จากกล้องหลัง บริเวณกลางภาพจะชัดเจน แต่จะบวมถ้าวัตถุที่ถ่ายอยู่ใกล้ บริเวณมุมภาพจะซอฟต์กว่าตรงกลาง ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นผลมาจากเลนส์มุมกว้าง สีสันและการจัดการสมดุลแสงขาวในสภาพแสงธรรมชาติทำออกมาได้สมจริง ใกล้เคียงตาเห็น แต่ยังคงเพี้ยนบ้างในสภาพแสงจากหลอดไฟ ตัวเซนเซอร์เองก็สามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ของภาพที่ความละเอียดสูงสุดไว้ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าตัวซอฟต์แวร์กล้องนั้นพยายามเพิ่มความคมและลบนอยส์ในภาพมากเกินไป จนทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาบางภาพ ดูแข็ง ๆ ขาดรายละเอียด ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไร โดยเฉพาะสภาพแสงน้อย ที่จะต้องใช้ค่า ISO สูง ๆ ในการถ่าย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพ นอกจากที่จะเบลอจากการถือแล้ว ยังโดนเกลี่ยหายจากการลบนอยส์ไปอีกด้วย
ส่วนภาพจากกล้องหน้านั้น ผมรู้สึกว่าภาพที่ได้นั้นดูดีกว่ากล้องหลังมาก ถึงแม้การเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ อาจจะสู้ไม่ได้ แต่ตัวซอฟต์แวร์ไม่ได้เพิ่มความคมและลบนอยส์มากจนเกินไป ทำให้ภาพโดยรวมนั้นออกมาดีกว่า
จุดขายอีกอย่างของ Xperia XZ คือการบันทึกวิดีโอ ซึ่งระบบโฟกัสและระบบกันสั่น Steadyshot สามารถทำงานเพื่อให้ภาพวิดีโอออกมาคมชัดได้เป็นอย่างดี แต่ตัววิดีโอที่ถูกถ่ายโดยโหมด Video ปกติเองก็ถูกซอฟต์แวร์ปรับความคมและลบนอยส์มากเกินไป โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย จนทำให้รายละเอียดในวิดีโอนั้นหายไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตัววิดีโอที่ถูกถ่ายด้วย 4K video นั้นกลับให้ภาพออกมาที่ดีมาก ตอนซูมที่อัตราส่วน 1:1 จะเห็นว่าตัวภาพไม่ถูกเพิ่มความคมหรือลบนอยส์จนมากเกินไป และเมื่อย่อภาพลงที่ความละเอียด Full HD ก็ให้ภาพที่มีความคมชัดมาก
ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนยุคนี้อีกข้อ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของคุณภาพเสียง โดยเฉพาะการฟังเพลงด้วยหูฟัง ซึ่งผมได้นำเอาหูฟังที่ผมมีหลาย ๆ ตัวมาลอง รวมทั้ง MDR-NC750 ที่ผมได้แถมมาตอนซื้อ มาฟังเพลงผ่านแอพ Music ที่มากับตัวเครื่อง ซึ่งตัวเครื่องเองก็มีกำลังขับมากพอที่จะขับหูฟังที่ผมมีอยู่ได้ เพียงแต่บางตัวอาจจะต้องเพิ่มระดับความดังขึ้นมามากหน่อย
ลักษณะเสียงผ่านแจ็คหูฟังนั้น ผมรู้สึกว่าจะเน้นเสียงในย่านกลางเป็นหลักเหมือนกับสมาร์ทโฟนตัวอื่นที่เคยใช้มา แต่เสียงเบสก็ยังคงมีแรงประทะและลงได้ลึก เสียงแหลมก็ฟังดูเป็นธรรมชาติ ไม่ฟังดูทู้ ๆ การแยกรายละเอียดเสียงเล็ก ๆ ทำได้โอเค ส่วนมิติเสียงก็ฟังดูไม่อุดอู้นัก คุณภาพเสียงโดยรวมจัดว่าทำได้ดีพอ ๆ กับเครื่องเล่นเพลงความละเอียดสูงรุ่นเล็ก ๆ แล้ว
ส่วนเสียงจากลำโพง ผมคิดว่าถึงแม้จะมีรายละเอียดและการแยกมิติเสียงที่ใช้ได้ แต่เสียงโดยรวมนั้นบางและเบา จนทำให้ต้องเร่งความดังเสียงขึ้นมาเกือบสุดบ่อย ๆ เพื่อให้ได้ยินเสียงชัดเจน ผมได้ลองเปิดใช้งาน S-Force Front Surround ดู ก็พบว่าพอช่วยให้เสียงลำโพงฟังดูดังและชัดเจนขึ้นได้บ้าง แต่คุยโทรศัพท์นั้นไม่สามารถใช้ได้ เพราะลำโพงตัวล่างจะทำงานเพียงตัวเดียวเท่านั้น
การทำงานของตัวประมวลผลเสียงต่าง ๆ ยังให้ผลเหมือนกับการใช้ Walkman เพียงแต่บน Xperia XZ จะมีข้อจำกัดว่าถ้าเปิดใช้งาน DSEE HX แล้ว จะไม่สามารถใช้งานตัวประมวลผลเสียงอื่น ๆ ได้เลย ส่วนความสามารถ Automatic headset compensation นั้น ทำงานได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้ โดยมันสามารถชดเชยเสียงของหูฟังในย่านที่ขาดหายไปได้เป็นอย่างดี เช่น MDR-CD900ST ที่มีความดังไม่มาก และเน้นเสียงในย่านกลางและแหลม ก็จะถูกเพิ่มความดังและเสียงเบสขึ้นมา หรือ MDR-EX1000 ที่เสียงแหลมออกมาไม่มาก ก็จะถูกเพิ่มปริมาณเสียงแหลมเข้าไปอีก
ส่วนตัวประมวลผล Digital NC นั้น ช่วงนี้ผมเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบ่อย จึงมีโอกาสใช้งานโหมด Bus/Train กับหูฟัง MDR-NC750 ซึ่งมันก็สามารถลดเสียงการวิ่งของรถไฟฟ้าได้ดีทีเดียว แต่ความสามารถนี้จะใช้ไม่ได้ขณะที่โทรศัพท์อยู่ เพราะต้องใช้ไมค์บนหูฟังรับเสียงสนทนาเข้ามาแทน
สำหรับคุณภาพเสียงของไมโครโฟน ตอนที่ผมใช้คุยโทรศัพท์นั้น ปลายสายที่คุยด้วยไม่ได้บ่นเรื่องคุณภาพเสียงแต่อย่างใด แต่เพื่อให้ทราบคุณภาพเสียงจริง ๆ ผมเลยเอา Xperia XZ ไปบันทึกเสียงเครื่องดนตรีด้วยแอพ Audio Recorder ของ Sony เอง ซึ่งเสียงที่บันทึกได้ถึงแม้จะได้ไม่ดีเท่า IC recorder แต่ฟังออกมาแล้วใช้ได้ทีเดียว มี clipping บางนิดหน่อย แต่สิ่งที่ผมแปลกใจ คือตัวแอพสามารถบันทึกเสียงแบบ binaural จากไมค์ที่อยู่บนหูฟังตัดเสียงรบกวนทั้ง 2 ข้างได้ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นความสามารถที่ดี ในยุคที่ VR กำลังได้รับความนิยม
สำหรับการวัดประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ผมใช้แอพ Antutu Benchmark และ 3DMark ในการวัดประสิทธิภาพของ Xperia XZ โดยที่ตัวเครื่องมีการลงแอพใช้งานในชีวิตประจำวันของผมไว้แล้ว และรันแอพทดสอบ หลังจากเปิดเครื่อง โดยแอพ Antutu Benchmark เครื่องของผมสามารถทำคะแนนรวมไปได้ 127,173 คะแนน
ส่วนผลทดสอบจากแอพ 3DMark นั้น ในการทดสอบ Sling Shot ซึ่งเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดเท่ากับหน้าจอของ Xperia XZ ที่ 2,879 คะแนน และ Sling Shot Extreme ซึ่งเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียด 2,560 x 1,440 พิกเซล ที่ 2,342 คะแนน โดยรวมแล้วคะแนนประสิทธิภาพจากทั้ง 2 แอพ ก็จัดอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟน Android รุ่นเรือธงตัวอื่น ๆ ครับ
เรื่องระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้งนั้น ผมไม่ได้ลองจับเวลาจริง ๆ จัง ๆ แต่สังเกตเอาจากการใช้งานจริง ซึ่งถ้าเป็นวันทำงานปกติแบตเตอรี่ตอนกลับมาบ้านจะอยู่แถว ๆ ประมาณ 70% – 80% กว่า ๆ และถ้าเป็นช่วงเวลาวางเครื่องทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานเลย แบตเตอรี่ลดลงเพียง 1% – 3% เท่านั้น แต่ถ้าผมเอาเครื่องไปถ่ายรูปเยอะ ๆ หรือเล่นเกมเมื่อไร แบตเตอรี่จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว แบบ 3 ชม. เหลือแถว ๆ 60% – 50%
ในการชาร์จไฟกลับเข้า ผมได้ลองจับเวลาการชาร์จด้วยที่ชาร์จ UCH20 ที่ปริมาณแบตเตอรี่ 50% จนเต็ม 100% จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ซึ่งจัดว่าเร็วใช้ได้อยู่ ส่วนความสามารถ Battery Care นั้น ด้วยความที่ผมเองไม่มีเวลาชาร์จไฟเป็นเวลา ความสามารถนี้เลยไม่ค่อยทำงานออกมาให้เห็นสักเท่าไร ผมคิดว่าถ้า Sony เปิดโอกาสให้กำหนดระยะเวลาชาร์จ ก็น่าจะดีกว่านี้
ส่วนปัญหาในการใช้งาน Xperia XZ นั้น ผมพบว่าแอพ Camera ไม่สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และ ISO เองพร้อมกันทั้งสองอย่างได้ ถ้าผมตั้งค่าตัวใดตัวหนึ่ง อีกตัวจะกลายเป็น Auto เอง ซึ่งเรื่องนี้สามารถแก้ได้โดยการเปลี่ยนไปใช้แอพกล้องตัวอื่น แต่ก็จะเจอปัญหาว่า แอพกล้องตัวอื่นจะเห็นความละเอียดของกล้องได้สูงสุดแค่ 8 ล้านพิกเซล ที่อัตราส่วน 16:9 เท่านั้น
อีกเรื่องหนึ่งก็คือความร้อนที่เกิดขึ้นจากการใช้งานกล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ตาม ซึ่งเมื่อมีการใช้งานต่อเนื่องจนความร้อนขึ้นสูง ประมาณ 5 -10 นาทีขึ้นไป ซอฟต์แวร์จะจำกัดความสามารถหรือการทำงานบางอย่างจนกว่ากล้องจะเย็นลง เช่น การติดตามวัตถุ ตรวจจับใบหน้า หรือการเริ่มบันทึกวิดีโอไฟล์ใหม่ ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถที่เลือกใช้งานและรูปแบบของวิดีโอที่บันทึก ซึ่งตัวผมเองเคยเจอตอนถ่ายภาพนิ่งขณะเปิดการติดตามวัตถุไว้ และตอนบันทึกวิดีโอ Full HD ที่เฟรมเรต 60 เฟรม ความยาวประมาณ 15 นาทีครับ
Conclusion
จากการใช้งาน Xperia XZ มาประมาณ 3 เดือน ผมคิดว่ามันตอบโจทย์การใช้งานสมาร์ทโฟนของผมที่กล่าวไว้ข้างต้นได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องออกแบบสวยงาม ซอฟต์แวร์เสถียร ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมก็จัดว่าดีตามที่สมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธงในช่วงเวลานี้จะทำได้ และการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งนี้ทำผมประทับใจใน Xperia XZ มาก และเชื่อว่าคนที่ได้มีโอกาสลองใช้ก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกันด้วย
ส่วนจุดที่ต้องปรับปรุงนั้น มีเพียงเรื่องการประมวลผลรูปถ่ายและวิดีโอ Full HD ที่มากเกินไป ซึ่งผมคิดว่าน่าจะออกอัพเดทปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้ ถ้า Sony สามารถทำได้ ผมคิดว่าสมาร์ทโฟน Sony ก็น่าจะเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้กลุ่มที่รักการถ่ายภาพได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
Like
- งานออกแบบตัวเครื่องที่สวยงามตามแบบฉบับของ Sony
- อลูมิเนียม ALKALEIDO มีความสวยงาม แข็งแรง เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากสมาร์ทโฟนตัวอื่น ๆ
- ซอฟต์แวร์ระบบประสิทธิภาพดี ไม่ค่อยมีปัญหา
- สีสันภายถ่ายที่ดูสมจริง ใกล้เคียงตาเห็น
- การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K และระบบกันสั่น SteadyShot
- คุณภาพเสียงผ่านหูฟังดี
- ระบบตัดเสียงรบกวน Digital NC
- รองรับการบันทึกเสียงแบบ binaural
Don’t like
- ตำแหน่งเสา NFC ไม่เหมาะแก่การใช้งาน
- บางครั้งตัวอ่านลายนิ้วมือก็ไม่สามารถอ่านลายนิ้วมือได้
- ซอฟต์แวร์กล้องประมวลผลรูปถ่ายและวิดีโอ Full HD มากเกินไป จนภาพดูไม่เป็นธรรมชาติ และรายละเอียดเล็ก ๆ หายไป
- แอพกล้องไม่สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และ ISO เป็นอิสระจากกันได้
- แอพกล้องตัวอื่นไม่สามารถเข้าถึงความละเอียดสูงสุดของกล้องได้
- ลำโพงเสียงเบา
Sony XZโหมดถ่ายรูปสู้รุ่น Xperia Z ไม่ได้เลย เสียความรู้สึกมาก ไม่มีโหมดโฟกัสอัตโนมัติจุดเดียว
แตะตรงไหนได้รูปชัดตรงจุดนั้นเลย
ใช้Sonyมาเป็นเครื่องที่4แล้วไม่ชอบ SonyXZที่ซื้อมาเมื่อ2เดือนที่แล้วนี้เลย
ถ่ายรู้ไม่ได้เรื่องเลย แตะตรงไหนก็โฟกัดที่จุดกลางเหมือนเครื่องถูกๆ
เซ็นเซอร์แสงก็เสีย
เครื่องผมเลือกแตะโฟกัสเฉพาะจุดได้อยู่นะครับ แต่ต้องปิด Object tracking ก่อนครับ
Pingback: ลองใช้งาน Sony | Music Center แอพฟังเพลงความละเอียดสูงตัวใหม่จาก Sony | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง compact soundbar ที่งาน 2017 Sony Audio Media Gathering | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง หูฟังตัดเสียงรบกวนตระกูล 1000X ของ Sony | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง หูฟัง Truly Wireless รุ่น WF-1000X จาก Sony | RE.V –>
Pingback: ลองฟัง หูฟัง Truly Wireless รุ่น WF-1000X จาก Sony | RE.V –>