ตอนงานเปิดตัวหูฟังตระกูล 1000X ของ Sony ปีที่แล้ว ผมเองยังไม่ได้มีโอกาสได้ลองฟังเจ้า WF-1000X ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายอย่างสมบูรณ์แบบ (Truly Wireless ตามที่ Sony เรียก) แต่หลังจากนั้น ผมเองได้มีโอกาสลองฟังหูฟังรุ่นนี้ขณะที่แวะดูของในร้าน Sony Store พอดี ก็เลยได้มีโอกาสมาเขียนเล่าประสบการณ์ลองฟังของหูฟังรุ่นนี้ครับ

ตัวหูฟัง WF-1000X จะประกอบไปด้วยตัวหูฟังข้างซ้ายและข้างขวา ซึ่งเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย และตัวกล่อง Charging Case สำหรับเก็บตัวหูฟังและชาร์จไฟ ตัวหูฟังเองนั้น ผมคิดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีน้ำหนักเบา ซึ่งส่วนหนึ่งคิดว่ามาจากตัวถังของตัวหูฟังที่ทำจากพลาสติก

ในหูฟังแต่ละข้างจะมีส่วนประกอบคือ ไมโครโฟนสำหรับรับเสียงอยู่ที่ด้านที่หันออกจากหู ไฟสถานะอยู่ตรงส่วนปลาย หน้าสัมผัสสำหรับชาร์จไฟอยู่ด้านที่หันเข้ามาในหู และปุ่มกดอยู่ที่ด้านล่างของหูฟัง ซึ่งในหูฟังข้างซ้ายจะทำหน้าที่เป็นปุ่มเปิด – ปิด และควบคุมการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวน ส่วนในข้างขวาจะทำหน้าที่เป็นปุ่มควบคุมการเล่นเพลง รับสายโทรศัพท์ และเรียกใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงเหมือนกับรีโมทบนหูฟังแบบสาย

สำหรับสวมใส่ WF-1000X จะใช้จุกหูฟังแบบ Hybrid Silicone ซึ่งมีความยาวของส่วนหมวกที่มากกว่าจุกหูฟังในหูฟังรุ่นอื่นของ Sony และ Fitting Support ที่เป็นห่วงยางที่เอาไว้ดันตัวหูฟังให้พอดีกับใบหู ส่วนตัวผมคิดว่าการสวมใส่ของหูฟังตัวนี้จัดว่าสบาย ๆ แต่ยังคงความแน่นที่ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวหูฟังจะไม่หลุดออกจากหูไปขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ

นอกเหนือจากจุก Hybrid Silicone มาตรฐาน หูฟังรุ่นนี้ยังให้จุกหูฟังแบบ Triple-Comfort Earbuds ที่เปิดตัวครั้งแรกกับหูฟังตระกูล XBA-N มาอีกด้วย ซึ่งผมคิดว่าจะช่วยให้การสวมใส่นั้นกระชับและลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากขึ้น

กล่อง Charging Case นั้น ผมคิดว่ามีขนาดใหญ่กว่าซองหรือกล่องหูฟังของ Sony เอง และมีน้ำหนักพอสมควร จากการที่มีแบตเตอรี่ภายในและวัสดุของตัวกล่องที่ทำจากโลหะ อย่างไรก็ตามขนาดและน้ำหนักนั้นยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่

ภายในเคสจะมีเบ้าล็อกสำหรับใส่หูฟังอยู่ เมื่อเราหยิบหูฟังออกมา ตัวหูฟังจะถูกเปิดการทำงานทันที และเมื่อเราเอาหูฟังใส่กลับลงไป หูฟังก็จะถูกปิด แล้วถูกชาร์จไฟด้วยแบตเตอรี่ภายในตัวเคส พร้อมแสดงไฟสถานะตามรูปข้างบน

ขั้นตอนการเชื่อมต่อหูฟังนั้น หากใครใช้อุปกรณ์ Android ที่มี NFC ก็เพียงแต่เอาหูฟังข้างซ้ายออกมาจากเคส แล้วเอาอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อสแกน NFC ที่อยู่ตรงก้นของเคสได้เลย

เช่นเดียวกับหูฟังรุ่นพี่ในตระกูล 1000X เจ้า WF-1000X ก็ใช้แอพ Sony | Headphones Connect ในการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวหูฟังเช่นกัน เพียงแต่รุ่นนี้จะไม่สามารถตั้งค่าได้เยอะเหมือนกับหูฟังตัวอื่นในตระกูล

ความสามารถจุดขายอย่าง Adaptive Sound Control ที่จะปรับการตั้งค่าของ Noise Canceling ตามกิจกรรมของเรานั้นยังคงมีมาให้เหมือนเดิม แต่ตัว Noise Canceling เอง ก็ไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้มาก นอกจากเลือกรูปแบบของ Ambient Sound Control ระหว่าง Voice Mode ที่ตัดเสียงรบกวนอื่นออกยกเว้นเสียงคนพูด และ Normal Mode ที่ปล่อยให้เสียงภายนอกเข้ามาในตัวหูฟัง

Equalizer ของ WF-1000X จะเป็นแบบ 5 ความถี่ พร้อม CLEAR BASS ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบสโดยเสียงเบสไม่แตกพร่า แต่เราจะไม่สามารถปรับ EQ ได้เองโดยอิสระได้ ทำได้เพียงเลือกรูปแบบ preset ที่เขาตั้งค่าเตรียมมาให้อยู่แล้วเท่านั้น

สิ่งที่เราสามารถตั้งค่าให้หูฟังได้อีกอย่างก็คือรูปแบบของ A2DP codec ที่ใช้ในการส่งสัญญาณเสียง ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่าง AAC หากต้องการเน้นในเรื่องคุณภาพเสียง และ SBC หากต้องการความเสถียรในการเชื่อมต่อ

ผมได้มีโอกาสลองใช้งาน WF-1000X กับโทรศัพท์ Xperia XZ อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งที่ประทับใจคือน้ำเสียงของหูฟังตัวนี้ ซึ่งมีลักษณะไปทางหูฟังตระกูล EX รุ่นเก่า ๆ ของ Sony ที่เน้นเสียงย่านกลางเป็นหลัก แต่ยังคงปริมาณเบสและเสียงแหลมเอาไว้แบบพอดิบพอดี ส่วนระบบตัดเสียงรบกวนนั้น เบื้องต้นผมคิดว่า WF-1000X ทำได้ดีกว่า MDR-NC750 ที่ใช้งานอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ยังสู้หูฟังตัวอื่นในตระกูล 1000X ไม่ได้

สำหรับเรื่องที่หลาย ๆ คนที่กำลังจะหันมาเล่นหูฟังแบบ true wireless คือความเสถียรของสัญญาณ ผมเองยังไม่เคยลองหูฟังลักษณะนี้ของเจ้าอื่น ๆ จึงไม่สามารถบอกได้ว่า WF-1000X นั้นดีกว่าหรือแย่กว่าหูฟังยี่ห้ออื่นหรือไม่ แต่จากการลองใช้งานหูฟังที่มีเฟิร๋มแวร์รุ่น 1.0.7 ในร้านซึ่งมีการใช้สัญญาณไร้สายอย่างหนาแน่น ผมพบว่าสัญญาณที่หูฟังด้านขวาจะขาดเป็นพัก ๆ หากใช้ codec เป็น AAC ซึ่งอาการนี้จะดีขึ้นเมื่อผมเปลี่ยนมาใช้ codec แบบ SBC แต่การใช้ SBC กับหูฟังตัวนี้ จะทำให้คุณภาพเสียงลดลงไปมาก แบบฟังได้ชัดเจน นอกจากนี้ผมยังได้ลองเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงดู ก็พบว่าสัญญาณของหูฟังทั้งสองข้างจะเริ่มขาดเป็นพัก ๆ เช่นกัน

ปัญหาในขณะที่ลองนั้น ผมเองเจอแค่ตอนขณะที่ลองเปลี่ยนรูปแบบ A2DP codec ซึ่งหากกดเปลี่ยนไปมาบ่อย ๆ ตัวหูฟังเองจะไม่ยอมเปลี่ยน codec ให้ หรือในบางครั้งสัญญาณก็จะขาดหายไปเลย จนผมต้องเอาหูฟังกลับไปใส่ในเคส แล้วเอาออกมาใหม่อีกครั้ง

จากการลองฟัง WF-1000X ผมเองยังไม่อยากด่วนสรุปกับหูฟังตัวนี้ว่ามันดีหรือไม่ดี เพราะเทคโนโลยีของหูฟัง true wireless นั้นยังใหม่และมีโอกาสปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก เพียงแต่ตอนนี้ผมคิดว่าตัวผมเองยังไม่พร้อมใช้กับหูฟังแบบนี้ครับ

ผมไม่แน่ใจว่าจะได้มีโอกาสทำรีวิวหูฟังรุ่นนี้แบบเต็ม ๆ หรือไม่ แต่หากมีโอกาส ผมก็จะได้นำมันไม่ลองใช้งานในสถานการณ์หลาย ๆ แบบดูอีกทีครับ