รีวิว Sony Xperia 1 VI ประสบการณ์สมาร์ทโฟนเหนือจินตนาการ

Sony Xperia 1 VI -Camera Pro video mode

ในการถ่ายวิดีโอด้วยชุดกล้องหลังนั้น ผมเองได้มีโอกาสทดลองใช้งานตั้งแต่แอพ Camera ยังไม่มีโหมด Pro Video มาให้ ทำให้ต้องเปิด Manual control ของการโฟกัสและความเร็วชัตเตอร์ใช้ในโหมด Video ชั่วคราวไปก่อน ซึงเมื่อใช้งานจริงก็ไม่สามารถทดแทนโหมด Pro Video ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการปรับค่าต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว การที่ทาง Sony ออกอัพเดทโหมด Pro Video ออกมา จึงทำให้ผมได้เห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของ Xperia 1 VI

การใช้งานในโหมด Pro Video ก็ไม่ต่างจากการใช้งานในโหมด Pro Photo เลย เช่นเดียวกับการสลับโหมด Photo มาเป็นโหมด Video ในกล้อง Alpha แต่เสียดายที่ฟีเจอร์ที่เคยมีในแอพ Cinema Pro อย่าง Pull focus ไม่ได้ถูกนำกลับมารวมอยู่ด้วย

ส่วนวิดีโอที่บันทึกได้ ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกับการถ่ายภาพนิ่งในหน้าที่แล้ว คือ กล้อง Wide ให้คุณภาพที่ดีที่สุด ตามด้วยกล้อง Ultra Wide และ Telephoto แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่า ISO ที่เลือกใช้ด้วย เพราะหากใช้ค่า ISO ที่สูงมาก ตัวประมวลผลจะพยายามลดนอยส์ในภาพออก ทำให้สูญเสียรายละเอียดและความคมของวิดีโอไปมาก

สำหรับสีสันของวิดีโอ ที่มีจุดขายอย่าง S-Cinetone for mobile ผมคิดว่ามันเป็น Look สีที่ถ่ายออกมาแล้ววิดีโอดูดีพร้อมใช้งาน แต่เปิดโอกาสให้นำไปแต่งสีต่อได้ รวมทั้งการดึงรายละเอียดของภาพจากส่วนเงามืดขึ้นมาได้ใกล้เคียงกับการใช้ Wide Dynamic range ใน Look วิดีโอแบบอื่น เสียดายที่ S-Cinetone มีให้ใช้เฉพาะกับโหมด SDR เท่านั้น

ความสามารถสำคัญอีกอย่างของการถ่ายวิดีโอคือ Dynamic range แบบ Wide ที่ช่วยเพิ่มช่วงสีของวิดีโอให้สูงขึ้นโดยการรวมเฟรมวิดีโอหลาย ๆ เฟรมเข้าด้วยกัน เหมือนกับการทำภาพ HDR ของภาพนิ่ง ทำให้เก็บรายละเอียดส่วนสว่างและมืดของภาพได้ดีขึ้น รวมทั้งทำให้ส่วนมืดของภาพนั้นมีความดำมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Dynamic range แบบ Standard

ถึงแม้จะสามารถเก็บ Dynamic range ของวิดีโอได้มากขึ้น ผมรู้สึกว่ารายละเอียดของภาพนั้นลดลงเมื่อเทียบกับตอนที่ตั้งค่า Standard นอกจากนี้เรายังถูกจำกัดการใช้งาน Steadyshot ได้เฉพาะโหมด Standard และกล้อง Wide เฉพาะโหมด 24 มม. และความเร็วชัตเตอร์ที่มากกว่า 1/60 ขึ้นไป ทำให้เวลาจะปรับความเร็วชัตเตอร์เพื่อให้ตรงกับจังหวะกระพริบไฟของบ้านเรา ต้องเลื่อนไปใช้ความเร็วที่ 1/100 ซึ่งเป็นความเร็วที่ไม่เหมาะสมกับงานวิดีโอ

ส่วนการบันทึกวิดีโอในโหมด HDR จะสามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ได้เหมือนกับการบันทึกวิดีโอในโหมด SDR เลย แต่ Look จะถูกจำกัดไว้ที่ Standard แบบเดียวเท่านั้น เสียดายที่ไม่มี Look อื่น ๆ ให้ใช้งาน โดยเฉพาะ VENICE CS ที่เคยมีในแอพ Cinema Pro รวมทั้งไม่สามารถใช้ในการบันทึกวิดีโอของโหมด Telephoto Marco ได้

ไฟล์ที่บันทึกจากโหมด HDR จะอยู่ในแบบ HEVC ที่ใช้ Color space แบบ BT.2020/HLG ความละเอียดสี 10 bit ซึ่งเมื่อเทียบกับไฟล์จากโหมด SDR แล้ว คิดว่าไฟล์ HDR นั้นเกลี่ยไล่ระดับสีได้ดีกว่า แต่เรื่องการดึงรายละเอียดภาพในที่มืดและที่สว่าง ถ้าไม่ได้ตั้ง Dynamic range เป็น Wide ตอนบันทึก ทั้งสองโหมดทำได้พอ ๆ กัน

ระบบป้องกันภาพสั่นไหวหรือ SteadyShot สำหรับการถ่ายวิดีโอนั้น Xperia 1 VI จะใช้ระบบกันสั่นของกล้อง (ถ้ามี) ร่วมกับการประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ซึ่งจะครอบตัดเฟรมภาพออกไปบางส่วน เราสามารถเลือกการตั้งค่าได้ 3 อย่างคือ Off (ปิด), Standard และ Active ซึ่งความแตกต่างของโหมด Active คือจะครอบตัดพื้นที่เฟรมภาพและใช้พลังการประมวลผลสูงกว่า (เครื่องร้อนมากกว่า) แลกกับการชดเชยภาพสั่นไหวที่ดีกว่า

จากการใช้งาน SteadyShot ทั้ง 2 แบบ พบว่าตัวระบบจะทำงานได้ดีเมื่อใช้ค่าความเร็วชัตเตอร์ที่สูงกว่า 2 เท่าของอัตราเฟรม ภาพที่ได้จะดูเนียนตามาก แต่หากถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยซึ่งจำเป็นต้องใช้ค่าชัตเตอร์ที่ต่ำ (1 เท่าของอัตราเฟรม) เราจะเริ่มเห็นเงาภาพซ้อนขึ้นมาในภาพ ซึ่งเวลามาดูบนจอขนาดใหญ่แล้ว จะให้ความรู้สึกเวียนหัวมากกว่า นอกจากนี้ SteadyShot ทั้งสองแบบยังไม่สามารถลดการสั่นไหวเล็ก ๆ จากการจับถือได้ โดยเฉพาะตอนที่ใช้กล้อง Telephoto ซูมไปยังช่วงไกล ๆ ได้ สำหรับคนที่จะใช้ Xperia 1 VI ถ่ายวิดีโอแบบจริงจัง ควรจะหากริปถ่ายภาพมาใช้จะดีกว่า

สำหรับเฟรมเรทวิดีโอที่เราสามารถเลือกบันทึกได้ด้วยแอพ Camera ได้แก่ 24 fps, 30 fps, 60 fps และ 120 fps ทั้งโหมด SDR และ HDR (ไม่มีเฟรมเรท PAL) แต่ก็จะมีข้อจำกัดการทำงานของ SteadyShot สามารถใช้ได้เฉพาะโหมด Standard ที่เฟรมเรท 60 fps และไม่สามารถใช้ได้เลยที่เฟรมเรท 120 fps ทำให้การถ่ายวิดีโอเฟรมเรทสูงด้วย Xperia 1 VI จำเป็นจะหาวิธีทำให้โทรศัพท์นิ่ง รวมทั้งต้องจัดแสงให้เพียงพอกับความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องตั้งสูงกว่า 1/120 – 1/240 เพื่อลดการเกิดนอยส์ในวิดีโอ

ส่วนการบันทึกเสียงระหว่างบันทึกวิดีโอ เราสามารถเลือกบันทึกเสียงรอบข้างแบบสเตอริโอด้วยไมค์ที่อยู่ด้านบนและล่างของ Xperia 1 VI หรือบันทึกเสียงที่อยู่ข้างหน้าเราแบบโมโนด้วยไมค์ที่อยู่ตรงชุดกล้องด้านหลังเท่านั้น ไม่สามารถปรับระดับเสียงที่ไมค์บันทึกได้ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์การบันทึกเสียงกลับออกมาดีกว่าที่คิดไว้ คือเสียงที่บันทึกได้มีความดังกำลังดี ไม่แตกพร่า ถึงแม้จะอยู่ในบริเวณที่เสียงดังประมาณหนึ่ง

Sony XPERIA 1 VI XQ-EC72 with GP-VPT2BT

ใครที่แปลนจะถ่ายวิดีโอด้วย Xperia 1 VI แบบจริงจัง ผมแนะนำให้หากริปถ่ายภาพ GP-VPT2BT (ตัวเดียวกันกับของกล้อง Alpha) และตัวยึดโทรศัพท์กับขาตั้งกล้องมาใช้ร่วมกัน โดยเราสามารถสั่งถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอ รวมไปถึงสามารถสลับกล้องหลังแต่ละตัวด้วยปุ่ม C1 ได้

Sony XPERIA 1 VI XQ-EC72 – External Monitor

ส่วนฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพและวิดีโออย่าง External Monitor นั้น ผมเองได้ลองเชื่อมต่อ Xperia 1 VI และกล้อง A7 IV ของผมทั้งวิธีต่อสาย USB โดยตรงแบบที่แอพแนะนำ พบว่าตัวแอพทำงานได้ดีตามที่ควรจะเป็น แต่ติดที่กล้อง A7 IV ซึ่งเวลาต่อ USB โดยตรงแล้วมันจะเข้าโหมด USB Streaming ซึ่งจำกัดการทำงานของตัวกล้องหลายอย่าง

แต่ถ้าเอาสัญญาณจากพอร์ต HDMI ของกล้องมาเข้าที่ HDMI – UVC Adapter ก่อน แล้วค่อยต่อเข้ากับ Xperia 1 VI เราจะสามารถใช้งานมันได้เหมือนต่อจอมอนิเตอร์ภายนอกเลย แถมยังรับสัญญาณภาพที่ความละเอียด 4K 25p ได้ตามที่เจ้า Elgato Cam Link 4K รองรับด้วย น่าเสียดายที่ตัวแอพ External Monitor บันทึกวิดีโอออกมาได้เพียงในรูปแบบ 8 bit ซึ่งส่วนตัวถือว่าเพียงพอกับการบันทึกวิดีโอขณะถ่ายภาพนิ่ง หรือการทำ Live Streaming ครับ

Sony XPERIA 1 VI XQ-EC72 and MDR-Z7

ในส่วนฟีเจอร์และคุณภาพด้านเสียงของ Xperia 1 VI ผมคิดว่ายังคงเป็นจุดแข็งของสมาร์ทโฟนตระกูลนี้ ซึ่งทาง Sony เองก็ได้ปรับปรุงเรื่องเรื่องระบบเสียงไปมาก เริ่มจากการปรับปรุงดอกลำโพงและการจูนเสียงลำโพงใหม่ ช่วยให้มิติสเตอริโอและรายละเอียดของเสียงออกมาดีขึ้นกว่าเดิมมาก เวลาใช้โทรศัพท์ในแนวนอนจะไม่รู้สึกว่าเสียงจากลำโพงไปกองที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง รวมถึงระดับความดังก็ฟังแล้วดังขึ้นกว่า Xperia 1 ตัวเก่าของผม แต่ผมเองรู้สึกว่ามันยังดังสู้ iPhone SE 2 หรือ iPhone 12 ที่ผมใช้ทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะการเปิดลำโพงขณะสนทนา

นอกจากลำโพง ทาง Sony ยังได้เปลี่ยนชิปภาคขยายหูฟังใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผมเองได้นำหูฟังขนาดใหญ่อย่าง MDR-Z7 ตระกูลเดียวกับหูฟังที่ศิลปินวง MONONKVL ใช้ในวิดีโอเปิดตัว ก็รู้สึกว่าเสียงมันออกมาเต็มมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังต้องเพิ่มความดังเสียงเกินครึ่งหนึ่งขึ้นมา ส่วนน้ำเสียงของ Xperia 1 VI ยังคงลักษณะเดียวกับ Xperia รุ่นก่อนหน้า ที่สามารถให้รายละเอียดเสียงและแยกแยะมิติเสียงได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้งานระบบเสียง 3 มิติ ทั้ง Dolby Atmos และ 360RA แต่ยังคงขาดความอุ่นหนาของเสียงเมื่อฟังเพลงในรูปแบบสเตอริโอไป ส่วนตัวคิดว่า Walkman ZX1 ที่มีอายุร่วม 14 ปีของผมยังทำได้ดีอยู่

Sony Xperia 1 VI – Playback quality

การปรับปรุงอีกอย่าง ที่ผมคิดว่ามีผลต่อระบบเสียงโดยรวมมาก คือ การเพิ่มระบบ Preset สำหรับการเลือกใช้ตัวประมวลเสียงใน Xperia 1 VI โดยตัวเครื่องจะสลับการใช้งานตัวประมวลผลเสียงทั้ง 3 คือ DSEE Ultimate, Dolby Atmos และ 360 Upmix ตามแอพที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันและ Preset ที่เราเลือกไว้ เช่น DSEE Ultimate เมือใช้งานแอพ Music และเลือก Preset เป็น Quality หรือ Dolby Atmos เมื่อใช้งานแอพ YouTube หรือเล่นเกม เป็นต้น ทำให้ Xperia 1 VI สามารถแสดงประสิทธิภาพของระบบเสียงออกมาได้อย่างเต็มที่มากที่สุด

Sony Xperia 1 VI – 3DMark scores

สำหรับประสิทธิภาพของ Xperia 1 VI คราวนี้ผมไม่ได้เอาแอพ Benchmark มาทดสอบจริงจัง นอกจากรันการทดสอบ 3DMark นิดหน่อย และเล่นเกมเน้นกราฟิกใหม่ล่าสุดอย่าง Infinity Nikki ซึ่งผลที่ได้ดูเกาะกลุ่มกับสมาร์ทโฟนเจ้าอื่น ๆ ทีใช้ Snapdragon 8 Gen 3 เหมือนกัน

Sony Xperia 1 VI – Game Enhancer Performance Mode

การระบายความร้อนคราวนี้ ทาง Sony สามารถจัดการได้ดีขึ้น ทั้งการปรับปรุงฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และการแนะนำการตั้งค่าตัวเครื่องเพื่อลดความร้อนระหว่างใช้งาน ส่วนตัวผมเองยังไม่เจอปัญหาแอพ Camera ขึ้นเตือนเรื่องความร้อนระหว่างการใช้งาน และตัวเครื่องก็ยังทำงานดูลื่นไหลดีอยู่เวลาใช้งานเครื่องหนัก ๆ เช่น ตอนรัน 3DMark หรือเล่นเกมด้วย Game Mode แบบ Performance ถึงแม้วา่ตัวเครื่องจะร้อนขึ้นมากแบบรู้สึกได้ก็ตาม

Sony Xperia 1 VI – Battery usage Sony Xperia 1 VI – Battery charging rapidly

ในเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ทาง Sony เคลมว่าได้ 2 วันนั้น จากการใช้งานของผม ซึ่งใช้งาน Xperia 1 VI เฉพาะตอนถ่ายรูปเป็นหลัก แต่มีเช็คอีเมลและ Social Network รวมไปถึงดูวิดีโอ YouTube บ้างประปราย ตัวเครื่องสามารถอยู่ได้นาน 3 – 4 วัน ก่อนที่เครื่องจะเตือน Low Battery ให้กลับไปชาร์จแบตเตอรี่ ถ้าช่วงไหนมีใช้งานเครื่องมากหน่อย เช่น เอาไปถ่ายวิดีโอ หรือเล่นเกม ตัวเครื่องก็จะอยู่ได้ประมาณ 2 วันบวกลบนิดหน่อย

Sony XPERIA 1 VI XQ-EC72 Sample Photos – Wireless charging on Be

การชาร์จแบตเตอรี่ ผมใช้ที่ชาร์จ UCH20 กำลังไฟ 18 วัตต์ ที่มากับ Xperia 1 ตัวแรก ใช้เวลาชาร์จไฟจากประมาณ 10% จนเต็มประมาณ 1 ชม.ครึ่ง โดยในช่วงแรกตัวเครื่องจะชาร์จไฟอย่างรวดเร็ว (ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) แต่พอแบตเตอรี่เริ่มใกล้เต็ม (90%) ตัวเครื่องจะเริ่มชาร์จไฟช้าลง เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ออกไป ส่วนการชาร์จไฟแบบไร้สายนั้นใช้ระยะเวลานานกว่า เท่าทีลองชาร์จจากแบตเตอรี่ประมาณ 25% ไปจนถึงประมาณเกือบ 90% ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ครึ่ง

Sony Xperia 1 VI – Battery Care

หากใครที่กังวลเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สามารถเปิด Battery Care แบบ Always แล้วเลือกปริมาณไฟสูงสุดที่จะชาร์จตามลักษณะการใช้งานของเรา ส่วนตัวผมจะเปิดใช้งานจำกัดปริมาณการชาร์จไฟ เวลาโอนรูปลงคอมพิวเตอร์ผ่าน USB ตอนที่แบตเตอรี่ใกล้เต็ม

Sony Xperia 1 VI – Preventing accidental operation

สำหรับปัญหาการใช้งานอื่น ๆ ผมเองเจอปัญหาน่าจุกจิกอยู่ 2 อย่างคือ เวลากดปุ่มชัตเตอร์เพื่อเรียกแอพ Camera ตอนที่ล็อกหน้าจออยู่ หากมือเผลอไปบังเซนเซอร์วัดระยะ จะปรากฏข้อความ Preventing accidental operations ขึ้นมา ทำให้เสียจังหวะในการถ่ายรูปไปพอสมควร แต่ถ้าปิดฟังก์ชั่นนี้ไป ก็จะอาจจะทำให้โทรศัพท์ปลดล็อคขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ และเสียงลำโพงเวลาเล่นเสียงจากบางแอพหรือเกมนั้นเบามาก เข้าใจว่าเกิดจากตัวเครื่องไม่ได้เรียกใช้ตัวประมวลผลเสียงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมแก้ไขโดยการเลือกใช้ Dolby Atmos หรือในกรณีที่เป็นเกม ก็จะปรับระดับเสียงด้วย EQ ของ Game Enhancer แทน

Conclusion

Sony XPERIA 1 VI & XPERIA 1

จากการใช้งาน Xperia 1 VI มาร่วมครึ่งปี ผมคิดว่ามันยังคงจุดเด่นของสมาร์ทโฟนค่าย Sony อยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการยอมปรับลดสเปกหรือฟีเจอร์ที่ไม่สำคัญลง เพื่อเพิ่มสเปกหรือเพิ่มฟีเจอร์ที่สำคัญกว่า การใช้งานถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอยังคงใช้งานได้ดีสมใจกับผู้ที่คุ้นเคยกับกล้องใหญ่ ส่วนตัวผมเองไม่ติดใจอะไรกับการเปลี่ยนแปลง UI ของแอพ Camera ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ Xperia 1 ที่ผมใช้งานยังไม่มีแอพ Photography Pro และ Videography Pro เหมือนใน Xperia 1 รุ่นหลัง ๆ อย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพนิ่งและวิดีโอที่ได้ก็ยังอยู่ในระดับที่สมาร์ทโฟนสามารถทำได้อยู่ ยังไม่ถึงขั้นปีนไปสู้กับกล้องที่มีเซนเซอร์และชุดเลนส์ที่ดีกว่าได้

อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าจุดขายหลักของ Xperia 1 VI อย่างกล้อง Telephoto นั้น ยังทำออกมาไม่ได้ตามความคาดหวังของผมสักเท่าไร และฟีเจอร์บางอย่างจากแอพกล้องตระกูล Pro ก็ไม่ได้ถูกนำกลับมาใส่ในแอพ Camera ตัวใหม่นี่ด้วย

อีกเรื่องที่ผมอยากเขียนถึงคือเรื่องการบริการหลังการขาย ที่ได้มีการปรับปรุงขึ้นมาจากสมัยที่ผมใช้ Xperia 1 ขึ้นมามาก ซึ่งนอกจากการเพิ่มทั้งระยะเวลาสนับสนุนซอฟต์แวร์ของบริษัทแม่แล้ว ทาง Sony Thai ยังปรับให้ Xperia 1 VI ได้รับการประกันเพิ่ม 3 เดือนจากการลงทะเบียน My Sony และให้บริการซ่อมเครื่องและเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบเปลี่ยนอะไหล่ได้แล้ว ถึงแม้ทาง Sony Thai จะเดินมาถูกทางแล้ว แต่ผมคิดว่ามันยังสามารถปรับปรุงขึ้นไปได้ดีกว่านี้อีก

สรุป ใครที่มองหาสมาร์ทโฟนที่ให้ประสบการณ์ Pure Android , แอพกล้องที่ให้ลักษณะการใช้งานเหมือนกล้องจริง รวมไปถึงการใช้งานเสพย์สื่อในรูปแบบต่าง ๆ Xperia 1 VI นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกควรพิจารณาครับ

Like

  • ดีไซน์เครื่องแบบฉบับ Xperia
  • ระบบโฟกัสกล้องที่แม่นยำและเกาะติด
  • ความเร็วการถ่ายภาพต่อเนื่องที่สูง
  • กล้อง Wide ที่ให้คุณภาพของภาพที่ดี
  • โหมด Macro Telephoto
  • ลำโพงมีมิติเสียงสเตอริโอที่ดี
  • แจ็คหูฟังที่มีกำลังพอขับหูฟังขนาดใหญ่ได้
  • H.S. power control ของ Game Enhancer
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานตามที่โฆษณาไว้

Don’t like

  • เซนเซอร์ของกล้อง Ultra Wide และ Telephoto ที่มีขนาดเล็กและไวแสงน้อยกว่า
  • ภาพจากกล้อง Telephoto ที่ดูซอฟต์ และระบบกันสั่นไม่สามารถชดเชยการสั่นที่ช่วงซูมไกล ๆ ได้
  • การบันทึกวิดีโอขาดฟังก์ชั่น Pull focus, Looks ของโหมด HDR และเฟรมเรท PAL ให้เลือก
  • ความดังของลำโพงค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น

More info

Sony Thai

Leave a Reply