Product – Software

ในส่วนของระบบปฏิบัติการ Sony ยังเลือกใช้ Android ที่ไม่มีการปรับแต่งเหมือนใน WALKMAN รุ่นใหญ่ ๆ ก่อนหน้า แต่ปรับเวอร์ชั่นมาใช้จากรุ่น Ice Cream Sandwich 4.0 เป็น Jellybean 4.1 การใช้งานโดยรวมลื่นขึ้นกว่าเดิมมาก

ส่วนของแอพมีเดียได้มีการปรับเวอร์ชั่นขึ้นมาเป็นเวอร์ชั่น 2 ซึ่งนอกเหนือจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปในทางโทนมืด คล้ายกับอุปกรณ์กลุ่ม Xperia การรองรับไฟล์ความละเอียดสูง และไฟล์รูปแบบใหม่ ๆ เช่น Apple Lossless แล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมด สำหรับรายละเอียดของแอพแต่ละตัว สามารถอ่านได้ในรีวิวของ WALKMAN F800 ครับ

Update 17.04.2014 ตอนนี้ Sony ออกอัพเดทให้ WALKMAN ZX1 และ F880 สามารถเล่นไฟล์ DSD ที่ sample rate 2.8 MHz ได้แล้ว รายละเอียดตามข่าวนี้ครับ

ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่จริง ๆ คงเป็นเรื่องของการประมวลผลเสียงต่าง ๆ ที่เพิ่มและมีการปรับปรุงใหม่ 2 ตัว คือ ClearAudio+ และ DSEE HX

ClearAudio+ เป็นชื่อเรียกของ preset การปรับเสียงคล้ายกับ Beats Audio แต่นอกเหนือจากการปรับ EQ แล้วยังมีการนำเทคโนโลยีประมวลผลอื่น ๆ ของ Sony เข้ามาปรับเสียงร่วมด้วย เช่น Clear Bass, VPT ฯลฯ เสียงที่ปรับออกมาจะมีเบสที่หนักขึ้น เสียงเครื่องดนตรีจะถูกจับแยกชิ้นแยกมิติให้เด็ดขาดขึ้น เสียงร้องจะโดนปรับมาอยู่ตรงกลางแทน เป็นแนวเสียงที่ฟังแล้วสนุกขึ้น

รูปประกอบจาก AV Watch

DSEE HX เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของเทคโนโลยีชดเชยช่วงเสียงสูงที่หายไปจากการบีบอัดข้อมูลเสียงในรุ่นก่อน โดยเพิ่มความสามารถในการชดเชยย่านเสียงสูงให้กับไฟล์เพลงในรูปแบบความละเอียดซีดี 16 bit 44.1 kHz และอัพสเกลความละเอียดขึ้นมาเป็น 24 bit 192 kHz และเวลาทำการชดเชยเสียงนั้น DSEE HX จะทำการแยกรูปแบบของเสียง เช่น เสียงร้อง เสียงกีต้าร์ เสียงกลอง แล้วทำการชดเชยตามรูปแบบเสียงนั้น ๆ อีกด้วย

ซึ่งจากการใช้งานนั้นได้ยินความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย คือเสียงจะฟังดูโปร่งและกว้างขึ้นกว่าเดิม เสียงแหลมบางจุดจะแหลมขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามความสามารถนี้จะไม่สามารถใช้กับไฟล์เพลงที่มีความละเอียด 24 bit อยู่แล้ว ไฟล์เพลงที่มีคุณภาพต่ำ และการเปิดใช้งานจะทำให้เครื่องใช้พลังงานมากขึ้นเป็น 2 เท่า

WALKMAN ZX1 จะไม่มีตัวประมวลผล Clear Phase และ Clear Stereo เพราะทั้งสองตัวนี้ต้องใช้งานคู่กับหูฟังที่แถมให้เท่านั้น

ระบบการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงแบบไร้สาย (A2DP) ผ่าน Bluetooth นั้น WALKMAN ZX1 ยังคงใช้การเข้ารหัสแบบ SBC ตามมาตรฐาน แต่ก็มีตัวเลือกสำหรับเลือกว่าจะให้เน้นความเสถียรในการเชื่อมต่อ เพื่อลดการสดุดของเสียง หรือให้เน้นคุณภาพของเสียงซึ่งจะทำให้ได้คุณภาพเสียงดีขึ้น แต่ถ้าหากสัญญาณหนาแน่น ก็จะทำให้เสียงสดุดหรือขาดหายได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้ WALKMAN ใช้การปรับแต่งเสียงที่ตั้งเอาไว้กับการส่งสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth หรือไม่ได้อีกด้วย

ของใหม่อีกอย่างก็คือ Widget ของแอพ Music Player ขนาด 4 x 4 ที่จะกินพื้นที่ Home screen ไปหนึ่งหน้า เหมาะกับไว้ใช้ตบแต่ง Home Screen ของเครื่อง หรือจะกด Home เพื่อควบคุมแอพก็ทำได้สะดวกกว่าเดิม

Set up

ในส่วนการใช้เริ่มใช้งานคงไม่ได้แตกต่างอะไรจากรุ่นที่แล้วมาก คือเสียบชาร์จไฟจากคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรม Media Go ในการจัดการไฟล์ ซึ่งตัวโปรแกรม Media Go เองก็ได้รับการอัพเดทเพื่อให้สามารถใช้จัดการไฟล์เพลงความละเอียดสูงได้ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

ในการจัดการไฟล์ความละเอียดสูงนั้น จะติดปัญหาที่ไฟล์ WAV ซึ่งไม่รองรับการใส่ ID tag ในไฟล์ ก็สามารถนำไฟล์เข้ามาใน Media Go แล้วใส่รายละเอียด จากนั้นก็ซิงก์ไฟล์ลง WALKMAN ก็จะมีรายละเอียดของเพลงติดไปด้วย ส่วนการใส่ปกเพลงต้องไปทำในแอพ Music ที่เครื่อง WALKMAN เลยโดยตรง

ส่วนไฟล์แบบ DSD นั้นไม่สามารถนำไปเล่นบน ZX1 ได้ โปรแกรม Media Go จะแปลงเป็นไฟล์ MP3 หรือ AAC ตามที่เราได้ตั้งค่าไว้ครับ

Update 20.03.2014 – ตอนนี้ทาง Sony ออกอัพเดทใหม่ของ Media Go ทำให้โปรแกรมสามารถแปลงไฟล์เพลงเป็น FLAC ได้แล้ว โดยสามารถแปลงเป็นความละเอียดระดับ 16 bit 44.1 kHz สำหรับ WALKMAN ที่ไม่รองรับไฟล์ความละเอียดสูง และ 24 bit 192 kHz สำหรับการแปลงไฟล์ DSD ครับ

Performance

ในส่วนการใช้งานจริงนั้น ขอเริ่มต้นจากการใช้งานตัวเครื่องกันก่อน ซึ่งถ้าใครเคยใช้อุปกรณ์ที่เป็น Android มา ก็แทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรกันใหม่ พื้นฐานเหมือนเดิม และการที่เพิ่มปุ่มควบคุมการเล่นตรงด้านข้างเครื่องมาให้ ช่วยให้การใช้งานเครื่องนั้นสะดวกกว่า WALKMAN รุ่นก่อนหน้ามาก สามารถควบคุมได้ทั้งตอนปกติและตอนล็อกเครื่อง (ตั้งค่าได้)

อย่างไรก็ตามปุ่มกดแล้วจะมีเวลาหน่วงนิดหน่อยก่อนคำสั่งจะทำงาน เข้าใจว่าคงป้องกันการกดไปโดนโดยไม่ได้ตั้งใจ และหน้า lock screen ไม่มีรายละเอียดเพลงที่กำลังเล่นอยู่ขึ้นมาให้

ในส่วนของเรื่องเสียง ที่เป็นจุดที่ทำให้คนตัดสินใจยอมลงทุนกับเจ้า ZX1 นั้น แนวเสียงที่ออกมาจะคล้ายกับ WALKMAN F ที่เคยได้รีวิวไป คือออกแนวโปร่ง ๆ ใส ๆ แต่เพิ่มความหนาของเสียง ปริมาณเบส และการแยกรายละเอียดของเสียงให้มากกว่าเดิม ส่วนเทคโนโลยีเสียงที่ Sony ใส่มารอบนี้ เห็นผลในการใช้งานได้ค่อนข้างชัดเจน

สำหรับเรื่องที่หลาย ๆ คนที่จะซื้อ WALKMAN ZX1 กังวลกันคือเรื่องของกำลังขับหูฟัง ซึ่งตามสเปกนั้นจะมีกำลังขับอยู่ที่ 15 mW ตามมาตรฐาน JEITA ที่ 16 โอห์ม จากการใช้งานจริงกับหูฟังขนาดใหญ่ที่ผมมีอย่าง MDR-CD900ST, MDR-1RBT และ MDR-Z1000 ก็สามารถขับได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามจากบทสัมภาษณ์ทีมงานผู้พัฒนานั้น พวกเขาตั้งใจให้เจ้า ZX1 ถูกนำไปใช้งานกับหูฟังที่สามารถพกพาไปฟังข้างนอกได้ ไม่ใช่กับหูฟังขนาดใหญ่ ที่มีความต้านทานสูง ๆ ต้องต่อแอมป์นั่งฟังอยู่ที่บ้าน ซึ่งถ้าใครเป็นกรณีอย่างหลัง ทาง Sony ก็ได้ทำสาย USB-OTG ไว้สำหรับเชื่อมต่อระหว่าง WALKMAN และ DAC เป็นอุปกรณ์เสริมครับ

ประสิทธิภาพของ WALKMAN ZX1 ที่ใช้ชิป OMAP 4430 นั้น จากการทดสอบผ่านแอพ Antutu Benchmark นั้นเร็วกว่า WALKMAN F800 ที่ใช้ชิป Tegra 2 อยู่ประมาณ 1,400 คะแนน แต่จากการใช้งานจริงนั้นไหลลื่นกว่าเดิมมากจนเห็นได้ชัด ถึงแม้ SoC ทั้งสองตัวนี้จะออกมาในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม

อีกจุดข้อได้เปรียบของการที่ ZX1 ย้ายมาใช้ชิป OMAP คือ สามารถเข้ากันได้กับแอพเล่นวิดีโอได้ดีขึ้น และ GPU SGX540 ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Tegra 2 อยู่พอสมควร

ในส่วนของอายุการใช้งานเครื่องต่อการชาร์จแบต 1 ครั้ง เนื่องจากการที่ ZX1 สามารถเล่นไฟล์ความละเอียดสูงและการประมวลผลเสียง DSEE HX ที่ต้องใช้กำลังของ SoC หนัก ก็ทำให้อายุการใช้งานจริงนั้นสั้นลงกว่า WALKMAN Android รุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด คือผมเล่นไฟล์ไปสักประมาณ 4 – 5 ชม. แบตเตอรี่ก็ลงมาแตะเหลือเพียงประมาณครึ่งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามระยะเวลาช่วง Standby นั้นยังจัดว่าแย่กว่าเดิมไม่มากนัก ตัวผมเองมักจะใช้ฟังเพลงช่วงเวลาเดินทางไปทำงาน ตอนช่วงต้องการสมาธิเวลาทำงาน และก่อนนอน ซึ่งรวมเวลาน่าจะประมาณ 3 – 4 ชม. แบตเตอรี่ก็ยังพอใช้ข้ามวันได้อยู่ แต่จะใช้แบบอาทิตย์นึงเอามาจิ้มคอมใส่เพลง 1 – 2 ครั้งแบบนี้ไม่ได้แล้ว

สำหรับจุดอื่น ๆ ที่อยากเพิ่มเติม ก็มีในเรื่องของการปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายทั้งหลาย ที่รอบนี้ทำมาดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth เชื่อมต่อกันได้เร็วขึ้น และมีระยะการใช้งานได้ดีขึ้นกว่ารุ่น F800 มาก และเนื้อที่หน่วยความจำภายในที่มีขนาดใหญ่ถึง 128 GB ที่สามารถใส่เพลง lossless คุณภาพระดับซีดีได้เยอะจนผมที่ยัดเพลงจากซีดีที่มีที่บ้านทั้งหมดลงไป มันก็ยังไม่เต็ม

Conclusion

จากการใช้งานเจ้า WALKMAN ZX1 ต้องยอมรับเลยว่า รอบนี้ Sony ทำการบ้านมาดีและลงทุนกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hi-Res Audio มาก จนทำให้เจ้า ZX1 นั้นเป็นที่ฮือฮามากในกลุ่มเหล่านักฟังเพลงทั้งหลาย ตั้งแต่ไปโชว์ตัวในงาน IFA เมื่อปีที่แล้ว

ถ้าไม่นับเรื่องของคุณภาพเสียงที่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนที่เหลือนั้นแทบเรียกได้ว่า ZX1 นั้นกินขาดหมด ทั้งเรื่องของการออกแบบตัวเครื่อง เรื่องของซอฟต์แวร์ ที่มี UI ที่ลื่นไหลมากกว่าเครื่องเล่นเพลงความละเอียดสูงอื่น ๆ ในตลาด สามารถใส่ภาพและวิดีโอมาดูบนเครื่องได้ แถมถ้าไม่พอใจแอพที่ให้มาก็ไปหาแอพใหม่โหลดจาก Play Store ได้อีก เรียกได้ว่าครบเครื่องสมกับเป็น WALKMAN รุ่นเรือธงประจำปีที่ 35 ของสินค้าตระกูล WALKMAN กันเลยทีเดียว

ส่วนจุดติคงจะเป็นในเรื่องของการรองรับการเล่นไฟล์แบบ DSD ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าตัวเครื่องจะเล่นได้ แต่อย่างน้อยโปรแกรมที่ใช้จัดการเพลงอย่าง Media Go เอง ควรจะสามารถแปลงไฟล์ DSD เป็นไฟล์ในรูปแบบ Lossless ความละเอียดสูงได้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะแปลงเป็น MP3 หรือ AAC ให้เสียของไป

สำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่อยากพูดถึงคือเรื่องของศูนย์ไทยที่สามารถทำราคาของเจ้า ZX1 ได้ออกมาอยู่ในจุดที่น่าพอใจ คือราคาในบ้านเราถูกกว่าญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ มาก

อีกอย่างก็คือความเอาใจใส่ในการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า คือตอนผมไปรับเครื่องนี้กลับมาจาก Sony Style ผมโดนถ่ายรูปเพื่อทำรายงาน และทำแบบสอบถาม ซึ่งผมค่อนข้างพอใจในจุดนี้ ซึ่งผมเองก็ได้ให้ความเห็นไปว่าควรจัดการเรื่องของการกระจายสินค้าให้ดีกว่า นี้ และควรจะนำอุปกรณ์เสริมที่ต้องใช้มาวางจำหน่ายด้วย ทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าคือจุดอ่อนของศูนย์ไทยมาโดยตลอด

สรุป ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นมีเดียที่ให้คุณภาพเสียงระดับสุดยอด แต่หน้าตาดี พกง่าย ใช้งานสะดวก งบไม่อั้น WALKMAN ZX1 คือคำตอบของคุณครับ

Like

• งานออกแบบและวัสดุดูหรูหรา
• จอคุณภาพดี
• ซอฟต์แวร์ลื่นไหลและใช้งานง่าย
• ความจุเยอะ
• เสียงดี
• DSEE-HX

Don’t like

• งานประกอบยังมีตำหนิจุกจิกบ้าง
• Media Go ไม่สามารถแปลงไฟล์ DSD เป็นไฟล์รูปแบบ Lossless ความละเอียดสูงได้
• อายุการใช้งานแบตเตอรี่น้อยลงกว่าเดิมมาก
• ไม่สามารถกดปุ่มควบคุมและปรับระดับเสียงได้ตอนใส่เคสที่ให้มาได้
• เครื่องที่ขายบ้านเรา ไม่ยอมใส่ฝาปิด WM-Port มาให้

More info

Sony Thai

Sony Canada