จากตอนที่แล้ว ที่ได้พาไปดูรายละเอียดฮาร์ดแวร์ของ WALKMAN F800 กันไปแล้ว รอบนี้เรามาต่อกับส่วนของซอฟต์แวร์และการใช้งานจริงกันครับ ว่าเจ้า WALKMAN F800 มันจะเทพสมคำร่ำลือหรือไม่
อย่างที่เกริ่นไปตอนที่แล้วว่าเจ้า WALKMAN F800 นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 4.0.4 หรือ Ice Cream Sandwich นั้นเอง ซึ่งทำให้เป็น WALKMAN รุ่นที่สองต่อจาก Z1000 ที่ใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการ สำหรับเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์ที่นำมารีวิวคือเวอร์ชั่น 1.1 ครับ
ผมค่อนข้างแปลกใจตอนเปิดเครื่องครั้งแรกว่า Sony เลือกที่จะไม่ดัดแปลงส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Android เลย ปล่อยมันมาแบบ Pure Google ซะอย่างนั้น แถมตัวเครื่องยังมีซอฟต์แวร์ตัวหลัก ๆ ของ Google ให้มาทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่ง Gallery และ Play music ที่ไปซ้ำกับแอพของ Sony เองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม Sony ก็ได้เตรียม Wallpaper ที่ออกแบบเข้ากับสีของตัวเครื่องมาให้ ทั้งหมด 8 สี ตามสีที่มีการวางจำหน่ายทั้งหมด เพื่อให้ให้หน้าตามันดูแตกต่างจาก Android เจ้าอื่น ๆ บ้าง
อีกอย่างที่ Sony เตรียมไว้คือ Favorite ซึ่งเป็น Widget ที่จะแสดงเพลง รูป และวิดีโอที่เราใส่ลงเครื่องมาใหม่ และถ้าเรามีบัญชี YouTube มันยังจะแสดงวิดีโอใหม่ ๆ บน YouTube ให้เราดูอีกด้วย
สำหรับการดัดแปลงจริง ๆ จะอยู่ในส่วนของหลังบ้านมากกว่า คือการที่ Sony นำ Clear Audio Technologies มาใส่ไว้ใน WALKMAN F800 ซึ่งการตั้งค่าของความสามารถที่ใช้งานได้กับทุกแอพที่ลงไว้ จะอยู่ในส่วน Sound ของ Settings ส่วนที่เหลือต้องไปตั้งในแอพ Media players for WALKMAN
นอกเหนือจากเรื่องการดัดแปลงหลังบ้าน Sony ยังทำแอพเฉพาะให้กับ WALKMAN เอง ซึ่งจะถูกเก็บอยู่ในแฟ้ม Original Apps ได้แก่ Media players for WALKMAN, FM Radio, Wi-Fi checker, W.control และ Walkman Classics
แอพ Media players for WALKMAN จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ Music player, Video player, Photo viewer และ DLNA ขอเริ่มต้นจากตัวที่สำคัญที่สุดคือ Music player ก่อน
Music player หรือแอพเล่นเพลงนั้นรองรับการเล่นไฟล์นามสกุล MP3, AAC, WMA รวมทั้งไฟล์ที่บีบอัดแบบ lossless อย่าง FLAC และ WAV อีกด้วย ในส่วนของหน้าตา เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ไม่ได้เคยได้จับ WALKMAN ที่ใช้ Android จริง ๆ จัง ๆ อาจจะเข้าใจว่าหน้าตามันจะต้องเหมือนกับแอพ WALKMAN ในสมาร์ทโฟน Xperia แน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว
ในหน้า Player ของแอพนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากแอพอื่น ๆ แต่เราสามารถเลื่อนตรงปกไปทางซ้าย – ขวา เพื่อดูรายชื่อเพลงที่กำลังเล่นอยู่ ดูเนื้อเพลง ดูข้อมูลเพลงได้ และถ้าหากจิ้มตรงปกจะมีเมนูสำหรับเข้า Library สั่ง Throw เพลงไปเล่นยังอุปกรณ์ DLNA อื่น ๆ เปิด Visualizer เปิดเล่นสุ่มเพลง และเล่นเพลงซ้ำ
หากเนื้อเพลงที่เราใส่ลงเครื่องเป็นนามสกุล .lrc เราจะสามารถจิ้มเนื้อเพลง เพื่อกระโดดไปเล่นเพลงท่อนนั้น ๆ ได้ด้วย จริง ๆ ไม่ใช่ความสามารถใหม่ของ WALKMAN แต่เป็นความสามารถแปลก ๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นจากเครื่องเล่นตัวอื่น ๆ
Visualizer ที่ให้มา มีทั้งหมด 7 แบบหรือจะให้เลือกสุ่มทุกครั้งที่เล่นเพลงใหม่ก็ได้ โดยการแสดงผล Visualizer จะใช้ข้อมูลต่าง ๆ ของเพลง รวมทั้งข้อมูลการวิเคราะห์อารมณ์ของเพลงอีกด้วย
ส่วนของ Library ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเครื่องเล่นตัวอื่น ๆ แบ่งหมวดเพลงตามอัลบั้ม ศิลปิน แนวเพลง ปีวางจำหน่าย ฯลฯ และสามารถสร้างรายชื่อเพลงที่จะเล่นได้ในตัวเครื่อง
ส่วน SensMe Channel เป็นการจัดหมวดหมู่เพลงตามข้อมูลอารมณ์ของเพลงที่ได้วิเคราะห์ไว้ คือเราอยากได้ฟังเพลงอารมณ์ไหนก็สามรถเลือกได้
สำหรับการวิเคราะห์อารมณ์ของเพลงสามารถทำได้จากในตัว WALKMAN เอง ผ่านทางเมนู Music analyzer ในหน้า Visualizer แต่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน แนะนำให้ทำจากโปรแกรม Media Go ซึ่งจะมันจะแอบทำให้ตอนริปหรือเพิ่มเพลงลงใน Library ของ Media Go
ส่วน Cover art view เป็นการนำรูปปกอัลบั้มมากอง ๆ เอาไว้ให้เราเลือกเพลงที่จะเล่น เราสามารถย้ายตำแหน่งหรือขยายขนาดของปกได้ เหมาะเอาไว้เล่นเวลานึกไม่ออกว่าจะฟังเพลงอะไรดี
ในส่วนของการตั้งค่าเรื่องเสียง ส่วนนี้คือส่วนที่ Clear Audio Technologies ของ Sony มาอยู่รวมกัน เริ่มต้นจากทางฝั่ง EQ ปรับเสียง สามารถปรับได้ 5 ช่วงความถี่ และแทบสำหรับปรับ Clear BASS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเพิ่มเสียงเบส โดยไม่ทำให้เสียงเบสแตกในระดับเสียงสูง ๆ
Virtual Phones Technology สร้างจำลองมิติเสียงจากลำโพงและห้องลักษณะต่าง ๆ
สำหรับเทคโนโลยีตัวอื่น ๆ มีรายละเอียดดังนี้
- DSEE เพิ่มคุณภาพของไฟล์ที่บีบอัด โดยการสร้างเสียงช่วงความถี่สูงที่หายไปในระหว่างการบีบอัดไฟล์เพลง
- Clear Stereo ลด stereo crosstalk (คือเสียงจากฝั่งนึงรั่วไปอยู่อีกฝั่งนึง) ช่วยให้ให้เสียงที่ออกมามีความเป็นสเตอริโอมากขึ้น ใช้ได้ผลดีที่สุดกับหูฟังที่มากับเครื่อง
- Clear Phase ปรับเสียงที่ออกมาให้เข้ากับลักษณะของหูฟังหรือลำโพง ช่วยให้แยกแยะรายละเอียดและมิติของเสียงได้ดีขึ้น แต่ใช้ได้เฉพาะหูฟังที่มากับเครื่อง และลำโพงบนตัวเครื่องเท่านั้น
- xLOUD ปรับเสียงที่ออกมาจากลำโพงให้ดังขึ้น โดยที่เสียงไม่แตก
สำหรับการตั้งค่าเสียง นอกจากจะใช้ได้ในแอพ Media players for WALKMAN แล้ว ยังสามารถใช้กับแอพ Play music ของ Google ได้อีกด้วย
ส่วนของ Video player ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนัก แอพรองรับไฟล์วิดีโอที่ Android สามารถเล่นได้อยู่แล้ว ซึ่งรองรับการเล่นไฟล์ MP4, AVC, WMV 9 ได้ถึงความละเอียด 1080p เลย
ส่วน Photo Viewer มีความสามารถพื้นฐานของแอพดูภาพทั่ว ๆ ไป แต่เราสามารถใส่แท็กของภาพเพื่อแบ่งหมวดหมู่ได้
ส่วน DLNA สำหรับการเล่นไฟล์จาก DLNA media server ที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกันกับ WALKMAN
FM Radio สำหรับฟังวิทยุ เวลาใช้งานต้องเสียบหูฟังเพื่อให้เป็นสายอากาศรับคลื่น ไม่มีความสามารถอะไรพิเศษ (ใน iPod nano 5th Gen. ที่ผมใช้ สามารถกดหยุดวิทยุชั่วคราว แล้วมาเปิดฟังช่วงที่หยุดไปทีหลังได้)
แอพ Walkman Classics เป็นสกินของ Music player อีกที โดยแอพนี้จะจำลองการทำงานของ Walkman เล่นเทปรุ่นยอดนิยมในอดีต สามารถหมุนดูตัวเครื่องได้รอบ และกดปุ่มบนตัวเครื่องเพื่อควบคุมการเล่นเพลงได้ น่าจะถูกใจแฟน WALKMAN รุ่นเก่า
เนื่องจาก WALKMAN F800 ไม่มีปุ่มสำหรับการควบคุมเพลงอยู่บนตัวเครื่องเลย การควบคุมเพลงแบบไม่ต้องเข้าแอพ Music player จึงต้องอาศัยผ่านบน W.Button แทน เมื่อกดปุ่มนี้แล้ว ไม่ว่าตัวเครื่องจะล็อคหรือเปิดแอพอะไรค้างอยู่ มันจะเรียกแอพ W.control มาให้ เราสามารถกดเล่น หยุด หรือเปลี่ยนเพลงได้จากแอพตัวนี้ แอพตัวนี้จะมีโหมดการทำงานสองแบบคือ โหมดปุ่มกดปกติ และโหมดลาก ที่ให้เราสามารถลากไปในทิศทางที่กำหนดเพื่อเปลี่ยนเพลง หรือจิ้มตรงกลางเพื่อเล่นหรือหยุดเพลง
ต่อไป ไปดูส่วนของการใช้งานจริงกันครับ
เข้าใจว่าไม่โม interface อาจจะทำให้ออก Update ง่ายขึ้น
Pingback: รีวิว Sony WALKMAN F800 เครื่องเล่นมีเดียพลัง Android ภาคฮาร์ดแวร์
Pingback: รีวิว Sony WALKMAN ZX1 เรือธงประจำปีที่ 35 ของ WALKMAN
Pingback: Sony เปิดตัว Walkman ZX500 และ Walkman A100 ฉลองครบรอบ 40 ปี Walkman | RE.V –>