Set up
สำหรับการใช้งานเริ่มต้นนั้น ก่อนอื่นต้องนำ WALKMAN ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เสียก่อน เพื่อทำการชาร์จไฟ ซึ่งเครื่องที่ผมได้มาแบตหมดเกลี้ยง เลยต้องรอเวลาสักพักนึงเครื่องถึงจะเปิดติด เมื่อเครื่องเปิดติดแล้วก็จะเข้ามาที่หน้า Home screen ทันที โดยที่ไม่มี Wizard เริ่มต้นใช้งานของ Android
สำหรับการจัดการไฟล์ในเครื่องนั้น WALKMAN F800 จะใช้โปรแกรม Media Go (โปรแกรมถูกใส่มาให้ในเครื่องแล้ว ไม่ต้องไปกดโหลดเอง) ในการจัดการ ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ไว้จัดการไฟล์บนโทรศัพท์ของ Sony Ericsson และ PSP หรือจะจับไฟล์โยนเข้าเครื่องแบบปกติก็ย่อมได้เช่นกัน แต่แนะนำให้ทำผ่าน Media Go จะดีกว่า เพราะมันจะจัดเก็บไฟล์ได้เป็นระเบียบกว่า
การจัดการไฟล์มีเดียผ่าน Media Go นั้นทำได้ง่ายและสะดวก สามารถริปซีดีเป็นไฟล์ MP3, AAC (สามารถริปได้ถึงบิทเรท 320K) และ FLAC พร้อมอัพเดทข้อมูลเพลงและปกจากฐานข้อมูล Gracenote ได้ พร้อมทั้งทำการวิเคราะห์อารมณ์ของเพลงสำหรับไว้ใช้กับ SensMe และ Virtualizer ใน WALKMAN ได้เลย
Performance
สำหรับการใช้งานจริง ขอเริ่มด้วยเรื่องของการใช้งานและควบคุมตัวเครื่องก่อน เนื่องจากตัวเครื่องนั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android ใครที่คุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟนที่เป็น Android อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเรียนรู้การใช้งานอะไรใหม่ มันเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ถ้าย้ายมาจากสมาร์ทโฟนตัวอื่นหรือไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนมาก่อน ก็ไม่ยากที่จะเรียนรู้อะไร ถึงแม้ว่า Sony เลือกที่จะใช้หน้าตาแบบ Pure Google มาเลย แต่ก็ได้จัดเรียง widgets และ shortcut ของแอพที่ต้องใช้งานบ่อยลงใน Home Screen ทั้ง 3 หน้าให้แล้ว ซึ่งจากการใช้งาน ก็รู้สึกว่าที่เตรียมมาให้นั้นใช้งานได้สะดวกดีทีเดียว
ในการควบคุมการเล่นเพลงนั้น จะใช้ปุ่ม W.Button เพื่อเรียกแอพ W.control มาควบคุมการเล่นเพลง ถึงแม้จะไม่ดีเท่ากับการมีปุ่มสำหรับควบคุมจริง ๆ บนตัวเครื่อง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรมาให้เลย อีกจุดที่น่าเสียดายคือการที่แจ็คหูฟังไม่รองรับหูฟังที่มีรีโมทควบคุมการเล่นเพลง เดาว่าสาเหตุนึงคงมาจากตัวรุ่นญี่ปุ่นมันมีชุดประมวล NC ในตัว ซึ่งจะต้องใช้หูฟังที่เป็นปลั๊กเฉพาะ ทำให้เสียบหูฟังแบบมีรีโมทไม่ได้
ต่อมาเป็นเรื่องของเสียงที่เป็นจุดขายชูโรง จากที่ลองนำ WALKMAN F800 ไปฟังกับหูฟังหลาย ๆ ตัว ซึ่งมันมีกำลังขับที่สามารถขับได้ตั้งแต่หูฟังตัวเล็ก ๆ ยันหูฟังครอบหูตัวใหญ่ (ผมไปลองกับ MDR-1R) ได้อย่างสบาย ๆ แนวเสียงของมันออกมาในแนวใส ๆ โปร่ง ๆ ฟังสบาย เสียงเบสที่ไม่ได้ปรับอะไร ไม่ได้ตึ้บมาก แต่ก็ลงลึกและให้รายละเอียดมากกว่า iPod nano ที่ใช้อยู่นิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนที่เน้น ๆ ฟังเพลงอย่าง Xperia S บอกได้คำเดียวว่า Xperia S นี้เทียบไม่ติด เพราะเสียงมันจะมีแต่ช่วงกลาง ช่วงแหลมทึบนิด ๆ และปราศจากเบสแทบจะสิ้นเชิงจนต้องเปิด Clear BASS ช่วย จุดเด่นอีกอย่างคือเสียงที่ออกจากแจ๊คหูฟังเงียบมาก ไม่มีเสียงซ่ารบกวนเหมือนที่เจอในอุปกรณ์ Android หลาย ๆ ตัวเลย
สำหรับ Clear Audio Technologies ต่าง ๆ ที่ Sony ใส่มาให้นั้น เท่าที่ลองใช้งานดูหลาย ๆ ตัว ผมไม่ค่อยเห็นผลเท่าไร เช่น DSEE เนื่องจากไฟล์ที่ผมริปมาคุณภาพมันดีอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้แสดงความสามารถมากนัก เวลาเปิดเสียงแหลมของเพลงจะแหลมขึ้นมานิดหน่อย เข้าใจว่าถ้าหาไฟล์เพลงที่เสียงแบน ๆ ทื้อ ๆ น่าจะได้เห็นความสามารถมันมากกกว่านี้ ส่วน Clear Stereo นี้เปิดกับไม่เปิดผมฟังไม่ออกจริง ๆ ว่าเสียงมันแตกต่างกัน แม้ผมจะใช้หูฟังที่มากับเครื่องก็ตาม
ส่วนตัวที่เห็นผลแน่ ๆ ก็มี Clear BASS ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบสให้ โดยเบสที่เพิ่มจะเพิ่มในส่วนของความลึกมากกว่าที่จะเป็นเนื้อเสียง ซึ่งเหมาะมากกับการไปฟังเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีอคูสติก โดยเสียงเบสที่เพิ่มมาแทบจะไม่แตกเลย อีกตัวก็ Clear Phase ที่เป็นความสามารถที่สร้างความแปลกใจให้ผมมาก ซึ่งจะขอยกไปเขียนในช่วงถัดไป
ในส่วนหูฟัง MDR-EX0300 ที่มากับเครื่องนั้น จากการลองฟังมาเดือนเต็ม ๆ จนเสียงเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แนวเสียงมันจะออกแนวพุ่ง ๆ หน่อย เสียงเบสลงได้ลึกพอตัวทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ออกมาในแนวตึบ ๆ มากพอที่จะตอบสนองกลุ่มผู้นิยมเบสเป็นชีวิตจิตใจได้ เสียงกลางอุ่น แต่ไม่โดดเท่าหูฟังของ UE ส่วนเสียงแหลม ไม่แหลมบาดหู แต่ออกแข็ง ๆ หน่อย การแยกรายละเอียดเสียงทำได้โอเค แต่มิติของเสียงจัดว่าแคบเหมือนกัน
ถึงแม้จุดอ่อนของ MDR-EX0300 คือเรื่องของมิติเสียง แต่ด้วย Clear Phase ที่มากับ WALKMAN F800 ที่ทำการจูนเสียงให้เหมาะสมกับหูฟังตัวนี้ ทำให้เสียงที่ออกมาจากหูฟังตัวนี้กลายเป็นหูฟังคนละตัวกันกับหูฟังเมื่อย่อหน้าที่แล้วเลย คือแนวเสียงโดยรวมยังเหมือนเดิม แต่การแยกรายละเอียดเสียงแยกกันได้เด็ดขาดขึ้น และมิติของเสียงก็กว้างขึ้นกว่าเดิมมาก จนแทบจะกลายเป็นหูฟังคนละตัวเลยทีเดียว สำหรับเบื้องหลังของ Clear Phase นี้ผมก็ไม่ทราบว่ามันจะเป็นแค่การปรับ EQ อย่างเดียวเหมือนกับ beats audio ของ HTC หรือมีการประมวลเสียงอะไรเพิ่มเติมด้วยหรือเปล่า
ส่วนเรื่องการป้องกันเสียงรบกวน ถึงแม้ EX0300 เป็นหูฟังแบบสอดหู แต่เนื่องจากมันใช้ตัวขับไดนามิค ซึ่งต้องออกแบบให้มีช่องอากาศด้วย ทำให้การเก็บเสียงไม่ดีเท่าหูฟังตัวขับแบบ Armature เท่าไร ซึ่งการเก็บเสียงนั้นทำได้แย่กว่า XBA-1 ที่เคยรีวิวไป ผมเลยลองเอาจุก Noise Isolation ที่ใช้กับ XBA-1 มาเปลี่ยนแทน ก็ป้องกันเสียงได้ดีขึ้น แต่ก็ยังได้ไม่เท่า XBA-1 อย่างไรก็ตามเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนนั้น แต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน เพราะผมเห็นบางคนยังต้องการที่จะได้ยินเสียงรอบข้าง เพื่อจะได้ระมัดระวังอันตรายต่าง ๆ ขณะฟังเพลงได้อยู่
สรุปเรื่องของหูฟัง หูฟังที่ให้มาคุณภาพดีมาก ดีกว่าหูฟังแถมที่แถมให้กับสมาร์ทโฟนหรือเครื่องเล่นมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ ในตอนนี้ ถ้าใครอยากจะเปลี่ยน ให้ลองหาหูฟังแถว ๆ ราคา 3 – 4 พันขึ้นไปน่าจะเห็นผลกว่าเจ้า MDR-EX-0300 ตัวนี้ สำหรับข้อเสียของเจ้านี้คงเป็นเรื่อง การป้องกันเสียงรบกวน และวัสดุที่ใช้ทำก๋องแก๋ง ขนาดสายก็ดูบาง ๆ อย่างไรไม่รู้ แต่เอาเข้าจริงมันก็ทนอยู่พอสมควร
ต่อเรื่องลำโพงบนตัวเครื่อง เสียงนั้นธรรมดาเหมือนที่ได้ยินจากอุปกรณ์พกพาอื่น ๆ แต่ด้วย Clear Phase ทำให้การแยกรายละเอียดเสียงออกมาดีกว่าลำโพงในอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ และ xLOUD ก็ช่วยทำให้เสียงของลำโพงดังขึ้น แต่จะฟังกลวง ๆ กว่าไม่เปิด
นอกเหนือจากการฟังเพลง ผมเอาวิดีโอยัดใส่เจ้า F800 และลงแอพพวกบริการดูวิดีโอออนไลน์เอาไว้ ก็ดูวิดีโอได้อย่างไหลลื่นดี แต่เนื่องจากจอมันเล็กมาก เลยดูนาน ๆ ไม่ได้ ซึ่งก็ค่อนข้างน่าเสียดาย เพราะจอที่ใช้มีคุณภาพดีมาก
เรื่องของประสิทธิภาพเครื่องตอนใช้งานจริง ก็มีหน่วง ๆ บ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่าใช้ได้สำหรับเครื่องเล่นมีเดียที่เน้นการฟังเพลง เนื่องจาก WALKMAN F800 มันเป็น Android แน่นอนว่าต้องมีคนที่อยากเห็นคะแนนผลการทดสอบของมัน ผมเลยเอา Antutu Beanchmark กดทดสอบขำ ๆ ไป ได้คะแนนดังภาพ ส่วนหน้าจอก็สามารถรองรับมัลติทัชได้ถึง 5 จุด ด้วย ค่อนข้างสร้างความแปลกใจให้ผมนิดหน่อย เพราะจอมันเล็ก จะเอามัลติทัชตั้ง 5 จุดมาทำอะไร เอา 3 นิ้วจิ้มก็เต็มจอแล้ว
อีกจุดที่รู้สึกว่าช้าคือการเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่งต้องใช้เวลาในการเชื่อมต่ออยู่นานพอสมควรเลย และ GPS ที่ทำงานช้ามาก ๆ และรับสัญญาณได้ไม่ค่อยดีเท่าไร
ส่วนของแบตเตอรี่ ในสเปกเคลมไว้ที่ประมาณ 25 ชม. สำหรับไฟล์เพลง MP3 และประมาณ 20 ชม. สำหรับไฟล์แบบ lossless ซึ่งจากการใช้งานจริงก็เป็นดังรูป ซึ่งผมก็มีเปิดฟังเพลงบ้าง ปิดเครื่องช่วงไม่ฟังบ้าง บางครั้งก็ sleep ทิ้งไว้ แนวโน้มของแบตเตอรี่ก็น่าจะได้ตามที่เคลมไว้ในสเปกอยู่ ก็จัดว่าเป็นเครื่องเล่นมีเดียลงแอพที่แบตอึดใช้ได้ ส่วนการชาร์จแบตเข้าอยู่ที่ประมาณ 3 ชม.ครึ่ง ก็เป็นมาตรฐานของอุปกรณ์ Android ทั่วไป
Conclusion
จากการใช้งาน WALKMAN F800 มาเดือนกว่า ๆ ยอมรับว่าเสียงมันดีจริงตามที่ Sony คุยเอาไว้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันเสียงดี ไม่ได้มาจากเฉพาะตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ตัวหูฟังที่ให้มาด้วย ซึ่ง Sony ไม่ได้กั๊กตรงจุดนี้ จึงทำให้ตัวสินค้าทั้งชุดมีเสียงดีกว่าเครื่องเล่นมีเดียตัวอื่นในตลาด สำหรับผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปที่ต้องการแค่เครื่องเล่นมีเดีย 1 ตัวที่เสียงดี ๆ แล้วจบเลยในตัวเดียว F800 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมตัวนึง
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องเล่นมีเดียที่ลงแอพได้ตัวอื่น ๆ ในตลาด ต้องยอมรับว่าถ้าไม่นับเรื่องการฟังเพลงแล้ว WALKMAN F800 แทบไม่มีจุดเด่นอื่น ๆ ที่ทำให้ได้เปรียบเครื่องเล่นตัวอื่น ๆ เลย เช่น จอภาพที่มีขนาดเล็ก สเปกเครื่องที่ค่อนข้างเก่าและช้า ไม่มีกล้อง และที่ผมว่าสำคัญมากที่สุดคือหน่วยความจำของเครื่อง ที่มีเพียงขนาด 8 GB และ 16 GB ให้เลือก พอใช้งานจริงก็จะเหลือเพียง 4.85 GB และ 12.05 GB ซึ่งจัดว่าน้อยมากสำหรับเครื่องเล่นมีเดียที่เน้นเรื่องการฟังเพลง แถมยังรองรับไฟล์แบบ lossless อีกตะหาก คนที่ชอบพกคลังเพลงของตัวเองออกไปข้างนอก คงต้องบริหารเพลงที่จะเอาใส่เครื่องมากขึ้นกว่าเดิม
สรุป ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นมีเดีย เสียงดี ๆ แบบตัวเดียวจบ ก็ลองมอง Sony WALKMAN F800 ไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกได้ครับ เชื่อว่าถ้าได้ลองฟังแล้ว จะหลงรักเสียงของมันอย่างแน่นอน
Like
- การออกแบบเรียบง่าย งานประกอบเนี๊ยบ
- ขนาดและน้ำหนักกำลังพอดี
- แอมป์หูฟังในตัวเครื่องให้คุณภาพเสียงที่ดี รองรับหูฟังได้หลากหลาย
- หูฟังที่ให้มาดีมาก ถ้าคิดจะซื้อหูฟังในช่วงราคาต่ำกว่า 3,000 บาท ไม่จำเป็นต้องหาหูฟังใหม่
Don’t like
- ปุ่ม Android ไม่มีอะไรช่วยแสดงตำแหน่งและบอกว่ากดติด
- Wi-Fi และ GPS เชื่อมต่อช้า
- ความจุมีให้เลือกน้อยเกินไป
- ตัวหูฟังดูก๋องแก๋งไปหน่อย
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Sony Thai ที่ได้มอบ WALKMAN F800 ตัวนี้มาให้ได้ใช้งานและรีวิวด้วยครับ
เข้าใจว่าไม่โม interface อาจจะทำให้ออก Update ง่ายขึ้น
Pingback: รีวิว Sony WALKMAN F800 เครื่องเล่นมีเดียพลัง Android ภาคฮาร์ดแวร์
Pingback: รีวิว Sony WALKMAN ZX1 เรือธงประจำปีที่ 35 ของ WALKMAN
Pingback: Sony เปิดตัว Walkman ZX500 และ Walkman A100 ฉลองครบรอบ 40 ปี Walkman | RE.V –>