เมื่อปีที่แล้ว Sony ได้เปิดตัวหูฟังระบบตัดเสียงรบกวนซึ่งรองรับเสียงความละเอียดสูงเป็นตัวแรกของบริษัท ซึ่งก็คือ MDR-EX750NA หรือ h.ear in NC หูฟังในตระกูล h.ear ที่ออกแบบเน้นทั้งแฟชั่นและคุณภาพเสียง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้ฟังทั่ว ๆ ไปนั่นเอง

วันนี้ RE.V-> จะมารีวิวหูฟังตัวดังกล่าวให้อ่านกันครับ

ก่อนที่เราจะไปอ่านรีวิวของ h.ear in NC ผมขอเล่าถึงหลักการทำงานของหูฟังตัดเสียงรบกวนและระบบ Digital NC ของ Sony กันก่อน

What’s Noise Canceling?

การป้องกันเสียงจากภายนอกนั้น ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ฟังสามารถได้ยินเสียงจากหูฟังได้อย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันเสียงดังกล่าว ตัวหูฟังจะถูกออกแบบมาเพื่อซีลปิดหูของผู้ฟัง เช่น การใช้จุกแบบสอดหู การใช้แพดที่ครอบปิดใบหูจนสนิท แต่ก็จะมีเสียงจากภายนอกบางความถี่ โดยเฉพาะเสียงความถี่ต่ำ ซึ่งมีพลังงานในการทะลุทะลวงมาก เช่น เสียงเครื่องยนต์ เสียงเครื่องปรับอากาศ หลุดเข้ามาให้ผู้ฟังได้ยินได้

เพื่อลดเสียงรบกวนดังกล่าว จึงได้มีการประดิษฐ์ระบบตัดเสียงรบกวน ซึ่งจะสร้างเสียงแบบเดียวกัน แต่มีเฟสตรงกันข้าม เพื่อนำไปหักล้างกับเสียงรบกวนดังกล่าว จนทำให้เสียงรบกวนดังกล่าวหายไปครับ

How Sony Digital NC works?

สำหรับระบบ Digital NC ของ Sony นั้น ในทุกขั้นตอนจะถูกประมวลผลแบบดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งมีข้อดีคือสามารถสร้างเสียงที่หักล้างได้อย่างแม่นยำ และเกิดสัญญาณรบกวนซึ่งเกิดจากขั้นตอนการหักล้างเสียงรบกวนต่ำ

ขั้นตอนการทำงานของระบบ จะเริ่มต้นจากการนำสัญญาณแอนะล็อกจากไมค์รับเสียงมาแปลงเป็นดิจิทัล (A/D converter) แล้วนำเข้าไปประมวลผลใน DNC software engine

ภายใน DNC software engine จะมีฟิลเตอร์ (NC filter) สำหรับตรวจจับเสียงรบกวนจากเสียงที่รับมาจากไมค์ และสร้างเสียงที่จะนำมาหักล้างกับสัญญาณรบกวน เนื่องจากการประมวลผลนั้นอยู่ในรูปแบบดิจิทัลทั้งหมด จึงสามารถออกแบบรูปแบบของฟิลเตอร์เพื่อกรองความถี่ที่เฉพาะเจาจงได้อย่างแม่นยำ และสามารถสร้างฟิลเตอร์ได้หลายรูปแบบ

Sony ได้ออกแบบโหมดการทำงานของฟิลเตอร์ไว้ทั้งหมด 3 แบบ ตามสภาพแวดล้อมในการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

• NC Mode A ออกแบบมาเพื่อลดเสียงรบกวนในเครื่องบิน ที่มีเสียงรบกวนในย่านความถี่ต่ำและกลางมีพลังงานมาก
• NC Mode B ออกแบบมาเพื่อลดเสียงรบกวนในรถไฟหรือรถบัส
• NC Mode C ออกแบบมาเพื่อลดเสียงรบกวนภายในสำนักงาน เช่น เสียงเครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งจะมีเสียงรบกวนพลังงานต่ำ แต่กระจายอยู่ตามหลายช่วงความถี่

ในการเลือกโหมดการทำงานนั้น นอกเหนือจากการให้ผู้ใช้เลือกโหมดเองในอุปกรณ์บางตัว ทาง Sony ยังออกแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเลือกโหมดการทำงาน จากลักษณะการได้ยินเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน เสียงเพลงที่มาจากอุปกรณ์ต่อพวงจะถูกแปลงเป็นสัญญาณดิจิทัลด้วย A/D converter แล้วนำไปปรับแต่งด้วย Digital Equalizer เพื่อลดผลกระทบจากระบบตัดเสียงรบกวน และชุดขับของหูฟังที่ถูกออกแบบมาให้ขับเสียงในย่านต่ำได้ดี (เพราะต้องใช้ในการสร้างเสียงกลับเฟสได้อย่างแม่นยำด้วย) ซึ่งจะทำให้เสียงที่ออกมานั้นแตกต่างไปจากที่ควรจะเป็น

หลังจากนั้น เสียงเพลงที่ผ่านการปรับแต่งแล้ว จะถูกนำไปประมวลผลต่อที่ DNC Software Engine จนได้สัญญาณเสียงที่ตัดเสียงรบกวนออกแล้ว ซึ่งจะถูกแปลงกลับเป็นสัญญาณแอนะล็อกหรือไปสู่ชุดตัวขับต่อไป

ความพิเศษของชุดประมวลผล Digital NC ของ MDR-EX750NA ที่แตกต่างจากชุดประมวลผล Digital NC ในหูฟังและอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้าคือ ความสามารถในการประมวลผลเสียงในรูปแบบความละเอียดสูงที่ 24 bit 96 kHz ได้ ซึ่งทำให้คงคุณภาพของเสียงในรูปแบบความละเอียดสูงเอาไว้ได้

ด้วยเหตุนี้หูฟังตัดเสียงรบกวนที่ออกมาก่อนหน้าอย่าง MDR-1RNC และ MDR-10RNC รวมทั้งระบบ Digital NC ใน Walkman ตระกูลก่อนหน้า A20 และ ZX100 จึงไม่ผ่านตามเกณฑ์ Hi-Res Audio ของ Sony เพราะตัวประมวลผล Digital NC ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลเสียงความละเอียดสูงทั้งระบบนั้นเอง

Package

ถึงแม้ตัวหูฟังจะถูกจัดออกมาเป็นซีรีย์ใหม่ แต่งานออกแบบกล่องก็ยังเหมือนหูฟังและเครื่องเสียงพกพาของ Sony รุ่นอื่น ๆ เพียงแต่มีการใช้สีสันของหูฟังแทนสีดำที่ใช้ประจำ

ข้างหลังกล่องจะระบุตำแหน่งไมค์จับเสียงรบกวนและรายละเอียดอื่น ๆ ของหูฟัง

กล่องด้านในจะมีโทนสีตรงกับสีของหูฟัง ซึ่งตัวที่เราได้รับมารีวิวเป็นสี Cinnabar Red ส่วนสีที่ขายจริง จะมีสี Charcoal Black ให้เลือกด้วยสำหรับบ้านเรา

เปิดฝากล่อง จะเห็นตัวหูฟังถูกล็อกอยู่กับถาดพลาสติกสีขาว

อุปกรณ์เสริมและคู่มือจะอยู่ข้างใต้ถาดใส่หูฟัง

นอกจากตัวหูฟังและคู่มือแล้ว อุปกรณ์เสริมที่ให้มาประกอบด้วย จุกหูฟัง (ขนาด SS, S, และ L) คลิปหนีบเสื้อ สายชาร์จ USB – Micro USB หัวแปลงปลั๊กสำหรับเสียบบนเครื่องบิน และกระเป๋าใส่หูฟัง

ต่อไป เราจะไปดูตัวหูฟัง MDR-EX750NA กันครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง