Set up
ก่อนที่เราจะเริ่มใช้งาน Seaboard Block เราจะต้องสร้างบัญชีผู้ใช้และไปลงทะเบียนตัวเครื่องที่เว็บไซต์ของ ROLI เสียก่อน เพื่อที่จะได้สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานบนคอมพิวเตอร์มาได้
Seaboard Block รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้สองแบบคือ USB และ Bluetooth แต่สำหรับการใช้งานบน Windows จะรองรับเพียง USB เท่านั้น ถึงแม้ว่าตัว Windows 10 จะรองรับ MIDI over Bluetooth แล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลทางเทคนิค
การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB นั้นง่ายดาย เพียงลงซอฟต์แวร์ ROLI Dashboard แล้วเสียบสาย USB ระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Seaboard Block และเปิดเครื่อง ตัวอุปกรณ์ก็พร้อมที่ให้เราใช้งานแล้ว
ทางแถบซ้ายมือของ ROLI Dashboard จะมีรายการ Preset การตั้งค่าของ Seaboard Block อยู่ ซึ่งในรายการนี้จะมีการตั้งค่าหลักอยู่ 4 Preset ที่เป็นตัวกำหนดการทำงานของตัวเครื่องคือ
- MPE กำหนดให้ตัวเครื่องส่งข้อมูลในรูปแบบ MPE สำหรับอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่รองรับ MPE
- Multi Channel กำหนดให้ตัวเครื่องส่งข้อมูลด้วย MIDI Channel หลาย Channel สำหรับซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ที่ไม่รองรับ MPE แต่สามารถเล่นเสียงได้มากกว่า 1 Channel (Multi-Timbral)
- Piano ปิดการทำงาน 5D Touch ทั้งหมดยกเว้น Strike เพื่อให้ Keywave ทำงานเหมือนลิ่มของเปียโน การ Slide จะเป็นการรูดลิ่มเปียโนแทนการดันเสียง
- Single Channel กำหนดให้ตัวเครื่องส่งข้อมูลด้วย MIDI Channel ที่กำหนดไว้ Channel เดียว
เราสามารถใช้ Preset ทั้ง 4 ตัวนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งค่าแล้วบันทึกเป็น Preset ของเราเองได้ ตัวเครื่องจะจำ Preset ที่เราเลือกไว้ตลอด จนกว่าเราจะนำ Seaboard Block ไปต่อกับ ROLI Dashboard เพื่อเลือก Preset ใหม่อีกครั้ง
การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth นั้น ผมได้มีโอกาสใช้งาน Seaboard Block กับ iPad ซึ่งเราสามารถสมัครบัญชีผู้ใช้งาน สั่งเชื่อมต่ออุปกรณ์ และลงทะเบียนตัวเครื่องผ่านแอพ NOISE ที่โหลดจาก App Store ได้เลย
เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เราสามารถตั้งค่าการทำงานของเครื่องผ่านแอพ NOISE ได้เลย ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้เฉพาะความไวของการตอบสนอง 5D Touch ในลักษณะการเล่นแบบต่าง ๆ เท่านั้น
ส่วนการใช้งานตัวเครื่องกับแอพอื่น ๆ บน iPadOS หรือ iOS นั้น หากเรายังไม่ได้สั่งเชื่อมต่อกับเครื่องกับแอพใด ๆ ก่อนหน้า ให้เราไปเลือกเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน MIDI over Bluetooth ในส่วนการตั้งค่าภายในแอพที่รองรับ เช่นใน GarageBand จะมีเมนูนี้อยู่ในส่วน Advanced ของ Settings เป็นต้น
Performance
จุดประสงค์ที่ผมซื้อ Seaboard Block มา เพราะต้องการคีย์บอร์ดขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้ โดยที่ยังคงความสามารถในการควบคุมค่า MIDI ได้อยู่ ซึ่งผมเองได้นึกถึง Seaboard Block เป็นตัวเลือกแรก ๆ เลย ซึ่งตัวเครื่องนั้นก็มีขนาดเล็ก ดูพกพาได้สะดวก แต่ก็มีข้อแม้บางประการที่ทำให้การพกพานั้นดูยากขึ้นมา ซึ่งผมจะเขียนถึงต่อไปทีหลัง
ตัวลิ่ม Keywave ของ Seaboard Block นั้นมีขนาดค่อนข้างแคบกว่าลิ่มคีย์บอร์ดขนาดเล็กตัวอื่น (ในรูปข้างบน ผมวางเทียบกับ Roland K-25m) และมีจำนวนลิ่มน้อยกว่าลิ่มนึง ทำให้ต้องปรับตัวในการวางนิ้ว เพราะลิ่มแคบกว่าปกติ รวมทั้งการไล่สเกลที่เล่นได้เพียงออกเตฟเดียว จนทำให้เกิดความคิดที่จะซื้อ Seaboard Block มาต่อเพิ่มอีกสักตัวนึง
ในแง่ของความรู้สึกการเล่น ตัว Keywave สามารถยุบตัวได้เล็กน้อยเพื่อให้เราสามารถเล่น Aftertouch และโยกลิ่มเพื่อทำ Pitch Bend ได้ รวมทั้งมีพื้นผิวที่ความลื่นพอที่จะให้เรารูดนิ้วไปมาได้สะดวก แต่ส่วนตัวคิดว่ามันเหมือนกับแป้นยางใน MIDI Controller แบบ Ableton Push มากกว่า ที่จะต้องอาศัยกำลังของนิ้วในการกระแทกที่ลิ่ม เพื่อให้เล่นโน๊ตที่ค่า Velocity สูง ๆ ซึ่งนิ้วต้องมีความแข็งแรงระดับหนึ่งเลย
ค่าความไวที่ตั้งมาเริ่มต้นนั้นโอเคกับการเล่นเสียงบนซอฟต์แวร์ที่รองรับ MPE โดยเฉพาะ ทั้ง Equator, ซินธ์ของ FXpansion และรวมทั้งเสียงต่าง ๆ ใน GarageBand ซึ่งอาจจะมีความยากในการควบคุมความหนัก – เบาขณะเล่นบ้าง แต่ผมรู้สึกว่าค่าความไวนั้นไม่เหมาะกับการเล่นบนซอฟต์แวร์ที่ไม่รองรับ MPE อย่างเป็นทางการ เช่น Sampler บน Ableton Live ทำให้ต้องปรับค่าความไวของ Seaboard Block สำหรับการเล่นเสียงที่ต้องการเล่นโดยเฉพาะ รวมทั้งต้องตั้งค่าเสียงในซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้ด้วย
ซอฟต์ซินธ์ที่ให้มากับตัว Seaboard Block นั้นเรียกได้ว่าเป็นพระเอกชูโรงที่ทำให้เราเห็นความสามารถของ 5D Touch และ MPE ขึ้นมาในทันที โดยเฉพาะตัว Equator Player ที่ออกแบบโดย ROLI เอง ส่วนตัวผมคิดว่าจุดเด่นของ Equator Player อยู่ที่ Preset เสียงโซโล่ เสียงเครื่องสาย Pad และ Soundscape และแพชที่ใช้ 5D Touch ในการเล่นเสียงดนตรีหลายชนิดพร้อมกัน ตัวอย่าง Preset ที่ผมชอบได้แก่
- Guitar Overdrive Lead ที่เปิดโอกาสให้เราได้ขยี้และรูดสายแบบกีต้าร์จริง ๆ
- Stingray Bass เสียงเบสจากเบส Stingray ที่เล่นด้วยปิ๊ก
- Beautiful Strings ที่เป็น Pad เครื่องสายผสมกับเสียง Choir
- Drama Brass เป็นเสียงเครื่องเป่าทองเหลือง แต่เมื่อเราเล่น Slide ลากนิ้วไปแล้วจะมีเสียงเครื่องสายเล่นออกมาด้วย
Preset เสียง Equator ที่ออกแบบสำหรับ Block นั้น ผมเชื่อว่าน่าจะครอบคลุมการเล่นทั่ว ๆ ไปได้ แต่ถ้าอยากได้ Preset เสียงเพิ่มเติมซึ่งเป็น Preset เสียงของ Seaboard รุ่น Grand และ RISE รวมทั้ง Preset เสียงเครื่องดนตรีอินเดีย ก็แนะนำให้อัพเกรดเป็น Equator ตัวเต็ม ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าอัพเกรดแล้วไม่ผิดหวัง ถึงแม้ว่าผมเองจะไม่ได้ประโยชน์ในการสร้างเสียงใหม่ ๆ ด้วย Equator ที่เป็นซินธ์ที่ซับซ้อนตัวหนึ่งก็ตาม
อย่างไรก็ตาม Ableton Live ที่ผมใช้งานประจำนั้นไม่รองรับ MPE อย่างเป็นทางการ ทำให้ใช้งาน Equator ตรง ๆ ไม่ได้ ต้องใช้ MPE-Utility script ซึ่งเป็น Remote Script เพื่อทำให้ Live สามารถส่งข้อมูล MPE ไปยังซอฟต์ซินธ์ MPE ได้ หรือใช้ ROLI Studio Player ในโหมด Single Channel แทน
สำหรับการใช้งานบน iPad นั้น ผมพบว่า Seaboard Block นั้นเชื่อมต่อกับ iPad ได้อย่างง่ายดาย มีปัญหาไม่เชื่อมต่อบ้างในบางครั้ง แต่ระหว่างเล่นไม่พบปัญหาสัญญาณหลุดหรือล่าช้า รวมทั้งทำงานเข้าขากับแอพต่าง ๆ ที่รองรับ MPE บน iPad ได้เป็นอย่างดี แต่ส่วนตัวไม่ชอบ workflow ของแอพ NOISE ที่มีความสามารถการบันทึกโน๊ตที่เล่นจำกัด และเหมาะกับการเล่นสดมากกว่า ยังดีที่เราสามารถดึง Soundpacks ตัวหลัก ๆ ไปเล่นในแอพอื่นที่รองรับ Audio Unit ได้ แต่ก็รู้สึกว่ากินกำลังเครื่อง iPad 2018 ที่ผมใช้อยู่พอสมควร
จุดที่ผมไม่ชอบของ Seaboard Block หากไม่นับเรื่องการเล่น ที่ผมมองว่ามันคือการหัดเล่นเครื่องดนตรีชนิดใหม่อีกเครื่อง ก็คงจะเป็นเรื่องความยุ่งอย่างในการบำรุงรักษา เนื่องจากตัว Keywave เป็นซิลิโคนที่ดูดซับความมัน ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดจนหมดจดได้ ทาง ROLI แนะนำให้ล้างมือก่อนเล่น และการเก็บเครื่องจะต้องวางในแนวราบเท่านั้น ทำให้ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดก็ตาม ตัวผมใช้วิธีเก็บใส่กล่องที่ได้มา แล้ววางกล่องราบไปกับก้นกระเป๋า
ส่วนปัญหาในการใช้งานนั้น ผมเองเจออยู่ 2 ปัญหา อย่างแรกคืออัพเฟิร์มแวร์เครื่องแล้ว เวลากดปุ่ม Octave Shift ค่าอ็อกเทฟจะกระโดด ซึ่งเบื้องต้นสามารถแก้ไขด้วยการ Reset ซอฟต์แวร์ผ่าน ROLI Dashboard และฮาร์ดแวร์ด้วยการกดปุ่ม Mode Button ค้างไว้ แล้วปุ่ม Power ตาม อีกปัญหาคือตัว Keywave มันเริ่มหลุดออกจากตัวเครื่อง ซึ่งผมไม่ทราบว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการติดต่อฝ่าย Support แจ้งว่า ถ้ามันเริ่มหลุดจนเห็นแถบคาร์บอนด้านใน ก็สามารถเคลมได้หากอยู่ในประกัน
ผมเองได้สอบถามเรื่องนี้ด้วยว่าหากหมดประกันแล้ว ทาง ROLI จะแก้ไขอย่างไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา ซึ่งจากการค้นข้อมูลดู เบื้องต้นพบว่าทาง ROLI จะทำการเปลี่ยนสินค้าตระกูล Blocks ให้ใหม่หากมีปัญหาในระยะเวลาประกันเท่านั้น ไม่มีการซ่อมแซม มีเพียง Seaboard RISE และ Grand ที่ทาง ROLI รับเปลี่ยน Keywave ใหม่ในกรณีที่เกิดความเสียหายจากปัจจัยภายนอก
สิ่งที่ผมไม่ได้ทดลองระหว่างการใช้งาน Seaboard Block เลย คือเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จไฟครั้งหนึ่ง เพราะการใช้งานผมส่วนมากจะต่อกับคอมพิวเตอร์ตลอด และใช้ต่อกับ iPad บางครั้งคราว ทางผู้ผลิตเคลมไว้ว่าตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งซึ่งใช้เวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งถ้าทำตัวเครื่องทำตามตัวเลขนี้ได้จริง ก็จัดว่าเป็นคีย์บอร์ดใบ้ Bluetooth ที่ใช้งานได้นานตัวหนึ่งครับ
Conclusion
จากการใช้งานเจ้า Seaboard Block มาร่วมปีครึ่ง ตัวผมเองประทับใจในความสามารถหลายอย่างของมัน แต่ก็มีจุดที่ผมผิดหวังในตัวมันด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากมันโดยตรง
ผมชอบแนวความคิด 5D Touch มาก เพราะมันทำให้เรามีลูกเล่นในการเล่นและควบคุมเสียงได้มากขึ้น ถึงแม้จะต้องแลกกับการเรียนรู้การเล่น Keywave เพิ่มเติม ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะมีการจัดวางเหมือนคีย์บอร์ด แต่เมื่อเล่นจริงแล้ว มันให้คนละความรู้สึกกัน เหมือนเป็นเครื่องดนตรีคนละประเภทกัน และต้องใช้ทักษะและความแม่นยำในการเล่นมาก จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณ Roland Lamb ผู้ก่อตั้ง ROLI และประดิษฐ์ Seaboad ได้สร้าง LUMI ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดลิ่มปกติขนาดเท่ากับ Seaboard Block ไว้ให้สำหรับผู้เริ่มต้นเล่นดนตรี
เมื่อรวมกับเรื่องการดูแลรักษาที่ค่อนข้างจุกจิกและปัญหาที่ผมเจอมา ทำให้ผมไม่ค่อยไว้วางใจในการพกมันติดตัวไปใช้งานสักเท่าไรนัก รวมทั้งการที่ Ableton Live ยังไม่รองรับ MPE อย่างเป็นทางการ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานของผมยังไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ซึ่งเรื่องนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้ Ableton ออกอัพเดทมาให้ Live รองรับ MPE ในอนาคต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน
สรุป สำหรับคนที่สนใจเทคโนโลยี MPE ผมคิดว่า Seaboard Block นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ในราคาที่น้อยที่สุด (แต่ราคาก็ไม่ถูกนะ) หาก workflow ใครพร้อม เงินพร้อม และมีเวลาเรียนรู้เครื่องดนตรีใหม่ Seaboard Block ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
Like
- ขนาดกะทัดรัด สามารถต่อกับ Seaboard Block อีกตัวเพื่อเพิ่มจำนวนลิ่มได้
- เทคโนโลยี 5D Touch ที่เปิดประสบการณ์ในการเล่นรูปแบบใหม่ ๆ
- Preset เสียงของ Equator Player ออกแบบมาได้ดี แสดงพลังของ 5D Touch และ MPE ได้เต็มที่
- การเชื่อมต่อ Bluetooth เสถียร
- แบตเตอรี่ใช้ได้นาน
Don’t like
- การใช้งานร่วมกับซอฟต์ซินธ์ที่ไม่รองรับ MPE ต้องอาศัยการตั้งค่าทั้งจากตัว Seaboard Block เองและตัวซอฟต์แวร์ที่ใช้
- ตัว Keywave เป็นซิลิโคน มีความจุกจิกในการดูแลรักษาและพกพา
- นโยบายดูแลเครื่องหลังหมดประกันยังคลุมเครือ
- ราคาสูงมากหากเทียบกับคีย์บอร์ดใบ้ขนาดพกพาตัวอื่น