ปัจจุบันนี้หากพูดถึงการทำเพลงสักเพลงหนึ่ง หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นกว่าสมัยก่อน แต่คนที่ทำเพลงก็ยังประสบกับปัญหาที่สำคัญอย่างเรื่องความคิดสร้างสรรค์กันอยู่ ที่กว่าจะกลั่นออกมาเป็นเพลงแต่ละท่อน ก็ต้องทดลองไอเดียต่าง ๆ อยู่มากมาย
Ableton ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ Digital Audio Workstation อย่าง Live จึงได้สร้างฮาร์ดแวร์อย่าง Push ขึ้นมา เพื่อช่วยผู้ใช้ในการทำเพลงครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า การทำฮาร์ดแวร์ขึ้นมาใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์นั้น จะช่วยเหลือเรื่องความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร ผมเชื่อว่าหลายคนที่ทำเพลงน่าจะเคยประสบปัญหาคิดเพลงไม่ออก เปิดซอฟต์แวร์ DAW บนหน้าจอคอมขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร หรือไม่รู้จะบันทึกไอเดียที่คิดได้อย่างไร เพราะซอฟต์แวร์มันดูเยอะไป จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี
Ableton นั้นมองว่าการที่ผู้ใช้ได้เล่นกับเครื่องดนตรีนั้นสามารถช่วยเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าการนั่งจ้องซอฟต์แวร์ จึงทำให้เกิด Push ฮาร์ดแวร์ตัวแรกของบริษัท ซึ่งได้ยก work flow การทำงานของ Live ออกมาในรูปแบบของเครื่องดนตรี เพื่อใช้งานร่วมกับ Live บนคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร้รอยต่อ จนผู้ใช้สามารถจบขั้นตอนการทำเพลงหลัก ๆ ได้โดยไม่ต้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เลย
สำหรับ Push ตัวที RE.V-> จะมาเขียนประสบการณ์การใช้งานให้อ่านกัน จะเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งทาง Ableton ได้พัฒนาต่อยอดเองจาก Push รุ่นแรก ซึ่งทางบริษัทร่วมกันพัฒนากับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ชื่อดังอย่าง AKAI Professional ครับ
Package
Ableton Push 2 มาในกล่องกระดาษลังสีน้ำตาลพร้อมหูหิ้ว ด้านหน้ากล่องสกรีนเพียงโลโก้ของ Ableton และ Push เท่านั้น
ด้านหลัง ทางซ้ายจะสกรีนว่า Push คืออะไร สามารถทำอะไรได้บ้าง ทางด้านขวาจะเป็นตำแหน่งสำหรับติดสติ๊กเกอร์บอกซอฟต์แวร์ที่มากับ Push และหมายเลขเครื่อง ซึ่ง Push ของผมนั้นจะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ Ableton Live 9 Suite ซึ่งเป็น Ableton Live รุ่นใหญ่ที่สุด ซึ่งมี Plug-in และ sample ให้มาอย่างครบครันพร้อมใช้งาน
เมื่อเปิดกล่องออกมา จะพบว่าด้านในกล่องลังน้ำตาลนั้นจะเป็นกระดาษเคลือบมันสีเหลือง ซึ่งสร้างความแปลกใจนิดหน่อย เพราะตามปกติมันควรจะเป็นด้านที่อยู่ด้านนอก และโฟมกันกระแทกที่มีโลโก้ Ableton เว้าลงไป
ยกแผ่นโฟมออกก็จะเจอเจ้า Push 2 อยู่ในถุงโฟมที่มีสติ๊กเกอร์ข้อความต้อนรับติดอยู่
ยกตัวเครื่องออกก็จะเจอสาย USB Type A – Type B ซึ่งมีปลาย Type B เป็นแบบตัว L เพื่อให้สายวิ่งออกไปทางด้านข้าง อะแดปเตอร์พร้อมหัวปลั๊กแบบต่าง ๆ และซองเอกสารที่มีรหัสของซอฟต์แวร์อยู่ด้านหลัง
เอกสารที่ให้มาจะประกอบด้วยคู่มือคำเตือนและข้อควรระวังต่าง ๆ ของ Push 2 ส่วนซองเอกสารสีเหลืองเมื่อเปิดซองมาก็จะเจอวิธีการประกอบหัวอะแดปเตอร์ วิธีการลงทะเบียนและดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ และสติ๊กเกอร์สำหรับติดเล่นหนึ่งแผ่น ซึ่งเป็นธรรมเนียมของ Ableton ที่ให้สติ๊กเกอร์แบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
Product
Ableton Push 2 มีขนาดตัวและน้ำหนักมากกว่าที่ผมคาดไว้อยู่พอสมควร ตัวเครื่องด้านนอกถูกสร้างมาเป็น 2 ชิ้นคือ ส่วนของพลาสติกเคลือบยางที่เป็นส่วนหลักของเครื่อง และส่วนของแผ่นอลูมิเนียมอะโนไดซ์ที่อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง
ด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของแจ็คขนาด 1/4 นิ้วสำหรับเสียบแป้นเหยียบจำนวน 2 ช่อง ทำหน้าที่เป็น sustain pedal และสั่งบันทึกคลิปในการตั้งค่าปกติ พอร์ต USB type B แจ็คเสียบอะแดปเตอร์ และช่องสำหรับสายล็อค Kensington
ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีขารองเป็นยางที่มุมทั้งสี่ด้านของตัวถังพลาสติกเพื่อป้องกันไม่ให้ Push เลื่อนขณะใช้งาน
ส่วนประกอบที่เด่นที่สุดของ Push 2 น่าจะหนีไม่พ้นแป้นยาง (Pad) จำนวน 64 แป้น เรียงแบบ 8 x 8 แถว พร้อมไฟสถานะแบบ RGB ในแต่ละแป้น สำหรับเล่นโน๊ตและควบคุมการทำงานของซอฟต์แวร์ ตัวแป้นสามารถวัดแรงหนักเบาเวลากด (Velocity) และแรงที่กระทำกับแป้นหลังการกดไปแล้ว (Aftertouch) ที่ภาษานักเล่นคีย์บอร์ดเรียกกว่าการขยี้คีย์นั่นเอง
ส่วนปุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง จะเป็นปุ่มยางที่มีความสูงของปุ่มต่ำกว่าแป้นยาง เมื่อกดแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนกดสวิตช์ พร้อมไฟสถานะที่จะเปลี่ยนสีไปตามสถานะของซอฟต์แวร์
ทางด้านซ้ายของแป้นยางจะมี Touchstrip ความยาว 17 มม. สำหรับป้อนค่า Pitch Bend และ Modulation พร้อมไฟ LED 31 ดวง เพื่อระบุตำแหน่งนิ้วที่สัมผัสบน Touchstrip และตำแหน่งอ็อกเทฟเมื่อใช้แป้นยางในการเล่นโน๊ต
ด้านบนตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Encoder ซึ่งสามารถหมุนได้รอบและรองรับตรวจจับการสัมผัสจำนวน 11 ปุ่ม แบ่งเป็นปุ่ม Encoder ที่หมุนเป็นจังหวะสำหรับปรับความเร็ว Tempo 1 ปุ่ม และปุ่ม Encoder ที่หมุนได้เป็นอิสระสำหรับปรับ % Swing, ปรับเอฟเฟกต์ และปรับความดังเสียงของ Master Track รวม 10 ปุ่ม
ข้อควรระวังสำหรับคนที่คิดจะเปลี่ยนฝาปิดของปุ่มไปเป็นฝาปิดอื่น ๆ เช่น Chroma Caps คือ ปุ่มจะสูญเสียการตรวจจับการสัมผัสไป ถ้าเราไม่ได้ใช้ฝาปิดของ Ableton Push ครับ
Push 2 มาพร้อมกับหน้าจอสีความละเอียดสูง เพื่อแสดงสถานะต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ Ableton Live ที่รันอยู่บนคอมพิวเตอร์ ตามแนวความคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้โฟกัสที่การทำดนตรีมากกว่าการโฟกัสไปที่ตัวซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์
จริง ๆ ส่วนของตัวถังพลาสติกด้านในนั้น ทาง Ableton ยังมีลูกเล่นคือการซ่อนลายเซ็นของทีมพัฒนาไว้ด้านใน ซึ่งคนที่อยากจะเห็นจะต้องขันน็อตด้านล่างเครื่องออกถึงจะเห็น หรือดูวิดีโอแกะเครื่องที่คุณ MarkusFuller ทำไว้แทนก็ได้สำหรับคนที่ไม่อยากแกะ Push ของตัวเอง
ต่อไปก็เป็นการติดตั้งและใช้งาน Push 2 ครับ
อันนี้ที่ Kevin วง fhána ใช้เล่นใช่มั้ยครับ สงสัยมานานแล้วว่ามันคืออะไร ขอบคุณมากครับ
พอดีผมไม่ได้ตามวงนี้ เลยไม่แน่ใจว่าเขาใช้ Push หรือเปล่านะครับ เพราะอุปกรณ์หน้าตาแบบ Push
นอกจากของ Ableton ที่เป็นเจ้าของทำออกมาเองแล้ว ยังมีของ Akai Pro และ Novation อีกครับ รวมทั้งยังมีอุปกรณ์คล้าย ๆ กันคือ MASCHINE ของ Native Instrument ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ + ซอฟต์แวร์เหมือนกับ Live + Push ของ Ableton ครับ
Pingback: ลองเล่น ROLI Seaboard Block คีย์บอร์ดใบ้แห่งอนาคต | RE.V –>