Package
Seaboard Block ถูกบรรจุมาในกล่องกระดาษแข็งอย่างดี มองผ่าน ๆ ให้ความรู้สึกว่าเป็นอุปกรณ์เสริมของ Apple ตัว Seaboard Block ที่นำมารีวิวจะเป็นกล่องรุ่นแรกสีขาว ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่น Studio Edition สีดำที่ทาง ROLI เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วตรงซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยเท่านั้น
ด้านหลังกล่องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าและความต้องการของระบบ ในปัจจุบัน Seaboard Block รองรับการใช้งานอย่างเป็นทางการบน Windows, macOS และ iOS เท่านั้น (บน Android มีแอพ NOISE รุ่น Beta เฉพาะโทรศัพท์บางรุ่นเท่านั้น)
เปิดฝากล่องขึ้นมา จะเจอ Seaboard Block วางอยู่ในถาดพลาสติกสีดำข้างใน
เมื่อยกตัวเครื่องออก จะเจอเอกสารคู่มือ สติ๊กเกอร์ และสาย USB 3.0 หัวปลั๊ก Type A – Type C จำนวน 1 เส้น
Product – Hardware
Seaboard Block เป็นคีย์บอร์ดแบบ Keywave ที่ตัวเล็กที่สุดของ ROLI ประกอบด้วยลิ่มขนาดเล็กทั้งหมด 24 ลิ่ม แถบริบบอนด้านบนและล่าง และปุ่ม Octave Shift ที่มุมด้านซ้ายและขวาของแถบริบบอนด้านบน
ขอบด้านหน้าของคีย์บอร์ดมีปุ่ม Power สำหรับเปิด – ปิดตัวคีย์บอร์ด และบนปุ่ม Power เองยังมีไฟสถานะการทำงานและการเชื่อมต่อ Bluetooth
วัสดุตัวเครื่องนอกจากตัว Keywave ที่เป็นซิลิโคน ที่เหลือจะเป็นพลาสติกผิวด้าน ด้านล่างติดแถบยางกันลื่นไว้รอบด้าน บนยางกันลื่นจะมีสัญลักษณ์เพื่อระบุตำแหน่งปุ่มและพอร์ตของเครื่อง
ทางด้านซ้ายของเครื่องเป็นตำแหน่งของพอร์ต USB-C แบบ USB 3.0 สำหรับการเชื่อมต่อและชาร์จไฟ และปุ่ม Mode Button สำหรับใช้เปลี่ยน Track ที่ต้องการควบคุมในแอพ NOISE และส่งค่า MIDI Program Change เพื่อเปลี่ยน Preset เมื่อใช้ร่วมกับปุ่ม Octave Shift
จุดเด่นของ Seaboard Block คือมันเป็นอุปกรณ์ในตระกูล Blocks ของ ROLI ซึ่งเราสามารถนำอุปกรณ์ตัวอื่นในตระกูล เช่น Lightpad Block หรืออุปกรณ์เสริม Control Blocks หรือแม้แต่ Seaboard Block อีกตัวมาต่อเข้าที่พอร์ต DNA Connectors ที่อยู่รอบ ๆ Seaboard Block เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานได้ เช่น ให้ Lightpad Block ทำหน้าที่ปรับแต่งเสียง หรือเพิ่ม Control Blocks แบบ Touch Block แบบต่าง ๆ เพื่อตั้งค่าการทำงานของ Seaboard Block โดยไม่ต้องแก้ไขผ่านโปรแกรม เป็นต้น
อุปกรณ์ Block แต่ละตัวจะถูกยึดกันด้วยแม่เหล็กที่มีความแรงในการยึดระดับหนึ่ง แต่ไม่แรงถึงขนาดกับยึดอุปกรณ์เป็นชิ้นเดียวกันโดยไม่แยกจากกันเวลายกได้ ถ้าจะยกอุปกรณ์เป็นชุดสามารถใช้ Snapcase ซึ่งมีให้เลือกหลายขนาดที่ต้องการได้
DNA Connectors ของ Seaboard Block จะอยู่ที่ขอบด้านบน 2 พอร์ต ด้านซ้าย 1 พอร์ต และด้านขวา 1 พอร์ต รวม 4 พอร์ต ซึ่งพอร์ตสามารถเชื่อมต่อและจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ Blocks ที่นำมาต่อได้เลย จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมอุปกรณ์ตระกูล Blocks ต้องใช้ USB 3.0 ในการเชื่อมต่อ เพราะต้องเผื่อกำลังไฟไว้เลี้ยงอุปกรณ์ Blocks ตัวอื่นที่ต่อกับ DNA Connectors ด้วย
อย่างไรก็ตาม Seaboard Block ยังสามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB 2.0 ได้ เพียงแต่ตัวพอร์ตอาจจะจ่ายไฟไม่พอ ในกรณีที่ใช้อุปกรณ์ Blocks หลายตัว
ต่อไป เราจะไปดูรายละเอียดซอฟต์แวร์ที่มากับ Seaboard Block กัน