ด้วย Negative Space ทำให้ตัวถังแมกนีเซียม XBA-Z5 ดูมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น และพื้นที่ว่างตรงกลางตัวหูฟังยังสื่อถึงตำแหน่งภายในของตัวขับ BA ทั้ง 2 ตัวอีกด้วย นอกจากนี้ทีมออกแบบยังให้ความสำคัญกับพื้นผิวพ่นทรายบนตัวหูฟัง ที่จะต้องมีความละเอียดที่พอดี คือไม่ละเอียดมากจนผู้ใช้ไม่รู้สึก และไม่หยาบเกินไปจนทำให้ไม่รู้สึกดีเวลาที่สัมผัสตัวหูฟัง
วัสดุและงานประกอบถือว่าดีมากสมกับที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ตัวโลโก้ Sony และตัวอักษรระบุรุ่นบนตัวหูฟังจะถูกสลักด้วยเลเซอร์ ทำให้ไม่เลือนหายไปง่าย ฟิลเตอร์ในท่อนำเสียงเนื้อละเอียดขึ้น และใส่มาเต็มพอดีท่านำเสียงทั้ง 2 ข้าง
ส่วนที่คล้องหู Sony ยังคงเลือกใช้เรซิน TEKNOROTE แล้วหุ้มด้วยยางซิลิโคนเช่นเคย การสวมใส่ยังคงทำได้สบายตามสไตล์หูฟัง Sony และด้วยขนาดที่กะทัดรัดมากขึ้น ยังช่วยให้ใส่หูฟังได้ง่ายกว่าตอนใช้ XBA-H3 ด้วย
ขั้วต่อหูฟังเป็นแบบ MMCX ตามสมัยนิยม แต่จะมีเบ้าที่ทำร่องรับเขี้ยวล็อกตรงปลั๊กฝั่งสายหูฟัง ป้องกันไม่ให้แจ็คกับหัวปลั๊กเกิดการเคลื่อนที่ อันทำให้เกิดอาการเสียงขาดหาย เหมือนในหูฟังยี่ห้ออื่น ๆ ที่ใช้ขั้ว MMCX แต่ไม่มีเขี้ยวล็อค
บริเวณขั้วของสายหูฟัง เปลี่ยนวัสดุจากยางหุ้มพลาสติกของ XBA-H3 ที่พอใช้ไปนาน ๆ แล้วถอดสายออกจากหูฟัง ตัวปลอกจะเลื่อนหลุดออกมา เป็นพลาสติกแข็งชิ้นเดียว และมีระยะที่หัวปลั๊ก MMCX ยื่นน้อยกว่าเดิม ทำให้ไม่สามารถเอาไปใช้กับหูฟัง XBA-H รุ่นที่แล้วได้ครับ
ส่วนสายหูฟังแบบปกติจะเป็นสาย Y ความยาว 1.2 เมตร ใช้ตัวนำ OFC เคลือบเงิน มีลักษณะเป็นเส้นแบน และมีการเซาะให้เป็นร่องบนฉนวน เพื่อช่วยให้สายพันกันเป็นปมได้ยากขึ้น พร้อมหัวปลั๊ก 3.5 มม.ชุบทอง ผลิตในไทย
เทียบกับสายของ XBA-H3 แล้ว สายของ XBA-Z5 จะมีขนาดสายและหัวปลั๊กที่เล็กกว่า แต่โครงสร้างภายในจะแยกกราวด์ของสัญญาณฝั่งซ้ายและขวา เพื่อช่วยลด crosstalk
ส่วนตัวสายแบบ balanced สำหรับต่อกับแอมป์หูฟัง PHA-3 จะเป็นสาย Y เหมือนกัน แต่มีความยาว 2 เมตร พร้อมหัวปลั๊ก 3.5 มม. 2 หัว สำหรับสัญญาณฝั่งซ้ายและขวา
Set up
การสวมใส่ XBA-Z5 ยังคงเหมือนกับหูฟังเรือธงตัวก่อนหน้า คือให้ใส่คล้องจากใบหูลงมา ซึ่งถึงแม้ตัวหูฟังจะดูกะทัดรัดขึ้น แต่ขนาดของมันถ้าเทียบกับหูฟังสอดหูยี่ห้ออื่นก็ยังจัดว่าใหญ่อยู่ ไม่เหมาะกับการใส่นอนฟังเท่าไร
ส่วนการเปลี่ยนสายนั้น แนะนำให้จับบริเวณตัวขั้วให้แน่นแล้วดึงตรง ๆ ขึ้นมา ไม่ต้องโยก แล้วเอาขั้วจากสายเส้นใหม่ เล็งให้เขี้ยวของขั้วตรงกับบากบนตัวหูฟัง แล้วเสียบลงไปตรง ๆ ครับ สำหรับคนที่มีปัญหาในการถอดสายออก แนะนำให้หมุนขั้วสายเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มันหมุน แล้วดึงออกมาตรง ๆ ครับ
Performance
ผมได้นำ XBA-Z5 ไปลองฟังกับอุปกรณ์และเครื่องเล่นที่ผมมีอยู่เป็นเวลานานพอสมควร เมื่อรวมกับเวลาที่เจ้า Z5 ตัวที่ยืมมาต้องทำหน้าที่เป็นหูฟังสาธิตตามงานต่าง ๆ ของ Sony เอง ผมคิดว่าเสียงของหูฟังก็น่าจะคงที่พร้อมแก่การรีวิวแล้ว
ย้อนถึงในงานเปิดตัวปีที่แล้ว ที่ผมได้ฟังเสียงของ XBA-Z5 เป็นครั้งแรก ผมรู้สึกว่าแนวเสียงฟังดูคล้าย ๆ กับของ MDR-Z7 แต่พอได้ฟังจริง ๆ จัง ๆ แล้ว รู้สึกว่าเสียงมันไม่เหมือนกันสักทีเดียว ถึงแม้ว่าจะออกแบบมาในแนวความคิด Feel the air ที่เน้นเรื่องของบรรยากาศที่สมจริงก็ตาม
จุดเด่นของ XBA-Z5 ยังคงอยู่ที่ช่วงเสียงสูงเช่นเคย มีความแหลมใส ประมาณเสียงเคาะแก้วหรือโลหะ รายละเอียดคมชัด และมีหางเสียงที่ลากยาวไปไกล ไม่ตัดห้วนหายไป ซึ่งเสียงแหลมแบบนี้ก็ช่วยให้รู้สึกถึงมิติที่เปิดโล่งไม่อึดอัด จุดนี้เป็นจุดที่สร้างความแตกต่างระหว่าง XBA-Z5 และ XBA-H3, XBA-A3 ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เสียงแหลมแบบนี้ ถ้าเทียบกับหูฟังตัวอื่น ผมว่าเสียงฟังเพราะจริง แต่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไร เพราะมันฟังดูใสเกินจริงไปอยู่เหมือนกัน
ส่วนเสียงในช่วงอื่น ๆ ช่วงเสียงต่ำ เบสลงได้ลึก แน่น กระชับ ปริมาณไม่มาก เสียงไม่เข้าไปกวนกับเสียงย่านอื่น ๆ เสียงกลางฟังดูเด่นก็จริง แต่จะติดออกไปทางแหลม ทำให้เสียงฟังดูบางไปหน่อย คนที่ฟังเพลงเสียงร้องผู้หญิงหรือเครื่องสายน่าจะชอบโทนเสียงแบบนี้
การแยกรายละเอียดเสียง ทำได้ดีกว่าหูฟัง In-ear ตัวอื่น ๆ แบบเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องมิติเสียงที่หลาย ๆ คนยังติดใจจาก MDR-EX1000 ก็ได้กลับมาใน XBA-Z5 แล้ว คือให้มิติที่เปิดโล่งและกว้าง แต่ก็จะมีลักษณะต่างจาก EX1000 ที่ให้ความรู้สึกเปิดโล่งเพราะโครงสร้างของตัวหูฟังที่มีช่องอากาศขนาดใหญ่
เมื่อนำ XBA-Z5 มาต่อแบบ balanced กับ PHA-3 แนวเสียงที่ว่ามาข้างบนก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่พอสมควร คือระดับเสียงจะดังขึ้นมากขึ้น จนต้องปรับระดับเสียงลงมา ปริมาณเบสที่ฟังดูน้อย ๆ กลับเพิ่มมากขึ้น เสียงกลางที่ฟังดูบาง ๆ ก็กลับมาหนาและเด่นขึ้น ส่วนเสียงแหลมจะลดความคมและใสลง โดยรวมแล้วผมกลับชอบเสียงของ Z5 เวลาต่อแบบ balanced มากกว่า เพราะเสียงในทุก ๆ ย่านมีปริมาณผสมผสานกันลงตัวพอดี
สำหรับเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนภายนอก XBA-Z5 ก็ยังทำได้ดีพอ ๆ กับ XBA-H3 รุ่นเดิม ซึ่งหากต้องการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ผลดีที่สุด แนะนำให้ใช้จุก Silicone Foam จะดีที่สุดครับ
Conclusion
ตั้งแต่ที่ Sony เลิกจำหน่าย MDR-EX1000 ทั่วโลกยกเว้นญี่ปุ่นไป Sony ยังไม่เคยออกหูฟังแบบสอดหูระดับเรือธงประจำปีตัวไหน ที่เหล่านักฟังให้การยอมรับให้เทียบเท่ากับ EX1000 ได้เลย จนกระทั่งเจ้า XBA-Z5 ออกมา และเหล่านักฟังที่ได้ฟังเสียงของมันแล้ว ก็ยอมรับว่ามันมีเสียงที่เทียบเท่าหรือก้าวข้ามผ่าน EX1000 แล้ว
สำหรับคนที่อยากได้หูฟังแบบสอดหูที่เน้นมีเสียงแหลม โปร่ง มิติกว้าง ฟังแล้วไม่อึดอัด แต่ยังมีเสียงเบสลูกโตพอประมาณ เจ้า XBA-Z5 จัดเป็นตัวเลือกที่ควรจะลองให้ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกหูฟังตัวอื่น ๆ ครับ
Like
- วัสดุ งานประกอบดีมาก สมกับที่ผลิตในญี่ปุ่น
- เสียงแหลมใส ฟังสนุก หางเสียงยาว ให้ความรู้สึกไม่อึดอัด
- เสียงตอนต่อแบบ balanced ที่เสียงแต่ละย่านผสมผสานกันอย่างลงตัว
Don’t like
- สายหูฟังเส้นเล็ก ดูอ่อนแอ
- ช่วงเสียงแหลม ใสเกินไปจนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ อาจจะไม่เหมาะกับคนฟังที่ต้องการเสียงที่สมจริง
- จุกหูฟังให้ขนาดมาน้อยกว่าตอน MDR-EX1000
ขอขอบคุณ Sony Thai ที่เอื้อเฟื้อหูฟัง XBA-Z5 เพื่อการรีวิวด้วยครับ
ผมขอสอบถามได้ไหมครับว่า
– ถ้าซื้อ XBA-Z5 ตอนนี้จะยังคุ้มค่าอยู่ไหมครับ ?
– คุณภาพเสียงของ XBA-A3 กับ XBA-Z5 แตกต่างกันมากน้อยเพียงใดครับ?
– ซื้อมาฟังแบบต่อตรงกับ A30 เสียงที่ได้จะดึงประสิทธิภาพของหูฟังตัวนี้ออกมาหมดรึเปล่าครับ?
– ตอนนี้ผมใช้ w4R ที่มีจำนวนไดว์เวอร์มากกว่า เรื่องการแยกแยะเสียง จะแตกต่างกับXBA-Z5มากไหมครับ?
ขอบคุณครับ
ขอบคุณที่ช่วยตอบครับ
ผมขออนุญาติถามคำถามสุดท้ายนะครับ
ตอนนี้กำลังชั่งใจว่า จะเอา A3 หรือ Z5 ดี เพราะราคาต่างกันเยอะพอสมควร
จำได้ว่าผมเคยอ่านมาจากเวปเฮียมั่นคง ในกระทู้ sony ภาค 13 ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ปลิวไปไหนแล้ว
เห็นบางท่านจัด A3 แล้วมาเปลี่ยนสายอัพเกรด sony อยากทราบว่า คุณภาพเสียงที่ได้จะขยับเข้ามาใกล้เคียง Z5 หรือให้คุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหนครับ
ตอนนี้ผมใช้ A3 กับสายอัพเกรดอยู่ ส่วนตัวรู้สึกว่าความแหลมมันหายไปเยอะกว่าสายที่มาด้วยกัน แต่ได้เบสที่ฟังดูกว้างกว่า ช่วงกลางที่เด่นขึ้น และการแยกมิติเสียงที่ดีกว่าเดิมครับ
Pingback: รีวิว หูฟัง Sony MDR-1AM2 หูฟัง Premium โฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม | RE.V –>