Set up

ในส่วนการเริ่มใช้งาน Walkman ZX2 ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากอุปกรณ์ Android ตัวอื่น ๆ ที่เปิดเครื่องมาก็จะถามบัญชีของ Google และทำการซิงก์ข้อมูลจากบัญชี Google ที่กรอกมา แล้วก็จะตัดเข้าหน้า home screen พร้อมใช้งาน

แต่ว่ารอบนี้พิเศษหน่อย คือก่อนที่จะเข้า home screen เครื่องจะเปิดแอพ Guide to quality sound เพื่ออธิบายเรื่องของการปรับตั้งเสียงของ ZX2 ซึ่งในแอพได้แนะนำให้ใช้งานเครื่องไป 100 ชม. เพื่อให้ตัวเก็บประจุ OS-CON และ POSCAP เสถียร และให้ปิดการประมวลผลเสียงทั้งหมดในเครื่องแล้วลองฟังเสียงดูก่อน หากไม่ถูกใจค่อยปรับแต่งเอาทีหลัง

นอกจากนี้แอพยังเตือนเรื่องเสียง “ปุ” เบา ๆ แล้วค่อย ๆ เงียบลงไป เสียงเพลงที่เล่นก็จะค่อย ๆ ดังขึ้นมา ที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดเครื่อง หรือเมื่อเราหยุดเล่นเพลงแล้วมากดเล่นใหม่ ซึ่งแอพบอกว่านั่นเป็นเสียงการชาร์จประจุของตัวเก็บประจุ ไม่มีปัญหาอะไรกับตัวเครื่อง

เรื่องเสียง “ปุ” ที่ว่า คราวของ Walkman ZX1 สร้างความกังวลให้กับเจ้าของและคนที่กำลังจะซื้ออยู่พอสมควร เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เสียง “ปุ” ค่อย ๆ เงียบลงเป็นเสียงฮัม แล้วไม่ยอมหายไป ซึ่งจะสังเกตได้ถ้าใช้หูฟังที่ไวต่อเสียงมากหน่อย ซึ่งจากการใช้งาน Walkman ZX2 ผมก็ไม่เจออาการที่ว่าแล้วนะ

สำหรับการจัดการเพลงบนเครื่อง ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเอาเพลงใส่เครื่องด้วยการเสียบสาย USB ธรรมดา ๆ หรือเอาเพลงใส่การ์ด microSD ไปเสียบในเครื่องก็ได้ แต่เพื่อให้ข้อมูลในเพลงและปกเพลงถูกนำลงไปในเครื่องด้วย แนะนำให้ใช้โปรแกรม Media Go จะดีกว่า

ในกรณีที่เราต้องการจัดการข้อมูลในการ์ด microSD ที่เสียบอยู่ในเครื่อง แต่ไม่อยากถอดการ์ดออกมา ให้ไปตั้งค่าเลือกว่าจะให้ USB เข้าถึงหน่วยความจำตัวไหนได้ใน USB storage settings

ข้อควรระวังของการใช้ microSD ในการเก็บเพลงคือ หากเราได้สร้าง playlist โดยใช้เพลงที่อยู่บนการ์ด แล้วถอดการ์ดออกตอนเครื่องยังเปิดอยู่ เพลงจะหายไปจาก playlist ถ้าจะป้องกันไม่ให้หาย ต้องถอดและใส่การ์ดกลับตอนปิดเครื่องครับ

Performance

ในส่วนของการใช้งานจริง สำหรับคนที่เคยใช้อุปกรณ์ Android มาแล้ว โดยเฉพาะกับ Walkman ที่ใช้ Android ของ Sony การใช้งานทุกอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเดิมหมด โดยรวมแล้วใช้งานง่ายและยืดหยุ่น ตามประสา Android ฉบับไม่ปรับแต่ง

สำหรับน้ำเสียงของ Walkman ZX2 นั้น ในช่วงเสียงเบส มีแรงประทะดี กระชับ ลงได้ลึก ช่วงเสียงกลางจะติดแหลม จนรู้สึกว่าเสียงมันแห้งไปบ้าง ช่วงเสียงสูงไม่แหลมมาก แต่ยังคงความคมชัดอยู่ ส่วนการแยกรายละเอียดเสียง เช่น เสียงเครื่องดนตรีเล็ก ๆ และเสียงร้องประสาน ที่แยกออกมาได้ชัดเจน ส่วนมิติของเสียงให้ความรู้สึกเปิดกว้าง ไม่อึดอัดเท่าไร

เมื่อเทียบกับเสียงของ Walkman ZX1 แล้ว ZX2 จะมีหางเสียงเบสน้อยกว่า เสียงกลางที่หนาน้อยกว่า และมีช่วงเสียงสูงที่แหลมน้อยกว่า แต่สิ่งที่เหนือกว่าแบบเห็นได้ชัดคือเรื่องของรายละเอียดและมิติ และเมื่อนำไปเทียบกับ PHA-3 แล้ว ZX2 จะมีแนวเสียงที่คล้ายกันมาก แต่ช่วงเสียงสูงแหลมน้อยกว่า  และการแยกรายละเอียดและมิติที่ทำได้ดีนั้น ก็ยังดีไม่พอที่จะสู้กันตรง ๆ ได้ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก

ส่วนกำลังขับของ Walkman ZX2 ทาง Sony ยังแจ้งไว้ว่ามีกำลังขับ 15 mW ต่อช่องสัญญาณ ตามมาตรฐาน JEITA ที่ 16 โอห์มเหมือนเดิม แต่การปรับระดับเสียงนั้นทำได้ละเอียดขึ้น คือ 60 ระดับ เมื่อเทียบกับ ZX1 ที่สามารถปรับได้แค่ 30 ระดับ ผมลองนำหูฟังที่ต้องการกำลังขับพอสมควรอย่าง MDR-Z7 มาต่อ รู้สึกว่าเสียงที่ได้ดีขึ้นกว่าตอนต่อ ZX1 อยู่บ้าง คือเบสกับกลางมาแล้ว แต่แหลมไม่ค่อยออก สรุปแล้วก็ยังขับได้ไม่สุดอยู่ดี

เรื่องประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ซึ่ง Walkman ZX2 ยังคงเลือกใช้ SoC และขนาด RAM เหมือนเดิมกับคราว ZX1 ผลการทดสอบที่ได้จากแอพ Antutu Benchmark จึงมีคะแนนต่างกันไม่มากนัก ซึ่งผมคิดว่าคะแนนของ ZX2 ที่ได้มากกว่าประมาณ 1,000 กว่าคะแนนน่าจะมาจาก Android 4.2 มากกว่า

ในส่วนอายุการใช้งานเครื่องต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง เนื่องจากขนาดแบตเตอรี่ที่ใส่มาใน ZX2 มีความจุมากขึ้น เลยทำให้อายุการใช้งานก็มากขึ้นกว่าเดิมด้วย ผมฟังเพลงซึ่งประกอบไปด้วยไฟล์เพลงความละเอียด 16-bit ทั้งไฟล์แบบ lossy และ lossless และไฟล์ FLAC ที่เป็น HRA เปิดใช้งาน DSEE HX เจ้า ZX2 สามารถใช้งานมาได้ประมาณ 15 ชม. เหลือแบตเตอรี่อยู่ประมาณ 20%

ส่วนการนำไปต่อกับ DAC ภายนอก เช่น PHA-3 ผมเปิดเพลงฟังไป 2 ชม. แบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 20% แบตเตอรี่น่าจะเพียงพอในการฟังเพลงผ่าน PHA-3 จนแบตหมด แล้วยังมีเหลือแบตอีกนิดหน่อยเอาไว้ฟังเพลงบนตัว ZX2 เอง

อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้น ระยะเวลาการชาร์จก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากใช้เวลา 3 ชม. ก็เพิ่มเป็น 4.5 ชม. แนะนำว่าถ้าอยากชาร์จให้เร็ว ๆ ให้หาที่ชาร์จ USB มาใช้แทน อย่างผมก็ไปเอาที่ชาร์จของ Sony รุ่น CP-AD2 ที่มากับที่ชาร์จแบบพกพามาใช้ครับ

Conclusion

จากการใช้งาน Walkman ZX2 มาสักพักใหญ่ ผมยอมรับว่า Walkman ZX2 นั้นเหนือกว่า Walkman ZX1 ที่ผมใช้งานอยู่เป็นประจำในหลายจุ ทั้งเรื่องความละเอียดและการแยกสเตอริโอของเสียงที่ทำได้ดีกว่าเดิม อายุแบตเตอรี่ที่นานกว่าเดิม ที่สำคัญจุดอ่อนเรื่องเสียงฮัมก็โดนแก้ไขไปแล้ว ส่วนคนที่มีไฟล์ DSD เก็บไว้เยอะ ๆ น่าจะชอบการปรับแต่งการแปลงสัญญาณ DSD ให้ถูกใจได้

อย่างไรก็ตามผู้ที่ใช้ Walkman ZX1 อยู่แล้ว อาจจะต้องลองดูว่าสิ่งใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน Walkman ZX2 นั้น คุ้มค่ากับการที่ต้องเปลี่ยนเครื่องเล่นที่ซื้อมาไม่ถึงปีหรือเปล่า ส่วนใครที่ยังไม่เคยมีเครื่องเล่นเพลง HRA มาก่อน หรือต้องการอัพเกรดจากเครื่องเล่นเดิมที่มีราคาถูกกว่า ผมคิดว่า Walkman ZX2 เป็นตัวเลือกที่น่าลองตัวหนึ่งครับ

Like

• วัสดุและงานประกอบที่หรูหราและเนี้ยบกว่าเดิม
• หน้าจอคุณภาพดี
• ความจุเยอะ และสามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้อีกใบ
• ซอฟต์แวร์ไหลลื่น ง่ายต่อการใช้งาน
• ตั้งค่าการเล่นไฟล์ DSD ได้
• การแยกรายละเอียดของเสียงและมิติสเตอริโอที่ดีขึ้น
• อายุแบตเตอรี่ที่นานขึ้น

Don’t like

• เครื่องมีขนาดใหญ่และหนักขึ้น ไม่สะดวกในการพกพา
• SoC รุ่นเก่ามาก ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว
• ไม่ให้ฝาปิด WM-Port เหมือนเครื่องขายในญี่ปุ่น
• ราคาขายในไทยค่อนข้างแพง

ขอขอบคุณ Sony Thai ที่เอื้อเฟื้อ Walkman ZX2 มาให้รีวิวด้วยครับ

More info

Sony

Inside the ZX Series