ในภาค AD Converter ของ PCM-D10 นั้น ทาง Sony ได้เลือกใช้ ADC ของ Asahi Kasei รุ่น AK4558 จำนวน 2 ตัวเพื่อเพิ่ม SNR ของตัวเครื่อง ทำให้ได้ช่วง Dynamic Range ที่มากขึ้น
นอกจากนี้สัญญาณจากไมค์ที่เข้ามายังชิป ADC ตัวที่ 2 จะถูกลดทอนระดับลงไป -12 dB เพื่อใช้กับความสามารถพิเศษของรุ่นนี้อย่าง Digital Limiter และ High S/N Mode ด้วย
Digital Limiter ของ PCM-D10 จะแตกต่างจาก Limiter ปกติที่จะคอยกดความดังของเสียงไม่ให้เกินตามที่กำหนด คือเมื่อใดที่เราอัดสัญญาณเสียงเข้ามา แล้วสัญญาณเสียงเกิด clipping ตัวประมวลผลจะไปเอาสัญญาณ -12 dB ที่ถูกบันทึกมาด้วยกัน ไปตัดต่อใส่ให้แทน ทำให้เรายังได้สัญญาณเสียงที่สมบูรณ์ไม่เกิด clipping
ในการใช้งานจริงเราสามารถตั้งระยะเวลาการทำงานของ Limiter ได้ที่ 0.150 มิลลิวินาที 1 วินาที และ 1 นาที ซึ่งเราตั้งระยะเวลาให้ครอบคลุมกับช่วงที่สัญญาณที่น่าจะเกิด clipping อย่างไรก็ตามความสามารถนี้ใช้ได้เฉพาะไมค์บนตัวเครื่องเท่านั้น และสัญญาณที่เข้ามาจะต้องไม่แรงเกิน +12 dB (เพราะวงจรลดทอนภายในมันลดได้แค่ -12 dB เท่านั้น)
High S/N Mode นั้นเป็นโหมดที่ถูกออกแบบเพื่อเพิ่ม SNR ทำให้ช่วง Dynamic Range ที่บันทึกได้กว้างขึ้น ช่วยให้เสียงที่มีความดังไม่มากไม่ถูกกลืนไปกับ background noise ที่เกิดขึ้นจากการเร่ง Gain ของไมค์
การทำงานของมันคือ ตัวประมวลผลจะเลือกเอาสัญญาณที่มี background noise ต่ำจากสัญญาณปกติและสัญญาณ -12 dB เอามาตัดต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งการทำงานนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อเราเลือกเปิดความสามารถนี้เท่านั้น
สำหรับความสามารถทั้ง 2 อย่างนี้ ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ เราสามารถเลือกเปิดได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
การออกแบบแผงวงจรของตัวเครื่องนั้น ได้มีการแยกส่วนระหว่างส่วนแอนะล็อกที่ประกอบไปด้วยภาคปรีไมค์ ภาค ADC ภาคขยาย Line out และหูฟัง และส่วนของดิจิทัลที่ประกอบไปด้วยภาคหน่วยประมวลผล และภาคจ่ายไฟออกจากกัน เพื่อลดสัญญาณรบกวน
นอกจากนี้ในภาคจ่ายไฟยังได้ใช้ตัวเก็บประจุขนาดใหญ่ถึง 3,300 μF เพื่อลดความผันผ้วนของการจ่ายไฟ ทำให้การจ่ายไฟนั่นนิ่งขึ้น
ในส่วนภาคขยายหูฟัง ทาง Sony ได้เลือกใช้ชิป MAX9723 จาก Maxim Integrated ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ที่มีพื้นที่น้อย โดยจุดเด่นที่ Sony เลือกใช้คือการปรับระดับเสียงนั้นเป็นแบบแอนะล็อก ถึงแม้ว่าตัวปุ่มควบคุมด้านข้างที่ใช้ปรับจะเป็นแบบดิจิทัลก็ตาม
ภาคซอฟต์แวร์ภายในของ PCM-D10 นั้น มีความสามารถและลักษณะการทำงานเช่นเดียวกับ PCM-A10 เพียงแต่จะมีหน้าตาที่ดูแตกต่างออกไปเพราะขนาดของจอแสดงผล รวมทั้งจะไม่มีระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ทั้ง Auto Gain Ctrl ระบบ Preset ต่าง ๆ และโหมด Rehearsal การปรับ Gain ของไมค์ จะต้องต่อหูฟังและสังเกตจากมิเตอร์เพื่อปรับเองเท่านั้น
หน้าจอตอนบันทึกเสียงจะสามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งเราสามารถเลือกรูปแบบการแสดงค่า peak ของสัญญาณได้ที่การตั้งค่า Peak Lock ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงค่า peak สูงสุดไปตลอด หรือให้เครื่อง reset ค่าไปตามสัญญาณที่เข้ามาเรื่อย ๆ ได้
ตัวเลือกความละเอียดในการบันทึกเสียงจัดว่ายืดหยุ่นกว่า PCM-A10 มาก คือเราสามารถเลือกความละเอียดได้ที่ 16 bit หรือ 24 bit และอัตราสุ่มสัญญาณตั้งแต่ 44.1, 48, 88.2, 96 และ 192 kHz เรียกว่าสมเป็นเครื่องอัดระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง ในกรณีที่ไม่บันทึกเป็น LPCM ก็สามารถเลือกบันทึกเป็น MP3 ที่ bitrate 128 Kbps หรือ 320 Kbps แทนได้
ส่วนการเล่นไฟล์เพลงและเสียงที่บันทึกยังคงเหมือนกับ PCM-A10 คือมีความสามารถต่าง ๆ มาให้เหมือนกันทั้ง Equalizer แต่งเสียง DPU ปรับความเร็วในการเล่นเสียง Key Change สำหรับเปลี่ยน pitch ของเสียง
PCM-D10 รองรับการควบคุมการทำงานของเครื่องผ่าน Bluetooth ด้วยแอพ REC Remote เช่นเดียวกับเครื่องอัดรุ่นน้อง เพียงแต่เราจะไม่สามารถปรับ gain ที่ใช้ในการบันทึกเสียงผ่านแอพได้เหมือนเครื่องอัดรุ่นอื่น (ผมเดาว่าคงเป็นเพราะ PCM-D10 นั้นปรับ gain ด้วยปุ่มหมุนแบบแอนะล็อก)
ส่วนซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ PCM-D10 ตัวจริงจะมาพร้อมกับลิขสิทธิ์ของ Sound Forge Audio Studio 12 ซึ่งเป็นรุ่นลดความสามารถของ Sound Forge Pro 12 แต่มีความสามารถในงานตัดต่อเสียงที่ดีกว่า Sound Organizer 2 อย่างไรก็ตามตัวซอฟต์แวร์ Sound Forge นั่นจะไม่รู้จักไฟล์ Track Mark ที่มาจากเครื่องอัดได้ ถ้าใครใส่ Track Mark ไว้ก็คงต้องใช้ Sound Organizer 2 ร่วมกันไปด้วย
เสียงของตัวนี้เทียบกับพวก Walkman รุ่นไหนหรอครับในตอนนี้ สนใจจะซื้อไปฟังเพลงและอัดเสียงไปด้วย
Sony pcm d10เสียงเทียบกับ Walkman รุ่นไหนหรอครับ สนใจจะเอาไปฟังเพลงและอัดเสียงไปด้วย
PCM-D10 เสียงพอเทียบกับWalkmanรุ่นไหนได้บ้างครับ
จากลักษณะเสียงแนวที่ไม่ค่อยปรุงแต่งของมัน ผมคิดว่ามันไม่ค่อยตรงกับลักษณะเสียงของ Walkman ที่จูนมาเพื่อการฟังเพลงให้เพราะสักเท่าไรครับ
แต่ถ้าเทียบพวกน๊อยส์หรือกำลังขับ ผมคิดว่าเรื่องน๊อยส์ทำได้ประมาณ Walkman A หรือ ZX แต่กำลังขับทำได้มากกว่า 2 รุ่นนี้ครับ