เว็บไซต์ 9TO5MAC ได้รายงานว่า Apple ได้ออกข้อกำหนดของหูฟังที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต Lightning ในโปรแกรม MFi แทนการเชื่อมต่อผ่านแจ็ค 3.5 มม.เดิม
สำหรับคุณสมบัติของหูฟังที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต Lightning นั้น จะสามารถรับสัญญาณเสียงที่ไม่บีบอัดที่อัตราการสุ่มสัญญาณ (Sample Rate) 48 kHz แบบสเตอริโอจากตัวเครื่อง และสามารถส่งสัญญาณเสียงแบบไม่บีบอัดที่อัตราสุ่มสัญญาณ 48 kHz แบบโมโนกลับไปยังตัวเครื่องได้
หูฟัง Lightning ยังรองรับปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรีโมทแบบเดิม แต่สามารถเพิ่มปุ่มเพื่อเรียกแอพเฉพาะต่าง ๆ หรือส่งคำสั่งควบคุมการเล่นของ iOS ได้ นอกจากนี้หูฟังยังสามารถออกแบบเพื่อใช้งานกับแอพของตัวหูฟังเองโดยเฉพาะ และสามารถสั่งเปิดแอพเฉพาะเมื่อเสียบหูฟังเข้ากับเครื่องได้อีกด้วย
ข้อดีของการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Lightning คือ หูฟังสามารถใช้พลังงานจากตัวเครื่องได้ แม้กระทั่งตอนที่ตัวเครื่องกำลัง sleep อยู่ก็ตาม ซึ่งความสามารถนี้ทำให้หูฟังที่ต้องใช้พลังงานเพิ่มเติม เช่น หูฟังตัดเสียงรบกวน ไม่จำเป็นต้องใส่แบตเตอรี่มาในหูฟังอีก
ในทางกลับกันหูฟังก็สามารถให้พลังงานกับเครื่องที่ต่ออยู่ด้วยแบตเตอรี่ที่อยู่ในตัวหรือแหล่งจ่ายไฟภายนอกอื่น ๆ ได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังในขณะที่เอา iDevice เสียบกับที่ชาร์จเพื่อชาร์จไฟได้
Apple อนุญาตรูปแบบของหูฟังในโปรแกรมนี้สองแบบคือ
- Standard เป็นรูปแบบที่ทาง Apple อธิบายว่ามีส่วนประกอบที่เชื่อมต่อกับ DAC ใน Lightning Headphone Module ไม่มาก และบังคับให้ผู้ผลิตหูฟังรูปแบบนี้ ต้องใช้ชิป DAC เบอร์ WM8533 จาก Wolfson เท่านั้น
- Advanced เป็นรูปแบบที่อนุญาตให้เพิ่มการประมวลผลสัญญาณเสียงแบบดิจิตอล เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน และการใช้งาน DSP และ DAC ได้
หูฟัง Lightning จะสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS เวอร์ชั่น 7.1 ขึ้นไป โดยจะมีการออกอัพเดทเพื่อรองรับหูฟังตัวนี้ในอนาคต
สำหรับคนที่กำลังหวังว่าจะให้ Apple หันมารองรับการเล่นไฟล์เพลง Hi-Res ก็น่าจะเตรียมดีใจกันได้ เพราะถึงแม้ว่าในข่าวจะบอกว่าหูฟังตัวนี้รองรับ sample rate เพียง 48 kHz ซึ่งเป็นอัตราที่อุปกรณ์ iDevice ในปัจจุบันรองรับได้ก็จริง แต่ชิป WM8533 ที่ทาง Apple บังคับใช้นั้น รองรับสัญญาณเสียงที่ความละเอียดสูงถึง 24 bit และ sample rate สูงถึง 192 kHz เลยทีเดียว