หลังจากที่ Apple ได้เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อของ iDevice ต่าง ๆ จากพอร์ต Dock Connector เป็น Lightning กันไปตอนเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมีผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ผลิตสาย Lightning ออกมากันมากมาย วันนี้ RE.V-> ขอมาเปรียบเทียบสายจากผู้ผลิตต่าง ๆ รวมทั้งสายจากทาง Apple เองด้วยครับ
เริ่มต้น เรามาดูสาย Lightning ของ Apple กันก่อน สายของทาง Apple ยังยึดตามแนวทางออกแบบเดิม ๆ ไว้คือ เป็นพลาสติกมัน ขอบเหลี่ยม และการเว้นระยะหักงอตามข้อต่อสายน้อย เพราะฉะนั้นปัญหาเดิม ๆ ของสายจากทาง Apple ยังมีอยู่เหมือนกับสมัยของ Dock Connector เลย
ต่อมาเป็นสายจากผู้ผลิตที่ได้สิทธิ์ MFi จากทาง Apple ซึ่งถ้าสังเกตดู จะเห็นว่าส่วนที่แตกต่างมีเพียงส่วนตัวปลั๊ก และสายเท่านั้น ส่วนหัวปลั๊กที่เป็นโลหะมีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ
จากข้อมูลของ MFi Program ของ Apple ทางผู้ผลิตที่ได้สิทธิ์ MFi จะต้องซื้อชิ้นส่วน เช่น หัวปลั๊ก Lightning ชิปรีโมทสำหรับหูฟัง ชิปเซ็ท AirPlay จากทาง Apple โดยตรง และสินค้าที่ผลิตออกมาจะต้องมีการทดสอบคุณภาพจากทาง Apple ก่อนที่จะผลิตเพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่ผ่านการทดสอบแล้ว ก็จะสามารถใช้ตรารับรองต่าง ๆ บนบรรจุภัณฑ์ได้
สรุปง่าย ๆ คือ สาย Lightning จากผู้ผลิตที่ได้สิทธิ์ MFi นั้นมีความสามารถต่าง ๆ ตามข้อกำหนดที่ทาง Apple กำหนดไว้ แต่อาจจะมีการใส่ความสามารถหรือปรับหน้าตาสินค้าตามที่ผู้ผลิตนั้นต้องการ
สุดท้ายคือสายที่มาจากผู้ผลิตที่ไม่ได้สิทธิ์ MFi ของ Apple เนื่องจากผู้ผลิตเหล่านี้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ ผ่านทาง Apple โดยตรงได้ จึงจำเป็นต้องผลิตหัวขึ้นเอง ซึ่งก็มีในหลาย ๆ จุดของหัวที่ผู้ผลิตเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ เช่น ส่วนหน้าสัมผัส ส่วนพลาสติกฉนวน และส่วนของหัวอลูมิเนียม ที่จะต้องเชื่อมรวมเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด และชิปควบคุมที่อยู่ภายใน
ในช่วงปีที่แล้วก็มีข่าวว่า มีคนทำวิศวกรรมย้อนกลับกับชิปควบคุมที่อยู่ในหัว Lightning อีกที แต่ชิปที่ทำเลียนแบบเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถทำงานกับอุปกรณ์ iDevice ต่าง ๆ ได้ 100% และก็มีปัญหาเกิดออกมาให้เห็น เช่น เวลาชาร์จไฟจะเกิดความร้อนขึ้นสูงมาก หรือใช้งานได้ระยะนึง iDevice จะฟ้องว่าอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานอยู่ไม่รองรับ
เพราะฉะนั้นใครที่ใช้งานอุปกรณ์ iDevice อยู่ หากต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มาใช้งานควบคู่กัน ก็ควรจะเลือกหาอุปกรณ์เสริมจาก Apple หรือผู้ผลิตที่ได้รับสิทธิ MFi จากทาง Apple เพื่อที่จะได้ใช้งานอุปกรณ์ iDevice ของคุณได้อย่างไร้ความกังวลนะครับ
Pingback: มาทำความรู้จัก MFi Program ของ Apple กันเถอะ