หลังจากเดือนที่แล้ว เราอัพบล็อกกันกระหน่ำกันมากถึง 7 บทความ (ใครเป็นแฟนประจำจะทราบว่า เดือนไหนอัพได้ 4 บทความนี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว) เดือนนี้ก็อาจจะอัพช้าลงไปหน่อย เพราะคนเขียนงานเข้าเยอะ พล่ามมาเยอะ วันนี้มีรีวิวหูฟังจาก Ultimate Ears ที่ได้ไปรวมกับทาง Logitech แล้วก็ออกหูฟังรุ่นใหม่ ๆ ในยุคที่ไม่มี Jerry Harvey เจ้าของเก่าอยู่แล้วกันครับ
สำหรับตัวที่จะเอามารีวิววันนี้เป็นรุ่น Ultimate Ears 200vi ซึ่งเป็นหูฟังในกลุ่มราคาช่วงไม่เกินพัน ตัวกล่องที่เอามารีวิวจะเป็นกล่องรุ่นแรกที่ออกมา ปัจจุบันเขาจะใส่เป็นกล่องสีดำที่เล็กกว่าแทน แน่นอนว่าของที่ให้มาข้างในบางอย่างไม่เหมือนกัน
ข้างหลังกล่อง เอาจุกหูฟังขนาดต่าง ๆ ที่ให้มาไล่ขนาดให้ดูกันเลย แถมด้วยคำเปรยจากศิลปินที่ใช้งานหูฟังของ Ultimate Ears อยู่ (แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นที่ custom ครับ)
ตัวหูฟังบรรจุมาในแพ็คพลาสติกอย่างดี แพ็คดีกว่าหูฟังราคาแพง ๆ บางยี่ห้อ
ของที่ให้มาในชุด จุกหูฟังขนาด XXS, XS, S, M, และ L (มี S อีกคู่ใส่มากับหูฟัง) กล่องเก็บหูฟัง (รุ่นที่ขายปัจจุบันจะได้ถุงผ้าแทน) ตัวกล่องทำมาแข็งแรงดี แต่ใช้ไปสักระยะนึง มันจะล็อกฝาไม่อยู่ แล้วก็แผ่นพับคู่มือ
Product
ตัวหูฟังใช้ตัวขับแบบไดนามิค ตัวถังเป็นพลาสติกธรรมดา แต่มีการเล่นชิ้นส่วนพลาสติกมันและด้าน ทำให้ตัวหูฟังออกมาสวย งานประกอบเนียบมาก
ด้านล่างของหูฟังแต่ละข้างจะสกรีนบอกว่าเป็นหูข้างไหนอยู่ พอดีรุ่นที่เอามารีวิวเป็นแบบรีโมท ก็สายไหนมีรีโมทก็คือข้างขวา คล่ำหาง่ายหน่อย
ด้านในมีม่านปิดไว้ ตามสเปกแจ้งว่าตัวหูฟังซีลกันเหงื่อไว้ สามารถนำไปใช้ออกกำลังกายได้ คนใช้ UE รุ่นเก่า ๆ เหมือนผม ไม่ต้องกลัวขี้หูหล่นลงไปในรูแล้ว
ตัวสายเป็นเส้นกลม ขนาดค่อนข้างบาง แต่แข็งแรงอยู่ ตรงจุดแยกสายหูฟังไม่มีที่รวบสายมาให้
รีโมทที่ให้มาในรุ่นย่อ vi จะทำมาสำหรับอุปกรณ์พกพาจาก Apple ทั้งหลาย มีปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง และปุ่มรับสาย – เล่นเพลง อันนี้ก็ตามมาตรฐาน Apple เขา
ด้านหลังรีโมท มีรูของไมโครโฟนอยู่
ปลั๊กหูฟังแบบตัว L ชุบทอง มีสลักรหัสรุ่นลงที่หัวปลั๊กด้วย
Set up
ส่วนของการใช้งานนั้น ก็ใช้งานเหมือนหูฟังสอดหูทั่ว ๆ ไป คือเลือกขนาดจุกยางที่เหมาะสมกับหูเรา เพื่อให้การป้องกันเสียงภายนอกได้ดี ก็ควรเลือกจุกที่ใส่แล้วฟิตในหูเราพอดี แต่ไม่ควรใส่แล้วเจ็บ ถ้าเจ็บให้ลดขนาดลงมา สำหรับผมรู้สึกว่าขนาด S ที่ใส่มาให้โอเคแล้ว แต่มันยังมีเสียงข้างนอกเล็ดรอดเข้ามาอยู่ ก็เลยใส่ขนาด M แทน
และก่อนการฟังเสียงทุกครั้ง ต้องปรับความดังเสียงให้เป็น 0 กัน แล้วค่อยใส่ จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มความดังของเสียงตามต้องการครับ
Performance
สำหรับหูฟังตัวนี้พอดีผมซื้อมาให้ที่บ้านเอาไปใช้ แต่ผมก็มีเอามาฟังบ้าง ซึ่งก็ใช้งานมาเกือบ ๆ จะสองปีแล้ว หูฟังคงเบิร์นได้ที่พอดี ก็เอามาลองฟังกับ iPod nano ตัวเดิม ปรับเสียงประมาณ 6 – 10 เลย เพราะ UE 200vi นี้ขับยากมาก สำหรับหูฟังที่จะเอามาเทียบด้วย รอบนี้ใช้หูฟังที่มาจาก iPod และ EarPods แทนเพื่อความยุติธรรมครับ
เรื่องเสียงของ UE 200vi เสียงเบสลงไม่ค่อยลึกเท่าไร เสียงกลางออกบาง ๆ เสียงแหลมนี้แข็งและบาดหูมาก ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะส่วนมากหูฟังตัวขับไดนามิคในช่วงราคาประมาณนี้จะพยายามแข่งกันเรื่องเสียงเบสซะมากกว่า
เสียงของหูฟังแบบนี้เอาไปฟังเพลงแนวไอดอลญี่ปุ่นเสียงใส ๆ หรือเครื่องดนตรีอคูสติกจะเหมาะมากทีเดียว ฟังสนุก แต่พวกเสียงฉาบ เสียงสังเคราะห์แหลม ๆ นี้ไม่ไหว เสียงมันแหลมจนแตกพร่าเลย น่ารำคาญ จนต้องไปปรับ EQ ให้เป็น Reduced Treble เสียงถึงออกมาเป็นผู้เป็นคนหน่อย แต่ก็ยินหางเสียงฉาบแตกพร่าบ้างเหมือนกัน
เรื่องการแยกรายละเอียดเสียง ทำออกมาใช้ได้ในช่วงเสียงกลางและแหลม เสียงเบสยังแยกไม่ค่อยดีเท่าไร การแยกเสียงแหลมยังมีข้อแม้ด้วยว่าต้องเป็นตอนที่เสียงมันไม่แหลมจนแตกนะ เพราะถ้าเสียงมันแตกเมื่อไร มันจะแยกอะไรไม่ได้เลย มิติเสียงก็จัดว่าแคบ แต่ไม่อุดอู้มากเท่าไร
สำหรับการเก็บเสียง ต้องยอมรับว่าทาง Logitech ยังไม่ทิ้งมรดกเดิมของทาง UE ไป การเก็บเสียงเคลมไว้ที่ 26 dB ทำออกมาได้ดีมาก ดีกว่าหูฟังสอดหูตัวอื่นในช่วงราคาเดียวกัน และด้อยกว่าตัว super.fi 3 studio ที่ผมใช้งานอยู่ในส่วนของการกันเสียงเบสอยู่นิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนเรื่องการนำเอาไปใช้เป็นเฮดเซ็ทโทรศัพท์ ด้วยการที่มันเน้นเสียงแหลมเป็นหลัก เลยทำให้เสียงเวลาคุยมันฟังชัดเจนอยู่พอควรเลยทีเดียว ไมค์ก็รับเสียงได้ชัดเจนดีครับ
Conclusion
หลังจากการฟังเจ้า UE 200vi แล้ว ผมดีใจว่าทาง Logitech นั้นยังไม่ทิ้งมรดกดี ๆ จากทาง Ultimate Ears เช่น เรื่องของจุกหูฟังที่ให้มาหลายขนาด งานการผลิตตัวหูฟังที่ออกมาเนี๊ยบมาก และเรื่องการป้องกันเสียงภายนอกที่ทำได้ดีเกินตัว
แต่แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถทำสินค้าดี ๆ ราคาถูก โดยไม่มีการลดอะไรบางอย่างได้ ตัวขับที่ไม่ค่อยไว ต้องเร่งเสียงขึ้นมาเยอะเพื่อให้เสียงออก การจูนเสียงที่เน้นเสียงแหลม ถึงแม้ผมจะชอบที่เขาทำแบบนี้ แต่ดันจูนมาแหลมไป จนต้องมาปรับ EQ แก้เอา เสียงเบสที่ยังลงไม่ลึกเท่าไรเมื่อเทียบกับหูฟังอื่น ๆ
โดยรวมแล้ว ถ้าถามว่า UE 200vi นี้น่าเล่นไหม คงต้องดูแนวเพลงที่ฟังประจำประกอบ ถ้าฟังแนวไอดอลเสียงใส ๆ หรือเครื่องดนตรีอคูสติกบรรเลง หรือเน้นเอาไว้คุยโทรศัพท์เงียบ ๆ เป็นหลัก ก็น่าสนใจที่จะอัพเกรดหูฟังที่มากับเครื่องมาใช้อยู่ แต่ถ้าเน้นบริโภคเบส ฟังได้หลาย ๆ แนว แนะนำว่าให้เก็บเงินเพิ่ม แล้วไปเล่นตัวที่ราคาสูงกว่านี้จะดีกว่าครับ
Like
- งานประกอบเนี๊ยบมาก
- ให้จุกหูฟังมาเยอะมาก
- ซีลกันเสียงรบกวนเป็นเยี่ยม
Don’t like
- เสียงแหลมจะแหลมไปไหน
- กล่องเก็บหูฟังห่วย ใช้นาน ๆ แล้วปิดฝาไม่ได้ (ใครซื้อตอนนี้ได้เป็นถุงผ้าแทน)
น่าสนใจเหมือนกัน