สวัสดีครับหลังจากที่ Hyper RE.V -> หายหน้าหายตาไปเป็นชาติ วันนี้กลับมาอีกครั้งแล้วครับ พร้อมกับรีวิวหูฟังยี่ห้อ ue หรือ ultimate ears นั้นเองครับ หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้าหูฟังยี่ห้อนี้มาก่อน ก็ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ue ให้ฟังคร่าวๆนะครับ
Introduction
ue เป็นบริษัทที่ผลิตหูฟังประเภท In-ear มาได้ประมาณ 10 ปีแล้วครับ แต่เราๆ ท่านๆ ซึ่งเป็นชาวบ้านตาดำๆ อาจจะไม่รู้จักเพราะเราไม่ใช่ตลาดของเขาครับ ตลาดของเขานั้นเป็นตลาด profestional ผลิตหูฟังให้แก่ศิลปินและซาวด์เอนจิเนียร์ชั่นนำมากมายครับ และมีส่วนแบ่งในตลาดนี้สูงที่สุดด้วยครับ เอกลักษณ์ของหูฟัง ue นั้นอยู่ที่ตัวหูฟังนั้นเป็น custom made ครับคือทำพิเศษให้แก่ลูกค้าแต่ละคน เพราะฉะนั้นหูฟังของทุกคนนั้นไม่เหมือนกันแน่นอน สาเหตุเพราะหูของคนเรามันไม่เหมือนกันครับ และการจะทำหูฟังที่ปิดกั้นเสียงรอบข้างได้ดีก็ต้องทำให้เข้ากับหูครับ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ใช้ใส่หูฟังได้สบายอีกด้วยครับ ที่สำคัญคือบริการที่ขึ้นชื่อของทางบริษัทครับที่ปฎิบัติต่อลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นร็อกสตาร์หรือวณิพกข้างถนน (แต่มีเงิน)
หลังจากความสำเร็จในตลาดโปร ue ก็เริ่มลงมาเล่นในตลาดบ้านบ้างโดยเปิดไลน์ super.fi ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้ตาดำๆ แบบเราได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพของหูฟัง in-ear ชั้นยอดครับ โดยในไลน์นี้ ue ใช้ตัวขับแบบเดียวกับที่ใช้ในหูฟังสำหรับมืออาชีพครับ ตอนนี้เรามาดูหูฟังรุ่นที่เราจะมารีวิวกันวันนี้ดีกว่าครับ
สำหรับ super.fi 3 studio นี้เป็นหูฟังแบบที่มีตัวขับเดียวครับ ซึ่งดีไซน์ของตัวขับนี้ใช้ดีไซน์ของตัวขับรุ่น ue-3 ครับ ซึ่งตัวรุ่น ue-3 นี้ได้เลิกการผลิตไปแล้ว สำหรับหูฟังตัวนี้ทาง ue ได้บอกไว้ว่า เจ้า fi 3 เหมาะกับเพลงแนวคลาสสิค, แจ๊ส และก็ไว้ฟังพวก podcast ครับ
Look and Feel
สำหรับตัว fi 3 นี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียวเมื่อเทียบกับหูฟังประเภทเดียวกันของยี่ห้ออื่น การประกอบออกมาดีมากทีเดียวครับ ถึงแม้จะผลิตในจีนก็ตาม ด้านความแข็งแรงผมว่าหายห่วง นอกจากนี้ตัวสายยังสามารถถอดเปลี่ยนใหม่ได้อีกด้วยครับ สำหรับคนที่ชอบทำสายขาดบ่อยๆ ก็น่าจะชอบ
ตัวลดทอนเสียงครับ
ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ให้มาสำหรับแพคเกจที่ผมได้จะมี จุกยาง 4 คู่ (ขนาดเล็ก, กลาง, ใหญ่ และแบบยาวสองชั้น), จุกฟองน้ำ 1 คู่, กล่องเหล็กอย่างดี 1 ใบ, ตัวทำความสะอาด และตัว ตัวลดทอนเสียง (ไม่ใช่ตัวปรับเสียงนะครับ) เรื่องอุปกรณ์นี้แล้วแต่กล่องจริงๆ ครับ ผมเช็คในเวบไซต์มันมีหัวแปลง 1/4 นิ้วให้ด้วยแต่ในกล่องไม่ยักจะมี ล็อตเก่าๆ และรุ่นที่ ue ทำเป็น OEM ให้ เช่น M-Audio IE-10 จะให้ซองหนังแทนกล่อง และก็ไม่มีตัวลดทอนเสียงครับ
Update 2008.11.7 กล่องที่ผมซื้อเป็นรุ่นเก่าเป็นกล่องพลาสติก รุ่นใหม่เป็นกล่องกระดาษจะมีของให้ตามที่ระบุในเวบครับ
สำหรับจุกยางที่ให้มา ผมลองใส่ขนาดกลางดูมันคับหูไปหน่อยเลยเอาขนาดเล็กมาใส่แทนใส่สบายมากครับบางครั้งนึกว่าไม่ได้ใส่ in-ear เลย
Sound
มาทดลองเรื่องเสียงกันครับ หลังจากที่ผมใส่หูฟังตามวิธีในคู่มือเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอามันไปเสียบกับเครื่องเล่น Creative Zen V plus พอเริ่มฟังผมก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันเจ๋งครับ ลักษณะจะคล้ายๆ คือแหลม กับ กลางจะดังพอๆกัน ใส แยกมิติชัดเจน ไม่เบลอ ส่วนทุ้มก็มีแต่อาจจะไม่หนักเท่า subwoofer ไม่เบลอ ฟังออกเป็นเม็ดๆ ครับ แต่เรื่องเบสนี้ดีกว่าตัว ETYMOTIC 6i Isolator ครับ เทียบกับหูฟังที่มากับตัว Zen V plus ซึ่งเน้นช่วงกลางค่อนข้างมากและรายละเอียดค่อนข้างไม่ชัดเจน ก็ถือว่าดีกว่าหูฟังตัวเดิมมากๆๆ
หลังจากลองกับเครื่องเล่นแล้ว ผมก็เอามันไปลองกับโน็ตบุ๊ค ThinkPad R61 ของผม พอเอาเสียบดูรู้สึกว่าเสียงดังไป ขนาดเปิดแค่ 1 แล้วก็ตาม ผมเลยเอาตัวลดทอนเสียงเสียบเข้ากับคอมก่อนแล้วค่อยเสียบหูฟังไป ก็ช่วยได้เยอะครับ เสียงลงมาในระดับที่รับได้ และใครที่กลัวว่าเสียงมันจะเพี้ยนก็ไม่ต้องกลัวครับไม่เพี้ยนครับ หลังจากนั้นผมก็เอามันไปฟังมิกซ์เพลงใน Ableton Live ก็ถือว่าใช้ได้ครับ ดีทีเดียว ค่อนข้างแม่น
Isolating
ผมได้ทดลองการตัดเสียงรบกวน โดยเอามันไปฟังเพลงบนรถเมล์ธรรมดา ที่ได้คนขับตีนผีมาขับให้ (คงนึกภาพกันออกนะครับ) โดยปกติเพื่อสู้กับเสียงด้านนอก ผมต้องเปิดระดับเสียงใน Zen ประมาณ 13-15 ครับ แต่วันนี้พอมาใช้ fi3 เปิดแค่ 4 นี้ก็กำลังดีเลยครับ แต่ยังได้ยินเสียงเครื่องยนต์บ้างเวลาเร่งเครื่องแรงๆ แต่ไม่ดังนะครับ เท่าเสียงคนพูดกันธรรมดาแต่เบากว่านิดหน่อย อยากฟังเบสมันๆ ก็ซัก 5-6 เยี่ยมมากครับ
Conclusion
ผลการทดสอบออกมาน่าพอใจทีเดียวครับสำหรับหูฟังตัวนี้ ที่เบสและการตัดเสียงทำได้ดี ผมคิดว่าน่าจะมาจากตัวหูฟังเองที่มีการซีลที่ดีมาก สังเกตว่าถ้าบางยี่ห้อมีส่วนที่รูบริเวณตัวหูฟังด้านนอกจะกันได้ไม่ดีเท่านี้ครับ เลยทำให้ได้ผลพลอยได้คือเบสค่อนข้างดีกว่าหูฟังตัวอื่นครับเพราะมันปิดนั้นเอง
ถ้าเพื่อนๆ อยากได้หูฟังสักตัวเพื่อเปลี่ยนกับหูฟังตัวเก่าที่มากับเครื่องเล่นพกพา หรือ อยากได้หูฟัง monitor แบบ In-ear ราคาประหยัดสักตัว ultimate ears super.fi 3 studio ไม่ทำให้เพื่อนๆ ผิดหวังแน่นอนครับ
คำเตือน อย่าเชื่อผู้เขียนทั้งหมดจนกว่าจะได้ไปลองเอง ผมชอบคุณอาจไม่ชอบก็ได้ แล้วจะหาว่าไม่เตือน
Hi-end with low cost.
What’s a best deal.
try to live without it
Pingback: Fatbatz's Blog » บทสรุปจากการ ทดลอง ชีวิต ตอนหูฟังและเครื่องเล่นพกพา
Pingback: รายงาน งาน Logitech “Go Wireless Go Free” รอบบล็อกเกอร์ « RE.V –>
Pingback: รีวิว Sony VAIO Duo 11 ตัวขายจริง ภาคซอฟต์แวร์และการใช้งานจริง
Pingback: รีวิว หูฟัง Logitech Ultimate Ears 200vi
Pingback: รีวิว DAC ขั้นเทพสำหรับคอมพิวเตอร์ Meridian Explorer