สวัสดีครับ วันนี้ขอเอาคีย์บอร์ดของ Logitech มารีวิวกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นคีย์บอร์ดรุ่น Illuminated Keyboard ที่มีจุดเด่นของมันสมชื่อรุ่น นั้นคือตัวแป้นสามารถที่จะเรืองแสงได้นั้นเอง ว่าแล้วตามไปอ่านกันเลยครับ
Package
รอบนี้กล่องที่ใส่ตัวคีย์บอร์ดมาใหญ่มาก แต่ที่สำคัญคือกล่องบางมากเมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดยี่ห้อเดียวกัน หรือยี่ห้ออื่น
ด้านหลังกล่องบอกฟีเจอร์ต่าง ๆ ของคีย์บอร์ดอย่างชัดเจน
ตัวกล่องจะมีสองชั้นครับ กล่องในจะเป็นกระดาษลังสีดำ
เปิดออกมาก็จะเจอคีย์บอร์ดห่อพลาสติกอยู่ด้านใน
พอยกคีย์บอร์ดออกก็จะเจอกล่องใส่เอกสารต่าง ๆ และแผ่นไดร์ฟเวอร์
Product
ตัวคีย์บอร์ดมาในสีสีดำด้าน ผิวรอบตัวคีย์บอร์ดมีลักษณะสาก ๆ เล็กน้อย ขอบเป็นพลาสติกใส ส่วนที่รองมือนั้นทำสีแบบซอฟต์ทัช ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนยาง ตัวที่รองมือถอดไม่ได้เหมือนเดิมตามแบบคีย์บอร์ดใหม่ ๆ สมัยนี้ (มีแค่มีกับไม่มี ไม่มีแบบเอามาถอดได้) สายที่ให้มาความยาวเพียงพอกับการใช้งานบนโต๊ะทำงานทั่วไป คีย์บอร์ดที่ให้มาเป็นเลย์เอาท์เป็นปุ่ม Enter ยาว ส่วนคีย์พิเศษต่าง ๆ นั้นจะอยู่ที่ปุ่มฟังก์ชั่น F1 – F12 แล้วให้กดปุ่ม Fn เหมือนกับคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ของ Logitech โดยปุ่มที่ให้มามีดังนี้
- Home เปิดโปรแกรมเบราว์เซอร์
- E-mail เปิดโปรแกรมเมล
- One-touch Search ค้นหา
- Messenger เปิดโปรแกรม Instant Messenger
- Application Switcher สลับหน้าต่าง
- Gadgets เรียก Gadgets
- Calculator เปิดโปรแกรมเครื่องคิดเลข
- Eject Drive เปิด/ปิด ถาดไดร์ฟ DVD
- Media Player เรียกโปรแกรม Media Player
- ปุ่มควบคุมมัลติมีเดีย Previous, Play/Pause และ Forward
ด้านขวาก็จะมีปุ่ม ปรับ/ลด หรือปิดเสียงแยกออกมาให้ และปุ่มปรับความสว่างของปุ่ม และตรงมุมขวาล้างก็มีไฟสถานะ Num Lock และ Caps Lock
ส่วนตัวแป้นพิมพ์ เป็นพลาสติกด้าน เรียบ ไม่สาก และใช้กลไก PerfectStroke เหมือนกับในคีย์บอร์ดรุ่นสูง ๆ อย่าง diNovo Edge ซึ่งกลไกตัวนี้เป็นกลไกที่ทาง Logitech คิดค้นขึ้นมาโดยเอาข้อดีของกลไกแบบขากรรไกรในแป้นพิมพ์ที่ใช้กันในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และกลไกยางรูปโดมของแป้นพิมพ์ของคีย์บอร์ดที่ใช้บนโต๊ะมาผสมกัน ทำให้ได้คีย์บอร์ดที่พิมพ์ได้ง่าย เป็นธรรมชาติ สบายมือ และเสียงเบา ซึ่ง ณ.ตอนนี้คีย์บอร์ดรุ่นที่ทาง Logitech ใส่กลไกนี้มาให้จะมีเพียงแค่รุ่นนี้และรุ่น Wireless Illuminated Keyboard K800 เท่านั้น (ที่ไม่มี diNovo Edge ด้วย เพราะผมได้ยินมาว่ามัน discontinued ไปแล้วครับ)
ด้านล่างก็ไม่มีอะไรมาก มีปุ่มยางรองอยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆ
ขาคีย์บอร์ดยังใช้แบบเดียวกับในรุ่น diNovo Edge คือกางออกด้านข้าง แต่ข้อแตกต่างคือความสูงหลังกางขาจะเตี๊ยกว่า diNovo Edge อยู่พอประมาณ
สำหรับขนาดของตัวคีย์บอร์ด ก็สามารถดูเทียบจากในรูปได้เลยครับคือจะยาวกว่าคีย์บอร์ดทั่ว ๆ ไปประมาณนึง ส่วนความกว้างก็จะใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดที่มีที่รองมือครับ ส่วนน้ำหนัก บอกตรง ๆ เลยว่าหนักนะครับ ส่วนความสูงจัดว่าเตี๊ยพอควร เตี๊ยกว่า diNovo Edge อย่างที่บอกไปตอนต้น
Setup
ไม่มีอะไรเลย แค่เสียบเขากับช่อง USB เท่านั้น หากต้องการปรับแต่งคีย์บอร์ดก็ต้องลงโปรแกรม SetPoint ด้วย
Performance
มาดูในส่วนของการใช้งานกัน เนื่องจากเลย์เอาท์คีย์บอร์ดตัวนี้ มันเป็นแบบที่คนไทยส่วนใหญ่เราคุ้นเคย (รวมถึงผมด้วย) เลยทำให้การทดสอบรอบนี้ดีกว่าตอนทดสอบ diNovo Edge ที่ปุ่ม Enter เป็นตัว L หัวกลับหน่อย สัมผัสการพิมพ์ทำออกมาได้ดี แต่ตัวแป้นจะนิ่มกว่า และเงียบกว่า diNovo Edge อย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ผมคิดว่า Logitech คงได้มีการปรับปรุงตัวกลไก PerfectStroke เพิ่มเติม
จุดติของคีย์บอร์ดตัวนี้ที่อยากติมาตั้งแต่ตอนใช้ diNovo Edge แล้ว คือเรื่องตำแหน่งของปุ่ม Fn ครับ ที่วางไว้ทางด้านขวา ไม่ได้วางไว้ด้านซ้าย ซึ่งตำแหน่งตรงนี้ตามความเคยชินของผู้ใช้ทั่วไป มันไม่ถนัดที่จะกดครับ เพราะเวลากดมันจะต้องละมือจากเมาส์มากด หรือถ้าจะใช้มือซ้ายที่พิมพ์คีย์บอร์ด เราจะต้องเอื้อมมือมากดปุ่มมัน โคตรจะไม่สะดวก สอบไม่ผ่านอย่างแรง ส่วนคราวที่แล้วอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่ติจุดนี้กับตัว diNovo Edge ที่ไม่ติก็เพราะว่าจากลักษณะการใช้งานของมัน ที่มักจะใช้งานกับพวก HTPC หรือกับ PS3 เราใช้คีย์บอร์ดตัวเดียวอยู่แล้ว และตำแหน่งทัชแพดกับปุ่ม Fn ก็อยู่ใกล้ ๆ กัน เลยโอเค แต่การใช้งานทั่ว ๆ ไป ที่เราต้องใช้เมาส์ควบคู่ด้วย มันไม่สะดวกครับ
แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้ใช้พวกปุ่ม F1 – F12 ก็สามารถตั้งใน SetPoint ให้ปุ่มทำงานเป็นคีย์พิเศษได้ และเวลาจะใช้ F1 – F12 ก็กด Fn เอาแทนได้ครับ
ต่อมาฟีเจอร์สำคัญของคีย์บอร์ดตัวนี้ นั้นคือการเรืองแสงนั้นเอง สำหรับความสว่างปรับได้ 4 ระดับด้วยกันคือสว่างสุด – ปิดไฟ ในความเห็นผม แสงสว่างที่ได้ไม่ได้สว่างมากถึงขนาดว่าส่องของได้ในเวลากลางคืน แค่ทำให้เห็นว่าปุ่มไหนเป็นปุ่มไหนแค่นั้นเอง ผมเลยเรียกมันว่าเรืองแสงแทน แต่ผมก็ถือว่ามันโอเคดีเวลาใช้พิมพ์ตอนปิดไฟในห้อง เพราะแสงมันไม่แยงตาเหมือนพวกคีย์บอร์ด back-lit ตัวอื่น อีกอย่างสำหรับคนที่จะเอาสติ๊กเกอร์ภาษาไทยมาติด ก็ต้องเสียใจด้วย เพราะตัวอักษรบนแป้นจะถูกฉลุด้วยเลเซอร์เพื่อให้ไฟลอดเข้ามาได้ ถ้าติดสติีกเกอร์ ถ้าเป็นแบบทึบก็มองไม่เห็น ถ้าเป็นแบบใสก็คงจะเห็นเฉพาะบริเวณที่ไฟมันส่องขึ้นมาครับ
สุดท้ายเรื่องการตั้งค่าคีย์บอร์ด ก็ยังใช้โปรแกรม SetPoint เหมือนเดิม แต่ทาง Logitech ได้มีการอัพเดทโปรแกรมเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งได้มีการปรับปรุงหน้าตาใหม่ให้ดูสวยงามมากขึ้น และยังได้ปรับปรุงส่วนของ OSD ให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม จากเมื่อก่อนที่เวลาทำอะไรก็จะขึ้นมาเป็นตัวหนังสือสีเขียวแปร๋น ๆ เหมือนทีวีจอตู้เมื่อ 6 – 7 ปีที่แล้ว แต่ที่เด็ดอีกอย่างคือคีย์บอร์ด และเมาส์ Logitech ที่ต่อกับคอมพิวเตอร์เราทุกตัว จะใช้โปรแกรมตัวนี้ควบคุมทั้งหมด ซึ่งก็ถือว่าสะดวกในการปรับตั้งค่าต่าง ๆ
Conclusion
Logitech ก็ยังไม่ทำให้ผมผิดหวังกับ Illuminated Keyboard เหมือนเดิม ดีไซน์ที่สวยงาม หมดจด กลไกแป้นพิมพ์แบบ PerfectStroke ที่ยังยอดเยี่ยม และยังได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก แสงส่องสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่แยงตา ส่วนข้อเสียก็คงจะเป็นในเรื่องของการวางตำแหน่งปุ่ม Fn ที่ผมว่ายังวางมาในตำแหน่งที่ยังใช้งานลำบากอยู่ จริง ๆ ข้อเสียอีกข้อแต่ผมไม่ขอนับก็คือ มีเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งผมไม่มีปัญหาเรื่องการพิมพ์ภาษาไทยบนแป้นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และยังไม่สามารถเอาสติ๊กเกอร์แปะได้ เพราะจะไปบังแสง ใครที่ซีเรียสเรื่องนี้คงต้องพิจารณาตรงจุดนี้ด้วย
สรุป Illuminated Keyboard ก็เป็นคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมอีกตัวนึง ความสามารถสมราคาค่าตัวของมันครับ ใครอยากได้คีย์บอร์ดไปใช้งานในที่มืด ๆ อยากได้คีย์บอร์ดบาง ๆ ดีไซน์สวย ๆ หรืออยากลองแป้นพิมพ์กลไก PerfectStroke เจ้า Illuminated Keyboard คือคีย์บอร์ดสำหรับคุณครับ
Pingback: รีวิว Logitech G502 Proteus Spectrum เมาส์เล่นเกมสำหรับวันทำงาน | RE.V –>