เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทาง Jaben Thailand ได้เชิญคุณ Keita Suyama เจ้าของแบรนด์หูฟัง CIEM เบอร์ 1 จากญี่ปุ่น FitEar มาพบปะกับลูกค้าของ FitEar และผู้ที่สนใจในหูฟังเจ้านี้ พร้อมกับนำหูฟังรุ่นใหม่ ๆ ของ FitEar มาให้ได้ทดลองฟังกัน
ทีมงาน RE.V-> ก็ได้มีโอกาสไปร่วมงานนี้ด้วย เลยมาเล่าประสบการณ์ของการทดลองฟังหูฟังของ FitEar รุ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจในงานครับ
FitEar Universal & FitEar Custom
หูฟัง 2 รุ่นนี้เป็นหูฟังที่ทำมาจับตลาดผู้เริ่มต้น โดยวางตำแหน่งอยู่ระหว่างหูฟังรุ่น F111 ที่เป็นหูฟังไดร์เวอร์ BA 1 ตัว และ FitEar FitEar สเปกภายในของทั้ง 2 รุ่นจะเหมือนกัน ใช้สายรุ่น 005 เหมือนกัน ความต่างกันมีเพียงรุ่น Universal จะเป็น IEM แบบใส่กับจุกยาง และรุ่น Custom ก็คือ CIEM ที่ต้องพิมพ์หูตามชื่อ
ผมเริ่มลองรุ่น Universal ก่อน ก็พบว่ามันมีเสียงโดยรวมไปทางย่านแหลม เสียงกลางออกแหลมโปร่ง เสียงแหลมมีความคม ลากยาวได้ไกล น้ำเสียงฟังเป็นธรรมชาติ แต่เสียงเบสนี้มีน้อย จนถึงน้อยมากจนผมแปลกใจ ซึ่งผมเข้าใจว่าอาจเป็นหูฟังมันหลวมเกินไป
ส่วนตัว Custom นั้นก็มีลักษณะเสียงที่คล้าย ๆ กัน แต่ผมรู้สึกได้ถึงปริมาณเบสที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งผมเข้าใจว่า อาจเป็นเพราะตัวหูฟังรู้สึกว่าใส่ได้แน่นพอดี เสียงเบสนั้นมีความคมชัด ลงได้ลึก และไม่บวมเลย ส่วนเสียงแหลมของ Custom จะฟังแล้วดูพอดีกว่า Universal ซึ่งคุณ Suyama เองได้อธิบายว่าตัว Universal เข้าออกแบบให้รูท่อนำเสียงเป็นเหมือนลำโพงฮอร์น ทำให้มีเสียงแหลมมากขึ้น เพื่อไปชดเชยกับจุกยางที่มักจะซับเสียงสูงเอาไว้ เพราะฉะนั้นเสียงของ Custom ที่เป็นแบบพิมพ์หู ก็ควรจะมีเสียงคล้ายกับตัว Universal
หลังจากการลองหูฟัง 2 รุ่นนี้ ผมได้ถามคุณ Suyama ว่า FitEar Custom นี่มีความสามารถพอใช้งานแบบมืออาชีพได้ไหม ซึ่งแกได้ตอบมาว่า ถ้าเอาไปใช้ทำดนตรี มิกซ์เสียงน่ะโอเค แต่ถ้าเอาไปใช้เป็นมอนิเตอร์บนเวที แกบอกว่าหูฟังรุ่นอื่น เช่น MH334 นั้นเหมาะสมกับการใช้งานกว่าครับ
Air 2
FitEar Air 2 เป็นหูฟังที่ใช้ตัวขับแบบ hybrid ประกอบด้วยตัวขับ balanced armature และตัวขับไดนามิคขนาด 9 มม. จาก Fostex
ตอนแรกผมคิดว่าเสียงเหมือนหูฟังตัวขับ hybrid ที่เคยฟังมา แต่เข้าจริงแล้ว เสียงของ Air 2 นั้นมีลักษณะความคมชัดในแต่ละย่านเหมือนหูฟังตัวขับ BA แต่ก็มีกลิ่นอายของลักษณะตัวขับไดนามิคในย่านเสียงกลางและต่ำติดมาบางเท่านั้น จากการลองฟังเสียง ผมรู้สึกว่า Air 2 มีแนวเสียงคล้าย ๆ กับ FitEar Custom ที่ข้างบน เพียงแต่ย่านเสียงแหลมจะมีน้ำเสียงคล้ายเครื่องเคาะโลหะ ปลายเสียงจะมีความคมมากกว่า
นอกจากนี้เสียงแต่ละย่านก็ให้ความรู้สึกที่ถูกแยกออกมาจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากหูฟัง hybrid ของ Sony ที่ผมใช้งาน ซึ่งเสียงจะผสมเรียบเนียนกันไป ตรงนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนครับ
ต่อไป เราไปดูหูฟังรุ่นที่เหลือกันครับ
Pingback: สัมภาษณ์ คุณ Suyama Keita เจ้าของ FitEar ตอนที่ 1 | RE.V –>
“ส่วน Aya และ Aya ~snow~ ยังคงไม่เปิดรับออเดอร์จากไทย”
Fitear aya ไม่ใช่สั่งกับ jaben thailand ได้เหรอครับ
http://www.jaben.co.th/shopping/FitEar-Aya.html
ผมขีดฆ่า Aya ในบทความแล้วนะครับ ต้องขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนต์แก้ไขให้นะครับ