หูฟังตัวสุดท้ายที่ได้ลองฟังในงานคือ h.ear in NC หรือ MDR-EX750NA ซึ่งได้เพิ่มเติมระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก Digital NC เข้ามา ความพิเศษของเจ้า h.ear in NC คือ Digital NC นั้นถูกออกแบบใหม่มาให้รองรับการประมวลผลเสียงในความละเอียดสูงได้
ตัวหูฟังจะเพิ่มไมโครโฟนรับเสียงมาให้ข้างละ 2 ตัว เพื่อให้ฟังเสียงจากภายนอก เพื่อนำมาสร้างสัญญาณเสียงกลับเฟส เอาไปหักล้างกับเสียงภายนอกที่ได้ยิน
เรื่องของเสียง ผมคิดว่าเสียงออกมาใกล้เคียงตัว h.ear in ปกติมาก แต่รู้สึกว่าเสียงแหลมมันจะมีน้อยกว่า ส่วน Digital NC นั้นก็สามารถทำงานได้ดี ลดเสียงรบกวนในบริเวณที่ฟังได้ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างเสียง noise ความถี่สูงที่ในงานเปิดเอาไว้ให้ทดสอบระบบนี้ได้
h.ear in NC ยังมีรุ่นย่อยสำหรับ Walkman รหัส MDR-NW750N และ Xperia รหัส MDR-NC750 ซึ่งนอกจากค่าความต้านทานที่ไม่เท่ากันแล้ว ทุกอย่างก็หน้าตาเหมือนกันหมด
ในงานยังได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ของหูฟัง h.ear เหมือนในประเทศอื่น ๆ ด้วย ซึ่งในบ้านเรา ได้คุณวิโอเลต วอเทียร์ และคุณเล็ก Greasy Cafe มารับหน้าที่นี้ครับ
ส่วนสีของ h.ear ที่มีให้เลือกซื้อนั้น เป็นสีชุดเดียวกับของ Walkman A20 คือ Charcoal Black, Viridian Blue, Bordeaux Pink, Cinnabar Red และ Lime Yellow ซึ่ง MDR-EX100AAP และ MDR-EX750AP จะมีขายทั้งหมด 5 สีที่ว่ามา
ส่วน MDR-EX750NA จะมีเฉพาะสี Charcoal Black และ Cinnabar Red และ MDR-NC750 จะมีเฉพาะสีขาวและสีดำซึ่งเป็นโทนสีของสินค้ากลุ่ม Xperia ครับ
Walkman
เพื่อทำเวลาในงาน ผมจึงไม่ได้ทดลองฟัง Walkman ทั้ง A20 และ ZX100 ซ้ำอีกรอบ เพราะผมเคยทดลองฟังไปแล้วก่อนหน้า คนที่สนใจก็สามารถตามไปอ่านรายงานทดลองฟังกันได้ครับ
ในงานได้มีการนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ ZX100 มาจัดแสดง ซึ่งชิ้นส่วนเหล่านี้ก็จะบ่งบอกถึงการออกแบบวงจรและการใช้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ ZX100 เทียบกับ ZX1 และ ZX2 ครับ
ตัวบอร์ดวงจรเอง ผมดูเบื้องต้นคร่าว ๆ ก็คล้าย ๆ กับบอร์ดของ Walkman A10 ในงานเมื่อปีที่แล้ว แต่ได้มีการปิดหลุม via ในแผ่นปริ้นท์ เพิ่ม clock และเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ขดลวดเหนี่ยวนำใหม่
CAS-1
สินค้าที่ผมไม่คาดคิดว่า Sony จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย ก็คือ CAS-1 ชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพงขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์
ในชุดจะประกอบด้วย Main Unit ที่มีวงจร S-Master HX สำหรับขับลำโพง และวงจรของ PHA-2 สำหรับขับหูฟัง และลำโพงที่มีดอกวูฟเฟอร์ขนาด 62 มม. และดอกทวีตเตอร์ขนาด 14 มม. นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้ครบชุด ทั้งสายลำโพง สไปค์รองลำโพง และฐานรองลำโพงทำจากเหล็กหนา 5 มม.
การเชื่อมต่อนั้น รองรับทั้งการต่อสาย USB จากคอมพิวเตอร์หรือ Walkman เข้ามา และ Bluetooth นอกจากนี้ยังสามารถเล่นไฟล์เพลงบนแฟลชไดร์ฟได้ด้วย
การควบคุมตัวเครื่องสามารถทำได้ผ่านรีโมทขนาดเล็ก หรือแอพ SongPal เช่นเดียวกับเครื่องเสียง Sony ตัวอื่นในยุคนี้
ส่วนเรื่องของเสียงนั้น โดยส่วนตัว ผมฟังแล้ว รู้สึกถูกใจ เพราะเสียงแต่ละย่านออกมาแบบพอดิบพอดี โปร่ง ฟังสบาย ๆ ซึ่งคนที่ใช้หูฟังหรือลำโพงไร้สาย Sony อยู่ แล้วต้องการอัพเกรดไปเล่นชุดลำโพงเล็ก ก็จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ครับ
สำหรับราคานั้น ทาง Sony เคาะมาที่ 35,990 บาท ถ้าเทียบกับลำโพงยี่ห้ออื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน เช่น KEF X300A Wireless ที่มีขนาดใหญ่กว่าและรองรับ DLNA และ B&W MM-1 ที่มีขนาดไล่ ๆ กัน แต่ความสามารถน้อยกว่า ก็จัดว่าสมเหตุสมผลอยู่
Car Audio
นอกเหนือจากเครื่องเสียงบ้านแล้ว Sony ยังได้เปิดตัวเครื่องเสียงรถยนต์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ชุดแรกของโลกอีกด้วย ซึ่งจะประกอบไปด้วยฟร้อนท์ RSX-GX9 ที่ใช้ชิป ESS Sabre แอมป์รุ่น XM-GS4 และดอกลำโพง Super Tweeter รุ่น XS-GS1
เสียดาย พอดีเวลาหมด ผมเลยไม่มีโอกาสได้ไปลองฟัง ชุดเครื่องเสียงที่เขาติดตั้งไว้ในรถยนต์ที่จอดในงานครับ
สำหรับสินค้าที่เปิดตัวในงานนี้ ถ้าใครสนใจอยากให้ RE.V-> รีวิวตัวไหน ก็สามารถแจ้งมาในคอมเมนต์ได้นะครับ ซึ่งถ้ามีโอกาสสามารถยืมสินค้ามาได้ ก็จะนำมารีวิวละเอียดในภายหลังนะครับ
สนใจ car audio อยากให้ review ครับ
ของรีวิว จัดเต็มของ zx100 เทียบ zx2กับzx1 ครับ
ขอบคุณครับ
ผมอยากอัพเกรดสาย MDR-1A ใช้สายของอะไรดีครับ
ของ MDR-1A ตอนนี้น่าจะมีแค่สายแบบ twisted pair ที่ Sony ทำเองครับ
ที่ร้านไหนมีขายมั้งครับ
ไม่แน่ใจว่าศูนย์เอาเข้ามาขายหรือเปล่านะครับ แต่ผมเคยเห็นมีคนสั่งจากญี่ปุ่นเข้ามาใช้เองครับ
Pingback: พาชม Walkman WS410 เครื่องอัดเสียง ICD-SX2000 หูฟังและลำโพงไร้สายตระกูล h.ear และ Extra Bass รุ่นใหม่จาก Sony | RE.V –>