ในช่วงหลัง ๆ มานี้ มีคนให้ความสนใจและซื้อหาหูฟังและลำโพงตั้งโต๊ะคุณภาพสูง เพื่อมาใช้งานกับคอมพิวเตอร์กันมากกว่าเมื่อก่อน ปัญหานึงที่จะเจอกันบ่อย ๆ คือ เสียงที่ได้นั้นกลับยังไม่ดีเท่าที่ควร จนพาลนึกกันไปว่าหูฟังหรือลำโพงที่ซื้อมามันดีจริง ๆ หรือเปล่า
วันนี้ RE.V-> ก็ขอนำ Meridian Explorer ซึ่งเป็นการ์ดเสียงภายนอก หรือที่เรียกติดปากกันว่า USB DAC มารีวิวกัน ว่าแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า
ก่อนที่จะรีวิว ก็ขอแนะนำเกี่ยวกับบริษัท Meridian คร่าว ๆ กันก่อน Meridian เป็นบริษัทเครื่องเสียงในบ้านและรถยนต์จากประเทศอังกฤษ โดยมีจุดเด่นในเรื่องระบบประมวลผลสัญญาณเสียงแบบดิจิตอล และงานออกแบบเครื่องเสียงที่ดูหรูหรา สมราคาค่าตัวที่สูงมากของมัน ผลงานของ Meridian ที่ใกล้ตัวเราที่สุด คงจะหนีไม่พ้นการเข้ารหัสสัญญาณเสียงแบบ Meridian Lossless Packing ซึ่งถูกนำไปใช้ในระบบเสียง Dolby TrueHD ที่ใช้ในแผ่นหนัง BD ที่เราดู ๆ กันอยู่ตอนนี้ครับ
แน่นอนว่าบริษัทใหญ่ ๆ แบบนี้ หันมาทำสินค้าตัวเล็ก ๆ คงต้องมีความไม่ธรรมดาอยู่แน่นอน ว่าแล้วก็ไปทำความรู้จักกับเจ้า Meridian Explorer กันเลย
Package
หน้าตาของกล่องนี้ดูธรรมดามาก ผิดหลักของสินค้าเครื่องเสียงระดับเรือนแสน มีสติ๊กเกอร์ซีลปิดหัวปิดท้าย และระบุว่าสินค้าผลิตในประเทศอังกฤษ ที่โรงงานเดียวกับที่ใช้ผลิตเครื่องเสียงของเขา
สำหรับ Explorer ตัวที่ผมนำมารีวิว จะเป็นเวอร์ชั่นที่แก้ไขความต้านทานของช่องหูฟังแล้ว ตอนจะซื้อก็ถามคนขายก่อนก็ดีว่าเป็นรุ่นแก้ไขแล้วหรือเปล่านะครับ
ถอดกล่องออก เจอกล่องสินค้าตัวจริง ราศีเริ่มจับ กล่องกระดาษดูดีมากสมราคาหน่อย
เปิดออกมาก็จะเจอเจ้า Explorer ที่ถูกห่อพลาสติก นอนอยู่ในช่อง จริง ๆ มันไปติดอยู่กับฝา จนตอนแกะผมนึกว่าโรงงานลืมใส่ของมาให้ผมซะอีก ก็เลยมีรอยสีจากฝากล่องติดอยู่ที่พลาสติกที่ห่อ
ยกถาดกระดาษออก ข้างในก็จะมีสาย USB – Mini USB ถุงผ้า และแผ่นพับคู่มือ
Product
ตัวถังของ Explorer ทำจากอลูมิเนียม ขนาดกะทัดรัด ตัวผิวอลูมิเนียมและงานประกอบจัดว่าดีมาก บนตัวเครื่องจะมีไฟสถานะ LED สีขาวอยู่ 3 ดวง เพื่อบอกว่าตอนนี้ Explorer ทำงานที่ความละเอียดเท่าไร
Meridian Explorer นั้นรองรับการทำงานที่ความละเอียด 16 bit 44.1 kHz ไปจนถึง 24 bit 192 kHz ด้วยชิปแปลงสัญญาณจาก Texas Instrument รุ่น PCM5102
ด้านล่างจะระบุว่าเจ้า Explorer ทำในอังกฤษอีกครั้ง และพวกคำเตือนต่าง ๆ
ในการทำงาน Explorer จะเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Micro USB ด้วยความเร็ว 480 mb/s และใช้กำลังไฟ 500 mA จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ประมวลผลโดยชิป L1 จาก Xmos
การเชื่อมต่อนั้นจะเป็นแบบ Asynchronous คือใช้วงจรนาฬิกาคุณภาพสูงในตัว Explorer ในการกำกับสัญญาณดิจิตอล แทนนาฬิกาจากชิปเซ็ทในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สัญญาณดิจิตอลเที่ยงตรงมากขึ้น
ส่วนของสัญญาณขาออก Meridian ได้ออกแบบวงจรโดยใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงระดับเดียวกับเครื่องเสียงราคาแพง ใช้แผ่นลายวงจร 6 ชั้น เพื่อลดสัญญาณรบกวนจากไฟฟ้า และใช้ตัวปรับระดับเสียงแบบอนาล็อกสำหรับช่องหูฟัง
ในช่องสัญญาณเสียงขนาด 3.5 มม. นอกเหนือจากการรองรับสายสัญญาณเสียงปกติ ยังรองรับการเชื่อมต่อดิจิตอลแบบ TOSLINK ที่ความละเอียดสูงสุด 96 kHz อีกด้วย ช่องนี้หากไม่ใช้งานจะมีจุกปิดมาให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เอาหูฟังมาเสียบ
Set up
การใช้งานเจ้า Meridian Explorer นั้นแสนจะง่ายดาย เพียงต่อเจ้า Explorer เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งาน หากคอมพิวเตอร์ที่ต่อใช้ระบบปฏิบัติการ Mac OS X หรือ Linux ก็สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที
หากเป็น Windows ก็ต้องไปโหลดไดร์เวอร์ที่เว็บไซต์มาลงเสียก่อน ซึ่งเมื่อลงแล้วก็จะได้โปรแกรม Meridian USB Control Panel ซึ่งช่วยให้การปรับความดังของเสียงนั้นแม่นยำกว่าตัวปรับเสียงของ Windows แถมยังใช้ในการอัพเดทเฟิร์มแวร์เพิ่มความเก่งให้กับ Explorer ภายหลังได้อีกด้วย
สำหรับส่วนของโปรแกรมเล่นเพลงนั้น ไม่ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมอะไร ยกเว้นถ้าอยากจะใช้ไดร์เวอร์แบบ ASIO ที่ช่วยลดความล่าช้าในการประมวลผลเสียง ทาง Meridian ก็มีไดร์เวอร์เตรียมไว้ให้เลือกใช้กัน
Performance
สำหรับการใช้งานจริง ผมได้ลองเอาหูฟังหลาย ๆ ตัวที่ผมมีอยู่ เช่น Ultimate Ears super.fi 3 studio, Sony XBA-1 และ MDR-Z1000 มาต่อที่แจ็คหูฟัง พบว่าเจ้า Meridian Explorer สามารถขับหูฟังที่ผมมีอยู่ได้ดี แค่ระดับเสียงต่ำสุด เสียงก็ดังอยู่แล้ว แถมไม่มีเสียงรบกวนออกมาเวลาที่ไม่ได้เล่นเพลงเลย
ส่วนเรื่องเสียงนั้น เมื่อเทียบกับซาวด์การ์ดออนบอร์ดในคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ เสียงที่ฟังจาก Explorer นั้นฟังดูเปิดโล่งกว่า อะไรที่มันเคยโดนอั้นเอาไว้ทั้งเสียงเบส เสียงกลาง เสียงแหลม มันถูกเปิดออกมาหมด รายละเอียดของเสียงออกมาดีขึ้น เสียงเบส เสียงนักร้องที่ร้องเพลงออกมาฟังดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เสียงแหลมออกมาใสแต่ไม่บาง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับหูฟังที่นำมาใช้ด้วย ว่าแนวเสียงของมันเป็นอย่างไร
ส่วนเสียงที่ออกมาจากช่อง 3.5 มม. นั้นก็แทบไม่มีความแตกต่างจากช่องหูฟังเลย แต่เวลาใช้งานต้องระวังว่า ความดังของเสียงที่ออกมาจะอยู่ในระดับดังสุด ไม่สามารถปรับลงได้ ต้องปรับเสียงที่ลำโพงหรือเครื่องเสียงที่นำไปต่อด้วยเท่านั้น ยังดีที่ยังสามารถปิดเสียงได้อยู่
ส่วนการส่งสัญญาณเสียงแบบดิจิตอล ผมเอาไปต่อกับ AVR ของ Marantz ก็ไม่เจอปัญหาอะไร เครื่องแจ้งว่าต่อได้ที่ 96 kHz จริง แต่ไม่สามารถใช้ส่งสัญญาณเสียงรอบทิศทางอย่าง Dolby หรือ DTS ได้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ผมจะรู้ว่า Explorer ทำออกมาเน้นฟังเพลงเป็นหลักก็ตาม
Conclusion
จากการที่ใช้งานเจ้า Meridian Explorer มา ยอมรับว่ามันช่วยทำให้หูฟังและลำโพงที่ใช้อยู่นั้น ได้แสดงพลังที่เต็มที่ของมันออกมาได้มากขึ้น ซึ่งความดีของมันนั้น มาจากส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์ล้วน ๆ ไม่มีการใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยปรับแต่งเสียงหลอก ๆ เหมือนอย่างซาวด์การ์ด USB ราคาถูกกว่าที่วางขายกันอยู่ทั่ว ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม คุณภาพเสียงนั้นจะดีมากขึ้นขนาดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งคุณภาพของเพลง และหูฟังหรือลำโพงที่นำมาใช้ร่วมกับมันด้วย ซึ่งถ้าหากไม่แน่ใจว่า Meridian Explorer นั้นใช่สำหรับเราหรือเปล่า การนำคอมพิวเตอร์และหูฟังที่ใช้ไปลองฟังก็ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน
สรุป คงจะไม่เกินไปที่จะบอกว่า Meridian Explorer เป็น DAC ขนาดกะทัดรัดที่เสียงดีที่สุดในกลุ่มราคาระดับนี้ และยังสามารถขึ้นไปเทียบชั้นกับ DAC ราคาสูงตัวอื่น ๆ ได้ หากเงินถึง ใจพร้อม ก็จัดไปอย่าให้เสียครับ
Like
- ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย
- วัสดุ งานประกอบ ยอดเยี่ยม ระดับ Made in England
- รองรับเสียงความละเอียด 24 bit 192 kHz
- ใช้กับ Linux ได้ด้วย !
- เสียงดีมาก
Don’t like
- ไม่สามารถทำงานบนคอมพิวเตอร์ Windows ได้ โดยไม่มีไดร์เวอร์
- ช่อง 3.5 มม. ปรับระดับเสียงไม่ได้
- ช่อง TOSLINK ไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงรอบทิศทางได้
Pingback: รีวิว Sony MDR-EX800ST หูฟังมาตรฐานห้องอัด Sony Music Studios Tokyo
Pingback: Meridian เปิดตัว MQA เทคโนโลยีที่จะมาปฏิวัติการฟังเพลงของคุณ