เนื่องจากเมื่อวานนี้ RE.V-> เราได้มีโอกาสไปร่วมงาน Lenovo FOR THOSE WHO DO รอบของ blogger มา ซึ่งเป็นงานเปิดตัวแท็บเล็ตของ Lenovo รุ่น ได้แก่ ThinkPad Tablet และ IdeaPad K1 ซึ่งงานนี้เราก็ได้ลองเล่นตัวเครื่องจริง ๆ พร้อมทั้งพูดคุยกับทาง Lenovo ในหลาย ๆ จุดที่เกี่ยวกับแท็บแล็ตสองรุ่นนี้

งานนี้จัดที่โรงแรม Four Points by Sheraton สุขุมวิท 15 เลือกสถานที่จัดงานได้ค่อนข้างโอเคที่เดียว ทาง Lenovo มีเตรียมของว่างไว้ให้

ทาง Lenovo มีจัดโชว์นิดหน่อย ไว้เรียกความสนใจผู้เข้างาน จริง ๆ บนเวทีมีเต้นเลียนแบบหุ่นยนต์คล้าย ๆ กับในโฆษณา Dell Streak ในญี่ปุ่นด้วย ผมถ่ายวิดีโอไว้ แต่กล้องมันเพี้ยนไม่โฟกัสให้ ก็เลยไม่เอาลง

ระหว่างที่รองาน เราก็ได้มีโอกาสเจอแท็บแล็ตทั้งสองรุ่น ThinkPad Tablet และ IdeaPad K1 ตัวเป็น ๆ พอถึงเวลาก็โดนพิธีกรเรียกเพื่อเข้าไปฟังการพรีเซนท์ตัวสินค้า โดยคนที่พรีเซนท์วันนี้ ยังเป็นคุณจีรวุฒิและคุณวรเทพอีกเช่นเคย

ก่อนที่จะเข้าเรื่องตัวแท็บแล็ตทั้งสองตัว ทาง Lenovo ได้เล่าถึงเหตุผลว่าทำไมต้องทำแท็บแล็ตออกมาเป็นสองรุ่น

จากการสำรวจออนไลน์ พบว่าการใช้งานบนแท็บแล็ตมากที่สุดนั้นคือการใช้งานด้านอินเตอร์เน็ตและ social network และประเภทโปรแกรมที่มีการโหลดเยอะที่สุดคือเกม แต่ถ้าถามทางฝั่งองค์กรล่ะ ทางฝั่งองค์กรนั้นมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างจากกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปมาก ฝั่งองค์กรต้องการแท็บแล็ตที่ตอบโจทย์ด้านการทำงานเป็นอันดับแรก มีฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ขอรีแล็กซ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกัน จากสาเหตุพวกนี้ ทำให้ Lenovo ต้องทำแท็บแล็ตออกมาเป็นสองไลน์ นั้นคือแท็บแล็บสำหรับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งก็คือ IdeaPad และกลุ่มผู้ใช้งานธุรกิจ บริษัท องค์กรต่าง ๆ ซึ่งก็คือ ThinkPad นั้นเอง

นอกจากที่จะทำแท็บแล็ตสำหรับกลุ่มผู้ใช้แต่ละราย ทาง Lenovo ยังสร้าง Ecosystem ในส่วนของโปรแกรมที่จะมากับแท็บแล็ตของตัวเองด้วย เพื่อที่จะให้ผู้ใช้สามารถเริ่มใช้งานแท็บแล็ตได้ทันที โดยไม่ต้องโหลดโปรแกรมเพิ่มเติมอีก

พอเรารู้ที่มาแล้ว เราก็มาดูตัวเครื่องแท็บแล็ตกันเลยดีกว่า

IdeaPad K1

เริ่มต้นมาดูแท็บแล็ตสำหรับผู้ใช้ทั่วไปกันก่อน

ตัวเครื่องจัดว่าค่อนข้างใหญ่ และหนาเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตในตลาดหลาย ๆ รุ่นตอนนี้ น้ำหนักประมาณ 7 ขีด ขนาดจอ 10.1″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล รองรับมัลติทัชได้ 10 จุดพร้อมกัน กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล ด้านล่างจะมีทัชแพดเล็ก ๆ ไว้เป็นปุ่ม home และเลื่อนหน้า home screen ได้

ด้านล่างเครื่อง (แนวนอน) มีพอร์ต Micro HDMI แจ็คเสียบหูฟังพร้อมไมค์ และ dock connector ไว้เสียบที่ชาร์จ ต่อกับคอมพิวเตอร์ และต่ออุปกรณ์เสริม

ด้านหลังเครื่อง กล้อง 5 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช ลำโพงสเตอริโอกำลัง 0.5 วัตต์ ด้านขวาเครื่อง มีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มปรับความดังเสียง ปุ่มล็อกหน้าจอ และช่องเสียบการ์ด Micro SD ซึ่งเป็นลักษณะหมือนช่องเสียบ SIM ของ iPad คือต้องเอาคลิปแทงเข้าไปในรูเพื่อดันถาดออกมา ตัวนี้ไม่มีช่องใส่ SIM เพราะเป็นรุ่นที่มี WiFi อย่างเดียว ฝาหลังเครื่องเป็นอลูมิเนียม ตอนนี้มี 3 สีให้เลือกคือ ขาว ดำ แดง

ในด้านของฮาร์ดแวร์ภายในนั้น ตัว SoC ที่ใช้ยังคงหนีไม่พ้น NVIDIA Tegra 2.0 T20 ความเร็ว 1.0 GHz RAM แบบ DDR2 ความเร็ว 600 MHz ขนาด 1 GB มีหน่วยความจำภายในให้เลือก 3 ขนาด 16 GB 32GB และ 64 GB

มาทางฝั่งซอฟต์แวร์ ตัว OS ใช้ Android 3.1 Honeycomb จากโรงงาน พร้อม Lenovo Launch Pad ซึ่งเป็นส่วนติดต่อผู้ใช้ของทาง Lenovo เอง ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรแกรมเกี่ยวกับการใช้งานด้านต่าง ๆ ที่บ่อยที่สุดได้อย่างรวดเร็ว เช่น เข้าเว็บ อ่านเมล ดูวิดีโอ ฟังเพลง อ่านหนังสือ เพิ่มตัวสลับ Home Screen ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายซึ่งเป็นที่สลับไปยังโปรแกรมที่เปิดอยู่ ก็เพิ่มฟังก์ชั่น Task Manager เข้าไป โดยสามารถปิดโปรแกรมโดยการกดกากบาทที่อยู่ข้าง ๆ โปรแกรมได้

โปรแกรมที่ให้มา ในส่วนของทาง Lenovo เอง ให้ SocialTouch เป็นโปรแกรมเชื่อมต่อ Social Network หลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกัน Lenovo Multi-Format Video Player รองรับการเล่นวิดีโอหลายรูปแบบ เช่น MP4 DivX VC-1 และมี Lenovo App Shop ซึ่งเป็น Market เพิ่มเติมจาก Market ของ Google ซึ่งทาง Lenovo จะคัดโปรแกรมที่น่าสนใจจาก Market แล้วนำมาใส่ไว้ที่ App Shop รองรับการซื้อโปรแกรมเป็นเงินบาท

ส่วนของโปรแกรม 3rd party มี Documents to Go ตัวเต็ม เกม Galaxy on Fire 2  Angry Bird HD และโปรแกรมอื่น ๆ ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ของ Lenovo ได้ เท่าที่ดูจากเครื่องตัวอย่าง จำนวนโปรแกรมไม่มีความแตกต่างจากบนเว็บเท่าไร เว้นแต่โปรแกรมบางตัวที่ต้องไปผูกกับบริการที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เช่น Netflix

เรื่องของอุปกรณ์เสริมนั้น มีทั้งฟิล์มกันรอบ เคสซิลิโคน เคสแฟ้ม แท่นชาร์จ และ Keyboard Dock

ThinkPad Tablet

ต่อไปเป็นแท็บแล็ตสำหรับงานธุรกิจและผู้ใช้องค์กร

มิติตัวเครื่องและน้ำหนักใกล้เคียงกับ Ideapad K1 แต่ดูกะทัดรัดกว่า เพราะไม่ได้มีการเล่นส่วนโค้งเว้า ขนาดจอ 10.1″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล ใช้พาเนลแบบ IPS ปิดด้วยกระจก Gorilla Glass จาก Corning แข็งแรง และทนต่อรอยขีดข่วนมกกว่ากระจกทั่วไป รองรับการใช้งานกับปากกา digitizer กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีปุ่มกด 4 ปุ่ม (Home, Back, Internet และล็อกหน้าจอ)

ด้านขวา (เมื่อวางเครื่องแนวนอน) ช่องเสียบการ์ดต่าง ๆ พอร์ต Dock Connector พอร์ต Micro USB ซึ่งเอาไว้ชาร์จไฟและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ พอร์ต Micro HDMI และแจ๊คหูฟังพร้อมไมค์

เมื่อเปิดฝาที่ปิดช่องเสียบการ์ด จะเจอ 3 in 1 card reader  และช่องเสียบ SIM (ตัวนี้เป็นรุ่น WiFi + 3G ซึ่งแม้แต่ในอเมริกาก็ยังไม่มีรุ่นนี้วางจำหน่าย มีแค่ WiFi อย่างเดียว) ตัว 3G เองทาง Lenovo แจ้งว่าใช่ชิปตัวเดียวกับใน X220 คือของ SonyEricsson จึงน่าจะเป็น Quad Band รองรับ 3G จากผู้ให้บริการรายใหญ่ในไทยได้หมด

ด้านหลังเครื่อง ใช้พลาสติกตัวเดียวกับ ThinkPad Edge ซีรีย์ใหม่ เป็นผิวด้าน มีความหนืด แต่ไม่ใช่เคลือบผิวยางที่ลอกออกได้ มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ตรงโลโก้ ThinkPad ตรงจุดแดงเป็นหลอดไฟสีแดง

ด้านล่าง พอร์ต USB 2.0 พอร์ตเต็มสำหรับเสียบอุปกรณ์ USB ต่าง ๆ สามารถเลื่อนฝาปิดเมื่อไม่ใช้งานได้ ปุ่มเปิด – ปิดเครื่อง

ช่องสำหรับเก็บปากกา (มีฝาปิดให้กรณีไม่ได้ใช้งาน) และรูสำหรับคล้องสาย ไว้ผูกกับปากกา กันหาย

ส่วนตัวฮาร์ดแวร์นั้นถึงแม้ในเอกสารจะเขียนไม่เหมือนกันกับของ IdeaPad K1 ซะทีเดียว แต่คิดว่าสเปกเหมือนกัน คือใช้ NVIDIA Tegra 2 Duo Core ความเร็ว 1 GHz RAM ขนาด 1 GB มีหน่วยความจำภายใน 3 ขนาดให้เลือก 16 GB 32 GB และ 64 GB

ส่วนซอฟต์แวร์ ตัว OS จะเหมือนกับของ IdeaPad K1 คือเป็น Android 3.1 พร้อมกับ Lenovo Launch Pad แต่จะมีเพิ่มในส่วนของฟังก์ชั่นทางงานองค์กรต่าง ๆ เข้าไป เช่น การกำหนดสิทธิการเข้าถึงของเครื่อง ระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ การเชื่อมต่อกับ Exchange Server

ส่วนของโปรแกรมที่มากับเครื่อง ส่วนมากจะใกล้เคียงกับ IdeaPad แต่จะตัดโปรแกรมด้านความบันเทิงออก แล้วใส่โปรแกรมด้านการทำงานและธุรกิจมากขึ้น เช่น MyScript Notes Mobile สำหรับจดโน๊ตด้วยปากกา สามารถแปลงลายมือเป็นตัวอักษร แถมเวลาจะลบอะไรที่เราเขียน Citrix Receiver โปรแกรมสำหรับทำ Remote Desktop Mcafee Security โปรแกรมกำจัดไวรัส มีการใส่คีย์บอร์ด Flex T9 ซึ่งรองรับภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตามทาง Lenovo ก็ยังไม่ตัดเจ้าเกมนกพิโรธ Angry Bird HD ออกตามโปรแกรมบันเทิงตัวอื่นไปด้วย

ส่วนตัว Lenovo App Shop จะแตกต่างกับของ IdeaPad ที่จะคัดโปรแกรมทางด้านธุรกิจมามากกว่า และสามารถที่จะให้ฝ่าย IT ของบริษัทเลือกได้ว่าจะให้สามารถโหลดโปรแกรมตัวไหนได้ ตัวไหนไม่ได้ ได้ด้วย และสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดหาแท็บเล็ตจำนวนมาก ทาง Lenovo สามารถให้องค์กรเลือกโปรแกรมที่ต้องการใส่ลงในเครื่องมาจากโรงงานได้เลย

ในส่วนของการรับประกันนั้น เนื่องจากเป็นสินค้าหมวด Think เพราะฉะนั้นเราสามารถซื้อประกันเพิ่มเป็น 3 ปี และประกันอุบัติเหตุ ThinkPlus ได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นแท็บเล็ตตัวแรกเลยที่มีระยะประกันนาน และมีประกันอุบัติเหตุจากผู้ผลิตให้

เรื่องของอุปกรณ์เสริมนั้น เนื่องจากอุปกรณ์เสริม ThinkPad Tablet นั้นทำมาเพื่อเติมเต็มการใช้งานให้สมบูรณ์ขึ้น เราจึงจะเห็นทาง Lenovo โปรโมทอุปกรณ์เสริมของเจ้านี้มากกว่าตัว IdeaPad เสียอีก ในงานมีเอาอุปกรณ์เสริม 3 ชิ้นหลักมาให้ได้ลองเล่นกัน

อุปกรณ์เสริมชิ้นแรกคือปากกาครับ ใช่ครับฟีเจอร์หลักที่ Lenovo โฆษณา มันไม่ได้มาประจำเครื่อง ตัวปากกาสามารถรับน้ำหนักการเขียนได้ ถ้าใช้งานกับโปรแกรมที่รองรับ เราจะสามารถเขียนเส้นแบบหนักเบาได้เลย แต่การเขียนบนจอยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ เพราะจอมันลื่นมาก เขียนไม่ค่อยถนัดเท่าไร นอกจากนี้บนปากกายังมีปุ่มกดอยู่ปุ่มนึง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเอาไว้ทำอะไรเหมือนกัน เพราะมีคนลองของเยอะมาก เลยไม่ได้ลองครับ

ตัวปากกาทำจากพลาสติกก็จริง แต่ดูแข็งแรง น้ำหนักกำลังดี ตัวปากกาต้องใช้พลังงานจากถ่าน AAAA (พิมพ์ไม่ผิดครับ 4 A จริง ๆ) ส่วนหัวไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนได้ไหม

ตัวต่อมาเป็น ThinkPad Tablet Dock ตัวนี้ตรง ๆ ไม่มีอะไร เป็นฐานวางเครื่องเฉย ๆ

ด้านหลังมีพอร์ต Micro USB แจ็คไมค์โครโฟน แจ็คลำโพง และแจ็คเสียบอะแดปเตอร์ 20 V ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับของโน๊ตบุ๊ค ThinkPad ถ้าใครมีอะแดปเตอร์อยู่ก็สามารถเอามาใช้ร่วมกันได้เลย ซึ่งตรงนี้เป็นฟีเจอร์ที่สะท้อนเรื่องที่ Lenovo บอกว่า ThinkPad Tablet จะเข้ามาเสริมในสินค้าหมวด Think ไม่ได้มาแทนสินค้าตัวใดในหมวดนี้

ชิ้นต่อมา ThinkPad Keyboard Folio หรือเคสแบบแฟ้มพร้อมคีย์บอร์ดนั้นเอง

เชื่อมต่อกับตัว Tablet ผ่านพอร์ต USB เพราะฉะนั้นเมื่อเอาเครื่องต่อกับเคสแล้ว จะไม่มีช่อง USB ให้ใช้

สามารถปรับระดับเองได้สามระดับ โดยที่ฐานจะมีแม่เหล็กคอยยึดส่วนที่ใส่เครื่องเอาไว้

คีย์บอร์ดแบบ island เหมือนใน ThinkPad Edge และ X1 พร้อม TrackPoint แบบ Optical

ตัวเคสทำจากหนังสีดำ ด้านนอกมีปั้มตรา Lenovo และ ThinkPad อยู่ มองเผิน ๆ นึกว่ากำลังแบกโน๊ตบุ๊ค ThinkPad อยู่

ด้านการใช้งาน คีย์บอร์ดวางรูปแบบมาดี คีย์ยังพิมพ์ได้เมามันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ด้วย

ส่วน TrackPoint แบบ Optical นั้นจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับ touch pad บนมือถือ BlackBerry สำหรับคนที่ใช้งาน TrackPoint แบบปุ่มยาง อาจจะรู้สึกขัด ๆ เพราะจะไม่สามารถดันตัว TrackPoint ไปจนสุดได้แล้ว ต้องค่อย ๆ ถู ค่อย ๆ คลึงแทน เพราะมันดันไม่ได้

สำหรับข้อเสียของตัวเคสคีย์บอร์ดที่เราและหลาย ๆ คนเห็นตรงกันอย่างนึงคือเรื่องของขนาดและน้ำหนัก คือตัวเคสมันจัดว่าค่อนข้างหนามาก เมื่อเทียบกับเคสแบบแฟ้มอื่น ๆ และน้ำหนักของมันเมื่อใส่ตัวแท็บแล็ตไปแล้ว จะรู้สึกหนักกว่า ThinkPad X220 อยู่หน่อยนึง ซึ่งจัดว่าหนักมาก ๆ จนเริ่มคิดว่าแบก X220 แทนเลยดีกว่าไหม

Conclusion

หลังจากที่ได้ลองจับเจ้าแท็บเล็ตสองตัวนี้ ต้องบอกว่ารู้สึกดีกับมันมาก โดยเฉพาะกับ ThinkPad Tablet ที่ทำออกมาฉีกแนวจากแท็บเล็ตอื่นในตลาดซึ่งจะพยายามจับกลุ่มลูกค้าแบบกว้าง ๆ จนทำให้ฟีเจอร์ทั้งฝั่งผู้ใช้ตามบ้าน และผู้ใช้องค์กรออกมาไม่ค่อยดีเท่าไร

นอกจากนี้ ในงานทาง Lenovo เองยังได้ขอความเห็นต่าง ๆ ที่จะนำไปปรับปรุงตัวสินค้า การขาย และเรื่องอื่น ๆ ซึ่งคนที่มาร่วมงานก็ได้เสนอเรื่องต่าง ๆ เช่น

• ควรจะมีการใส่ local content มาในเครื่องด้วย เพราะไหน ๆ Lenovo เองก็สร้าง Ecosystem ของเนื้อหาและโปรแกรมที่ใส่มาในเครื่องอยู่แล้ว เช่น เพิ่มหนังสือการ์ตูน และอนิเมะตอนลงใน IdeaPad หรือเพิ่มหนังสือพิมพ์ธุรกิจใน ThinkPad นอกจากนี้ Lenovo ควรใช้ App Shop ให้เป็นประโยชน์ในการขาย e-book และเนื้อหาอื่น ๆ คล้าย  ๆ Reader Hub ของ Samsung
• ปากกาของ ThinkPad Tablet ควรจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานมาเลย ไม่ควรให้ซื้อเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งตรงนี้เป็นข้อผิดพลาดของแท็บเล็ตที่มีปากกาของค่ายอื่น ที่ดันไปขายปากกาแยก ทำให้คนไม่เห็นความสำคัญของมัน
• เรื่องการอัพเดทซอฟต์แวร์ เนื่องจากรอบนี้ต้องบอกเลยว่า Lenovo นั้นพึ่งซอฟต์แวร์ 3rd Party มากขึ้นในการทำฟีเจอร์ของแท็บเล็ททั้งสองตัว เพราะฉะนั้นจึงมีคนเป็นห่วงเรื่องของการอัพเดทซอฟต์แวร์เหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของนโยบายการอัพเดทเวอร์ชั่นของ Android OS อีก

นอกจากนี้ยังมีความเห็นในเรื่องอื่น ๆ อีกซึ่งทาง Lenovo ก็ได้รับฟัง และจะพยายามไฟต์บางเรื่องมาให้ เช่น เรื่องของปากกา เป็นต้น

สุดท้ายก็ต้องมาเรื่องของราคาและของจะมาเมื่อไร สำหรับเจ้า IdeaPad K1 วางจำหน่ายแล้ว เป็นรุ่น 32 GB WiFi ราคาอยู่ที่ 16,900 บาท สำหรับ ThinkPad Tablet นั้นจะเอารุ่นที่เป็น 3G + WiFi เข้ามาอย่างเดียว ราคาได้ยินแว่ว ๆ ว่าจะอยู่ประมาณ 20,000 ต้น ๆ เป็นรุ่น 32 GB และจะเริ่มไปวางตามหน้าร้านในช่วงอาทิตย์หน้าครับ

More info

Ideapad K1

ThinkPad Tablet