ไปดู Wireless Router น้องใหม่ แต่หน้าเก่าจาก Western Digital

WD Connected Life

พอดีทาง PR ของ Western Digital ได้เชิญไปงานเปิดตัวเราท์เตอร์ไร้สายสำหรับกลุ่มผู้ใช้ตามบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ของทาง WD เองที่เพิ่มเติมจากฮาร์ดไดร์ฟ สินค้าดั้งเดิมของบริษัทนั่นเองครับ ว่าแล้วลองไปดูกันว่าน้องใหม่หน้าเก่าจะมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่บ้าง

จากการนำเสนอและพูดคุยกับคนของทาง WD เอง ที่ทางไทยได้เชิญ Product Manager ที่ดูแลสินค้ากลุ่มนี้มาเพื่อตอบคำถามต่าง ๆ ทำให้ทราบว่าทาง WD หันมาทำเราท์เตอร์ เพื่อเป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของ WD เองที่ต้องการจะเชื่อมต่อโยงข้อมูลของเราที่เก็บบันทึกอยู่ เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ในบ้านและนอกบ้าน ไม่ใช่เรื่องของยอดขายฮาร์ดไดร์ฟที่น่าจะโดน SSD เข้ามาแย่ง หรือเหตุการณ์น้ำท่วมในไทยปีที่แล้วแต่อย่างใด (ตรงนี้มีแซวกันด้วยว่า ตอนนี้โรงงานของ WD ใช้เครื่องจักรในการผลิตที่ดีที่สุดในโลก เพราะเพิ่งเปลี่ยนไปตอนน้ำท่วมนั้นเอง)

WD Connected Life

สำหรับจุดเด่นของเราท์เตอร์ของ WD ที่แตกต่างจากเราท์เตอร์เจ้าอื่น ๆ คือ เรื่องของ Storage หรือการเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดร์ฟหรือสื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทาง WD ถนัดอยู่แล้ว โดยเราท์เตอร์ทุกตัวจะมาพร้อมกับพอร์ต USB เพื่อเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดร์ฟ โดยเมื่อผู้ใช้ลงแอพของทาง WD ในสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตแล้ว ก็จะทำให้ฮาร์ดไดร์ฟที่เราต่อนั้นกลายเป็น Cloud Storage ส่วนตัวของเราเอง สามารถเข้าถึงข้อมูลในไดร์ฟจากที่ไหนก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ตใช้ และยังมีระบบการแชร์ไฟล์ให้ผู้อื่นที่ง่ายและปลอดภัยอีกด้วย

WD Connected Life

สำหรับเราท์เตอร์ที่ทาง WD เปิดตัวนั้น ก็จะเป็นรุ่นที่เป็น Dual-band รองรับ WLAN ที่ช่วงความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่รุ่น MY NET N600 (2 x 2 MIMO) MY NET N750 (2 x 2 MIMO ที่ความถี่ 2.4 GHz, 3 x 3 MIMO ที่ความถี่ 5 GHz) และ MY NET N900 ที่เป็น 3 x 3 MIMO ทั้งสองช่วงความถี่

WD Connected Life

หน้าตา งานออกแบบต่าง ๆ ให้อารมณ์แบบ WD มาก ๆ โดยเฉพาะลายบนตัวเราท์เตอร์ ที่เป็นลายเดียวกันกับ My Passport Edge ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานนัก

WD Connected Life

พอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ไม่แตกต่างกับเราท์เตอร์เจ้าอื่น ๆ แต่รุ่น MY NET N900 จะมีพอร์ต Gigabit LAN ให้มาถึง 7 พอร์ต และพอร์ต USB 2.0 เพิ่มเติมอีก 1 พอร์ตด้วย จากการพูดคุยกันในงาน เราท์เตอร์มีกำลังในการรองรับการอ่านเขียนข้อมูลบนไดร์ฟที่ต่อบนเราท์เตอร์จากอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้พร้อมกันประมาณ 3 ชิ้น ก็เข้าใจว่าความเร็วก็จะไปขอขวดที่ชิปเซ็ทของเราท์เตอร์อีกเช่นเดิม

WD Connected Life

ต่อไปเป็นตัว MY NET N900 CENTRAL ซึ่งมีความพิเศษกว่าตัว N900 ปกติคือ มีการใส่ฮาร์ดไดร์ฟ 2.5″ ความเร็ว 5,400 รอบ เชื่อมต่อด้วย SATA มาให้ในตัวด้วย ซึ่งตัวนี้ทาง WD ภูมิใจนำเสนอมาก เพราะมันเหมาะกับคนที่อยากได้ Network Attached Storage มาไว้เก็บข้อมูล แต่ไม่อยากมาตั้งค่า NAS เอง โดยจะมีขนาดฮาร์ดไดร์ฟให้เลือก 2 ขนาดคือ 1 TB และ 2 TB

WD Connected Life

พอร์ตด้านหลังเหมือนกับรุ่น N900 แต่จะตัด USB 3.0 ออกไปพอร์ตนึง

WD Connected Life

เนื่องจากมันใส่ฮาร์ดไดร์ฟมาในตัว หลายคนคงจะกังวลเรื่องของความร้อนที่เกิดขี้น เราท์เตอร์รุ่นนี้เลยมีการติดพัดลมข้างใต้ไว้ด้วย ใครที่เคยใช้ Time Capsule ของ Apple ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน น่าจะสบายใจได้ระดับนึง เพราะอย่างน้อย WD ก็ไม่ได้เอาส่วนของ power supply ไปยัดไว้ในตัวให้ความร้อนมันสูงขึ้น

ต่อไป เป็นช่วงคำถามที่ผมเตรียมมาถามทาง WD ครับ

Q & A

เราท์เตอร์ของ WD รองรับช่วงช่องสัญญาณไหนบ้างของช่วงคลื่น 5 GHz

ในการรองรับช่องสัญญาณนั้นจะทำตามกฏระเบียบของประเทศที่วางขายเป็นหลัก

หมายเหตุ ช่วงคลื่น 5 GHz นั้นจะมีการแบ่งช่องสัญญาณเป็นช่วง ๆ ทั้งหมด 4 ช่วง (Band) โดยในแต่ละประเทศจะมีกฏระเบียบในอนุญาตให้ใช้งาน WLAN ที่ไม่เหมือนกัน

เช่น สหรัฐอเมริกาจะอนุญาตให้ใช้ Band 1  และ 4 ญี่ปุ่นเมื่อก่อนจะเหมือนกับอเมริกา แต่ปัจจุบันอนุญาตให้ใช้เพียง Band 4 เท่านั้น สำหรับในไทยเรา เท่าที่ทราบจะสามารถใช้งานได้ทั้ง 4 ช่วงเลย แต่ว่าในแต่ละช่วงจะมีการจำกัดความแรงของสัญญาณที่ใช้ได้ครับ

ทาง WD จะเอาเราท์เตอร์มาตรฐาน AC มาขายด้วยหรือไม่

นำมาขายแน่นอน แต่อาจจะช้าหน่อย เพราะติดเรื่องการทำใบอนุญาตต่าง ๆ อยู่ ในเรื่องของเราท์เตอร์ AC ทาง WD เองเสริมขึ้นว่า ตอนนี้เราท์เตอร์ AC ที่ขายกัน ยังไม่มีตัวไหนที่มีประสิทธิภาพถึงขั้นที่จะเป็น AC จริง ๆ ได้เลย เราท์เตอร์ AC จากทาง WD จะเป็นเราท์เตอร์ AC ที่มีประสิทธิภาพระดับมาตรฐาน AC จริง ๆ

ตอนนี้บริษัทเราท์เตอร์ในบ้านหลาย ๆ เจ้าพยายามชูจุดขายเรื่อง Quality of Service (การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลบนเครือข่าย) กันมาก ตัว QoS ของทาง WD มีจุดเด่นหรือแตกต่างจากบริษัทอื่นอย่างไร

ส่วนมากระบบ QoS ในเราท์เตอร์นั้น มักจะมีพื้นฐานจากชิปเซ็ทของเราท์เตอร์อยู่แล้ว แต่หลาย ๆ เจ้าก็จะมีวิธีการในการใช้งานฟังก์ชั่นของชิปเซ็ทส่วนนี้ที่ไม่เหมือนกัน ของทาง WD เองมีระบบ QoS ที่เรียกว่า FasTrack อยู่

FasTrack จะทำการรวบรวมชิ้นส่วนข้อมูลที่วิ่งกระจายตัวผ่านเราท์เตอร์ ให้เป็นกลุ่มก้อน แล้วจึงเรียงตามลำดับความสำคัญอีกครั้ง เช่น ถ้าเราดูวิดีโอพร้อมกับเล่นเกม FasTrack จะรวบรวมชิ้นส่วนข้อมูลของวิดีโอก่อน เพื่อให้อุปกรณ์ที่เล่นวิดีโออยู่บัฟเฟอร์ข้อมูลวิดีโอได้เร็วขึ้น

เพื่อให้ QoS ตัวนี้ทำงานได้ออกมาตามที่ WD คาดหวังที่สุด ทาง WD จึงได้ร่วมมือกับบริษัทชิปเซ็ทเพื่อทำ QoS ของตนเองออกมา

แล้วชิปเซ็ทที่ใช้ในเราท์เตอร์ของ WD เป็นยี่ห้อไหน

ทาง WD ใช้ชิปเซ็ทจากทาง Broadcom เป็นหลัก ยกเว้นรุ่น N900 CENTRAL ที่จะใช้ชิปเซ็ท Broadcom เฉพาะส่วนของชิป Wireless เท่านั้น เพราะ Broadcom ไม่มีชิปเซ็ทที่รองรับการเชื่อมต่อ SATA

เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะเราท์เตอร์ที่มีฮาร์ดไดร์ฟในตัวเหมือนกันอย่าง Time Capsule ก็ใช้ชิปเซ็ทสำหรับทำ Embedded จาก Marvell ประกบชิป Wireless จาก Broadcom ซึ่งนอกจากจะรองรับ SATA แล้ว ยังช่วยให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลจากไดร์ฟเร็วขึ้นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากชิปเซ็ทสำหรับ Embedded นั้นไม่ได้ทำมาเพื่อรองรับการทำงานของเราท์เตอร์โดยตรง หลาย ๆ ฟังก์ชั่นของเราท์เตอร์ จึงจะต้องเขียนซอฟต์แวร์ขึ้นมาแทน

เรื่องของการบริการหลังการขายเป็นอย่างไรบ้าง

ทาง WD เตรียม call center โทรฟรีไว้ที่ฟิลิปปินส์ โดยคนที่รับสายสามารถพูดภาษาไทยได้ และมีช่างเทคนิคนั่งประกบอยู่ข้าง ๆ โดยจะให้บริการตามวันเวลาทำงาน และตัวเราท์เตอร์รับประกัน 3 ปี

จากงานนี้ ทำให้ผมรับรู้ถึงความตั้งใจจริงในการทำตลาดเราท์เตอร์ของ WD นอกจากนี้ผมยังแอบไปรู้มาว่า คนที่ดูแผนกเราท์เตอร์นี้ เป็นพนักงานเก่าที่มาจาก Cisco Linksys ทั้งนั้นเลย เลยไม่แปลกใจว่าทำไม WD จึงสามารถเข้ามาในตลาดนี้ได้อย่างรวดเร็วมาก จนน่าจะทำให้บริษัทอื่น ๆ ต้องหันมามองขวับกันเลยทีเดียว

สำหรับตัวสินค้าจะเริ่มวางขายประมาณช่วงกลางเดือนนี้ โดยเรื่องราคานั้นทำออกมาได้ต่ำกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกันมาก คือรุ่นล่าง N600 ขายแถว ๆ 2 พันปลาย ๆ ในขณะที่เจ้าอื่น ๆ ยังขายกันอยู่แถว ๆ 3 พันต้น ๆ กันอยู่เลย

More info

Western Digital

Leave a Reply