รีวิว Belkin F7D4401 Play Max Wireless Modem Router

Performance

Belkin F7D4401 Play Max Wireless Router Review

หลังจากติดตั้งเสร็จก็มาดูเรื่องการใช้งานกันครับ สำหรับเราท์เตอร์ตัวนี้ ผมเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ช่วงงาน Commart ที่ผ่านมา บอกตรง ๆ เลยว่าตอนแรกที่ได้มาเฟิร์มแวร์และโปรแกรมมันมีบักเยอะมาก เช่นตั้งค่าบ่อยแล้วค่าจะหายไปเลยอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้อัพเดตเฟิร์มแวร์โดยด่วนครับ สำหรับเฟิร์มแวร์สามารถโหลดได้จากที่นี้ครับ

1. Internet Speed

SPEEDTEST.NET Result 1

SPEEDTEST.NET Result 2

เราท์เตอร์ตัวนี้ ตามสเปกระบุว่าตัวโมเด็มรองรับ ADSL2+ ซึ่งก็น่าจะใช้งานกับ ISP ในบ้านเราได้ทุกเจ้า ซึ่งผมลองใช้งานกับ True ความเร็วสมัคร 8 Mb/ 512 Kb ส่วนความเร็วจริงปล่อยมาให้ประมาณ 10 Mb/600 Kb ซึ่งการเชื่อมต่อก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ยกเว้นช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ฝนตกหนักบ่อย ๆ ห็มีเน็ตหลุดบ้าง หรือบางครั้งก็ยังเชื่อมต่ออยู่ แต่สัญญาณเน็ตไม่มีแล้ว ส่วนเรื่องความเร็ว ผมว่าเวลาช่วงที่คนใช้ไม่เยอะแล้วทดสอบดูจาก SPEEDTEST.NET ก็ได้ผลตามรูปข้างบน ก็ถือว่าสอบผ่าน

2. Wireless Performance

Belkin F7D4101 Play Wireless USB Adapter Review

ผมใช้งานเราท์เตอร์ตัวนี้ที่บ้านแบบทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น + 1 ชั้นลอย โดยวางตัวเครื่องอยู่ริม ๆ กำแพงบ้านบริเวณชั้นลอย สัญญาณที่ได้ครอบคลุมทั่วบ้าน คุณภาพสัญญาณที่ได้จัดว่าโอเคที่เดียว ส่วนตัวคลื่น 5 GHz นั้น ผมลองกับ Belkin F7D4101 Play Wireless USB Adapter ดู (เพราะที่บ้านผมไม่มีอุปกรณ์ที่ต่อคลื่น 5 GHz ได้) ก็ยังไม่เจอความแตกต่างจากคลื่น 2.4 GHz เท่าไร เจอแค่ว่าสัญญาณมันเข้าไม่ค่อยจะทะลุผ่านห้องกระจกทึบที่บ้านผมได้ แต่คลื่น 2.4 GHz พอที่จะทะลุได้ แต่คลื่นที่ได้ก็ไม่แรงพอที่จะต่อ WLAN N ที่ความเร็วสูง ๆ ได้ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ซีเรียสเพราะมันเป็นธรรมชาติของคลื่น 5 GHz อยู่แล้ว อีกอย่างคือแถวบ้านผมไม่ค่อยมีการใช้งาน WLAN ด้วย อาจเป็นสาเหตุที่ผมไม่ค่อยเจอความแตกต่าง ที่สำคัญที่สุดคือเราท์เตอร์ตัวนี้สามารถใช้งานคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz พร้อมกันได้ เพราะฉะนั้นเราท์เตอร์ตัวนี้จึงสามารถรองรับการใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ๆ และอุปกรณ์เก่าได้พร้อมกันครับ

นอกจากนี้ Play Max ยังมีฟังก์ชั่น Guest Access ซึ่งจะเป็น Access Point เสมือนขึ้นมาอีก 1 ตัว ซึ่งคนที่ต่อ WLAN ผ่าน AP ตัวนี้จะใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างเดียว ไม่สามารถเข้าไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นได้ โดยสามารถตั้งค่า SSID และรหัสผ่านแยกต่างหากจากรหัสผ่านตัวหลัก นอกจากนี้เรายังสามารถใช้งาน Guest Access ร่วมกับระบบ Access Control ควบคุมช่วงเวลาที่จะให้เข้าใช้ ควบคุมเว็บไซต์ที่เข้าได้ และบล็อก service ต่าง ๆ ได้อีกด้วย ตามความเห็นผม ฟังก์ชั่นนี้เหมาะมากแก่คนที่มีเพื่อนเข้ามาขอใช้อินเตอร์เน็ตบ่อย ๆ หรือเปิดพวกร้านกาแฟอะไรทำนองนี้ครับ

3. USB Devices

พอร์ท USB ข้างหลังเครื่องนั้นสามารถเสียบพวกไดร์ฟ USB ต่าง ๆ ได้ โดยรองรับฟอร์แมต FAT16 FAT32 และ NTFS เท่าที่ใช้งานมาก็ถือว่าโอเคดี เวลาใช้งานก็เข้าไปที่ IP ตัวเราท์เตอร์ ก็จะเจอโฟลเดอร์ซึ่งจะแทนไดร์ฟแต่ล่ะลูกที่ต่ออยู่ แค่ถ้าเราลงโปรแกรมที่ให้มา ตัวโปรแกรมจะทำการ map network drive ที่ต่อกับเราท์เตอร์ให้เราโดยอัตโนมัติทันที ส่วนความเร็วในการใช้งาน ผมลองคัดลอกไฟล์ไปมาด้วย Windows 7 ผ่าน gigabit LAN  ฮาร์ดดิสก์ใช้ WD My Book 500 GB รุ่นแรก ฟอร์แมตเป็น FAT32 ส่วนมากจะได้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1 – 1.8 MB/s ครับ ผมมีเอาไปลองเพิ่มเติมกับไดร์ฟ Hitashi 8o GB ใส่ External Box ของ Philips ได้ความเร็วในช่วงประมาณ 2 – 3.6 MB/s ครับ โดยรวมก็ยังช้ากว่าเสียบไดร์ฟตรง ๆ เข้ากับคอมพิวเตอร์อยู่เหมือนกัน ผมมาลองดูอีกทีความเร็วมันไม่ค่อยนิ่งเท่าไร ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนไฟล์ด้วย แต่โดยทั่ว ๆ ไปก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 MB/s กว่า ๆ บางครั้งอาจจะต่ำเหมือนที่เขียนตอนแรก และบางครั้งได้ประมาณ 4 MB/s กว่า ๆ ก็มีครับ

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เสียบเครื่องพิมพ์แบบ USB ได้อีกด้วย ผมลองกับเครื่องพิมพ์ HP ที่เป็น USB ก็ถือว่าใช้งานได้ดี แต่เวลาติดตั้งมันทีทริกนิดหน่อย คือหลักการทำงานของ USB บนเราท์เตอร์นั้นมันจะเสมือนกับว่าเราเอาอุปกรณ์ต่อกับ USB บนเครื่องเราโดยตรง เพราะฉะนั้นเวลาติดตั้งก็ให้ติดตั้งเหมือนปกติ พอถึงขั้นตอนที่ให้เสียบ USB เราก็เสียบไปตามนั้นน่ะแหละ

สำหรับฟังก์ชั่นแชร์เครื่องพิมพ์ สามารถใช้งานได้ครั้งล่ะ 1 คนต่อเครื่องพิมพ์ 1 เครื่องเท่านั้น (ยกเว้นพวกไดร์ฟข้อมูล เพราะมันทำงานผ่าน Samba) แต่เราท์เตอร์ก็ออกแบบระบบร้องขอการใช้งานเวลาที่คนอื่นใช้งานอยู่ได้ และมีโหมด Print Sharing ที่จะเปิดการใช้งานเมื่อมีการพิมพ์งาน และเมื่อส่งข้อมูลที่พิมพ์ไปที่เครื่องพิมพ์แล้วก็จะปิดการใช้งานไป ก็ถือว่าฉลาดดีที่มีฟังก์ชั่นแบบนี้มาให้

ข้อเสียของฟังก์ชั่นแชร์เครื่องพิมพ์คือ คุณจะต้องลงและเปิดโปรแกรม Belkin Router Monitor ซึ่งเป็นโปรแกรมตัวแม่ของโปรแกรมแชร์เครื่องพิมพ์ตลอดเวลาไม่งั้นจะใช้งานเครื่องพิมพ์ไม่ได้ครับ ตามความเห็นผม ผมว่าฟังก์ชั่นนี้มันไม่ใช่ Print Server แท้ ๆ แต่เหมือน Network USB Hub มากกว่า ข้อดีของระบบแบบนี้คือทำให้มันรองรับเครืองพิมพ์ได้มากชนิดกว่า และสามารถใช้ความสามารถอื่น ๆ ของเครื่องพิมพ์ได้ด้วย เช่น สแกนเนอร์ นอกจากเครื่องพิมพ์แล้ว ผมลองแอบเอาคีย์บอร์ดมาเสียบเล่น ปรากฎว่ามันก็ใช้งานได้ด้วย

4. Media Server

สำหรับการตั้งค่า Media Server ของ Play Max ก็ไม่มีอะไรมาก การเปิด – ปิดฟังก์ชั่นนี้จะต้องไปทำที่หน้าตั้งค่าบนตัวเราท์เตอร์ และเวลาจะเลือกไดร์ฟกับโฟลเดอร์ที่จะแชร์ไฟล์ จะต้องมากดเลือกผ่านโปรแกรมที่เราลงไว้ในเครื่อง ถ้าไม่ลงโปรแกรม มันจะแชร์ข้อมูลในไดร์ฟทั้งหมดเลย ส่วนไฟล์ที่สามารถแชร์ได้ก็จะมีพวกไฟล์นามสกุลพื้นฐานที่นิยมกัน เช่น MP3, WAV, AVI, MP4 แต่ที่น่าแปลกใจมากคือมันแชร์ MKV ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่นำมาใช้งานเป็นตัวลูกข่ายจะต้องเปิดไฟล์นามสกุลนั้น ๆ ได้ด้วยถึงจะเปิดได้ เพราะตัวเราท์เตอร์ไม่สามารถทำ transcoding หรือแปลงไฟล์ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ได้ ทำหน้าที่แชร์อย่างเดียว

อุปกรณ์ที่ผมนำมาลองก็มี PlayStation 3, Motorola Milestone ผ่านโปรแกรม AndroMote และ Windows Media Player บน Windows Vista กับ Windows 7 ครับ ใช้งานได้ราบรื่นดี ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นเฟิร์มแวร์ที่มากับตัวเราท์เตอร์เลย (1.00.33) ฟังชั่นนี้จะรวนมาก ๆ เพราะฉะนั้นใครจะใช้ Media Server บนเราท์เตอร์ แนะนำให้อัพเดทเฟิร์มแวร์ครับ

5. QoS

QoS เท่าที่ผมลองใช้ดูนั้น การทำงานของมันคือ มันจะแบ่งความสำคัญเป็น 4 แบบ ได้แก่ Highest, High, Medium, Normal ซึ่งเราสามารถสร้างกฏต่าง ๆ ขั้นมาได้ว่าจะให้จัดการข้อมูลแบบไหน และมีความสำคัญอย่างไร ซึ่งเราสามารถกำหนดได้หลายแบบ เช่น IP Address,  MAC Address,  Port หรือเราจะเลือกจากโปรแกรมที่เราใช้งานอยู่ก็ได้ นอกจากนี้เรายังสามารถปรับได้อีกว่า ความสำคัญแต่ล่ะแบบนั้นจะให้ได้แบนด์วิทธ์ในการใช้งานกี่ % หากเรานึกไม่ออก ก็สามารถเลือกโหมด Auto แล้วให้ตัวเราเตอร์มันปรับจะปรับให้เองตามความเร็วอินเตอร์เน็ตของเรา

แต่ที่ผมว่าเด็ดคือ เราสามารถที่จะเปลี่ยนความสำคัญของกฎที่เราตั้งไว้ผ่านโปรแกรมบนคอมเราได้เลย เช่น ถ้าเราจะใช้งาน Skype ก็เลือกกฎ Skype หรือตอนที่เราจะดูวิดีโอ ก็เลือกกฎ Video กฎที่เราเลือกจะถูกปรับความสำคัญเป็น Highest ทันที  และเราสามารถสร้าง QoS เก็บเป็น preset ได้ 2 ชุด ทั้งในส่วนของกฎ และส่วนของการจัดการแบนด์วิทธ์ครับ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ผมเคยลองให้มันทำ QoS กับพอร์ตที่ผมไว้โหลด Bit Torrent พบว่าผมไม่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างอื่นได้เลย เพราะมันกันที่ให้โปรแกรมโหลดบิตหมด ก็ถือว่าโอเคครับ

6.Offline  Torrent Download

เราท์เตอร์ตัวนี้มีฟังก์ชั่นที่ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า “โหลดบิตปิดเครื่อง” มาให้ด้วย แต่มันจะแตกต่างกับฟังก์ชั่นโหลดบิตในเราท์เตอร์หรือ NAS ตัวอื่นแบบฟ้ากับเหวเลย คือจริง ๆ แล้วถ้าเรียกให้ถูกคือ เจ้า Play Max มันสามารถเป็น Offline Downloader ให้แก่โปรแกรม Vuze หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเก่าว่า Azureus นั้นเอง ผมขอข้ามเรื่องโปรแกรม Azureus นะครับ เอาเฉพาะฟังก์ชั่นนี้อย่างเดียวว่ามันทำอะไรได้บ้าง

ตัว Offline Downloader ของ Vuze จะทำหน้าที่โหลดงานบิตที่ค้างอยู่ต่อให้ หลังจากที่เราปิดโปรแกรมไปแล้ว พอเราเปิดโปรแกรมอีกครั้ง โปรแกรมจะทำการโหลดข้อมูลที่มันโหลดกลับมาก่อน เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนแข่งวิ่งผลัดกัน ใครเหนื่อย อีกคนก็มารับช่วงต่อไป ข้อดีของระบบนี้ตามความเห็นผมคือตั้งค่าง่าย เพราะมันไม่มีอะไรให้ตั้งเลย แค่โหลดบิตตามปกติ ปิดเครื่องปุ๊บมันก็โหลดต่อให้ พอเปิดเครื่องมาอีกทีมันก็หยุดโหลด ให้คอมเราโหลดต่อแทน แต่ข้อเสียคือ ความเร็วในการโหลดนั้นช้า – ช้ามาก และมันจะทำเหมือนพวกฟังก์ชั่นโหลดบิตแท้ ๆ ที่มีการปล่อย seed ได้ หรือตั้งค่าลึก ๆ ไม่ได้นั้นเอง

ส่วนวิธีการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ง่ายมาก แค่เราเปิด Vuze ขึ้นมา พอมันหาเราท์เตอร์เราเจอ (อย่าลืมเปิด UPnP สำหรับ Windows XP และ Network Discovery สำหรับ Windows Vista และ 7) ถ้าเราลงโปรแกรมจากแผ่นที่ให้มา จะมีหน้าต่าง Belkin ขึ้นมาสั่งให้เราเสียบไดร์ฟ USB เพื่อเป็นที่เก็บข้อมูลชั่วคราว พอเราเสียบปุ๊บแล้วกด Turn On โปรแกรมจะสร้างโฟลเดอร์ Torrent เอาไว้ในไดร์ฟที่เราเสียบซึ่งห้ามลบเด็ดขาด เพราะมันจะเก็บค่าที่ตัว Offline Downloader ต้องใช้งานครับ หลังจากนั้นก็เรียบร้อย ถ้าใครโหลดบิตตามเว็บในไทยต่าง ๆ อย่าลืมตั้งค่า Option ของ Device ให้มันโหลด Private Torrent ด้วย

ข้อเสียตอนนี้ที่ผมเจอสำหรับฟังก์ชั่นนี้คือ ถ้าเราถอดปลั๊กเราท์เตอร์ หรือกดเอาไดร์ฟออก พอเรามาเปิดครั้งถัดไป ตัว Offline Downloader จะขึ้น offline ตลอด แล้วใช้งานไม่ได้ วิธีแก้คือ ลบโฟลเดอร์ทั้งหมดที่มันโผล่ขึ้นมาในไดร์ฟที่ไม่เกี่ยวกับไฟล์ของเรา ถอดไดร์ฟออกจากเราท์เตอร์ แล้วสั่ง restart เราท์เตอร์ จากนั้นก็ทำการติดตั้งใหม่ ถ้ายังไม่ติดก็ลองทำหลาย ๆ ที ไม่ก็ไปพักทานน้ำ ทำอย่างอื่นไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำใหม่

7. Other features

ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไร เหมือนให้มาเป็นของแถมมากกว่า เช่น SELF HEALING ที่จะคอย restart เราท์เตอร์ทุก 1 สัปดาห์ ตามวันและเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งในความเห็นของผมคือไม่ค่อยมีสาระเท่าไรสำหรับคนที่เป็นคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสร้าง playlist เพลง โปรแกรมหาชื่อเพลง ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าใช้ Genius ของ iTune แทนก็ได้ โปรแกรมสำรองข้อมูล ที่มีความสามารถคล้าย ๆ Time Machine ของ Mac OS X แล้วก็ตัวโปรแกรม Router Monitor ที่เอาไว้ดูไฟสถานะของตัวเครื่องบนแถบ Notification Bar ของ Windows ก็ถือว่าโอเค ดีกว่าที่ผมจะเอนหัวไปมองเราท์เตอร์บนชั้น

8. Durability

ในส่วนของความคงทนนั้น ผมใช้งานเราท์เตอร์โดยไม่มีการปิดเลย และปิดฟังก์ชั่น SELF HEALING เฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์ต่อการปิดเครื่อง 1 ครั้ง ซึ่งพบก็ไม่พบปัญหาในการใช้งานอะไร ความร้อนของตัวเครื่องกับหม้อแปลงก็จัดว่าร้อนเป็นปกติของเราท์เตอร์ที่มีโมเด็มทั่วไป ก็ถือว่าโอเค

Conclusion

Belkin F7D4401 Play Max Wireless Router Review

สำหรับตัว Play Max นั้นจัดได้ว่ามีประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ที่ดี สัญญาณที่ได้จัดอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งก็สอดคล้องกับรีวิวที่ผมไปอ่านใน  CNET ซึ่งรีวิวรุ่นที่เป็น Wireless Router แต่เรื่องเฟิร์มแวร์นั้นบอกตรง ๆ ว่าเวอร์ชั่นที่มากับตัวเราท์เตอร์นั้นห่วยมาก บักเยอะ แต่พอได้อัพเดตเป็นตัวล่าสุด ถือว่าดีขึ้นมาก หลาย ๆ ฟังก์ชั่นทำงานได้นิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ผมแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัพเดตเฟิร์มแวร์ในตัวเครื่อง และโปรแกรมที่ให้มากับตัวเราท์เตอร์เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุดครับ นอกจากนี้บางฟังก์ชั่นต้องอาศัยซอฟต์แวร์ที่มากับเราท์เตอร์ เพื่อตั้งค่าหรือใช้งาน แต่เท่าที่ผมดูก็เริ่มมียี่ห้ออื่นทำตามแล้ว โดยเฉพาะฟังก์ชั่นแชร์เครื่องพิมพ์ USB เช่น ของ D-Link ครับ

โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าเราท์เตอร์ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ใช้ในกลุ่มที่ซื้อเราท์เตอร์ในราคาครึ่งหมื่นทุกคน เพราะผู้ใช้กลุ่มนี้บางส่วน นอกจากต้องการเราท์เตอร์ที่มีความสามารถด้านฮาร์ดแวร์สูงแล้ว ยังต้องการเฟิร์มแวร์ และฟังก์ชั่นเสริมที่สามารถปรับแต่งได้เยอะและลึก ซึ่งตรงนี้ Belkin ไม่สามารถให้ผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ เนื่องจากหลักการออกแบบของ Belkin เองที่ต้องการเน้นการใช้งานง่าย ๆ เป็นหลัก (ถึงแม้ที่ทำไปบางอย่างจะทำให้มันยากขึ้นก็ตาม) สรุปแล้วเราท์เตอร์ Play Max นั้นก็เหมาะกับคนที่ต้องการใช้เราท์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่ต้องการเราท์เตอร์ที่ตั้งค่านู่นนี้ให้มันวุ่นวาย หรือคนที่อยากได้เราท์เตอร์แบบ Dual band N ที่มีโมเด็มในตัว เพราะเนื่องจากที่ของยี่ห้ออื่นที่วางขายกันตอนนี้มักมีแต่รุ่นที่เป็น WLAN เราท์เตอร์เฉย ๆ Belkin Play Max คือคำตอบสำหรับคุณครับ

คำเตือน เนื่องจากธรรมชาติของอุปกรณ์ Network ที่มันจะมีหลายปัจจัยมากระทบต่อการใช้งานหลายอย่าง สิ่งที่เขียนเป็นแค่การสะท้อนการใช้งานของผมกับเราท์เตอร์ตัวนี้เท่านั้นครับ คุณอาจเอาไปใช้แล้ว อาจจะไม่ได้ผลเหมือนผมก็ได้

More info

Belkin Thailand

CNET

3 thoughts on “รีวิว Belkin F7D4401 Play Max Wireless Modem Router

  1. Konkung

    ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
    กำลังจะซื้อพอดี

    Reply
  2. Pingback: รีวิว เราท์เตอร์ Cisco Linksys Smart Wi-Fi Router EA6500 แรงด้วยมาตรฐาน AC1750

Leave a Reply