สวัสดีครับ ผมคิดว่าหลาย ๆ คนมักจะมีปัญหาในการรับสายโทรศัพท์มือถือในรถยนต์ โดยเฉพาะเหล่ามือถือจอสัมผัสทั้งหลายที่คลำหาปุ่มรับสายได้ยากเย็นเหลือเกิน จะใช้โหมดแฮนด์ฟรีของโทรศัพท์ เสียงมันก็เบา ไม่ค่อยได้ยิน จะใช้หูฟังบลูทูธ ก็อาจจะเสียความสามารถในการได้ยิน เนื่องจากมีอะไรมาอุดหูเอาไว้อีก หรือจะแก้ให้ถูกจุดก็คือหาเครื่องเสียงที่รองรับระบบบลูทูธ หรือ option เสริมของรถมาใช้ซะเลย แต่แน่นอนราคาก็แพงหูฉีกอีก วันนี้ RE.-V เราขอเสนอทางออกสำหรับปัญหาเหล่านี้ นั้นคือตัวแฮนด์ฟรีบลูทูธสำหรับใช้งานในรถของ Belkin นั้นเองครับ
แต่เนื่องจากผม AT1987 ไม่มีอุปกรณ์ที่สำคัญมากในการทดสอบ นั่นคือรถยนต์ ผมเลยส่งต่อไปให้ สมาชิกอีกคนของเรา นั้นคือ VineCellar มาช่วยทดสอบและเขียนรีวิวให้ครับ ว่าแล้วตามไปอ่านกันได้เลยครับ
Package
รอบนี้ผมจะรีวิวแค่ส่วนของตัวกล่องสินค้าเท่านั้นครับ ส่วนที่เหลือยกให้ตา VineCellar ทั้งหมด โดยผมจะช่วยแก้ไขและเรียบเรียงให้บางช่วงครับ
ด้านหน้า เจาะโชว์ตัวแฮนด์ฟรีให้เห็นชัดเจน
ด้านหลังอธิบายส่วนต่าง ๆ นั้นคือตัวแฮนด์ฟรี ปลั๊กสำหรับจ่ายไฟ ซึ่งมี USB ไว้สำหรับชาร์จอุปกรณ์ได้ด้วย และปลั๊ก 3.5 มม. สำหรับเสียบช่อง Aux in
ด้านข้างบอกอุปกรณ์ที่รองรับไว้ชัดเจน นั่นคืออุปกรณ์ที่รองรับ A2DP Bluetooth Stereo และเหล่า iDevice ทั้งหลาย
เปิดฝากระดาษมาจะเจอแพ็คพลาสติกใส่ของติดกับกระดาษข้างหลัง มีเขียนบอกให้รีไซเคิลตัวแพ็คสินค้าด้วย
ของที่ให้มามีตัวแฮนด์ฟรีและฐาน (ติดอยู่ข้างใต้ตัวแฮนด์ฟรีด้วยแม่เหล็ก) สายเพิ่มความยาวแบบแจ๊ค 3.5 มม. และคู่มือการใช้งาน
Product
รูปลักษณ์ภายนอกจัดว่าสวยงามมาก การออกแบบเรียบง่ายแต่ยั่วยวนชวนสัมผัส (เบาๆ) ปุ่มดำเงามันปลาบกึ่งกลางพิมพ์ตัวอักษร “Belkin” ขนาดกระทัดรัด มีรูไมโครโฟนหลักของเครื่องด้านบน ล้อมรอบด้วยไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่อซึ่งแสดงได้สองสี คือส้มแสดงถึงไม่มีการเชื่อมต่อ และ น้ำเงิน แสดงถึงมีการเชื่อมต่อ กรอบรอบๆเป็นพลาสติกด้านกลมมน สมกับการออกแบบอุปกรณ์ของค่ายนี้ที่เน้นความเรียบหรู แสดงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ และใช้งานได้จริงครับ
Set up
เสียบอุปกรณ์เข้ากับช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ เพื่อให้ไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 12 V ของรถยนต์แปลงเป็นไฟออกจากพอร์ต USB ขนาดมาตรฐาน กำลังไฟ 2.1 Amp พลังสูง ชาร์จได้ไม่เว้นแม้แต่ยอด Handheld จอมกินไฟ iPad และจ่ายไฟส่งตรงสู่เจ้าปุ่มหรรษาของเรา AirCast Auto HandsFree
หลังจากติดตั้งตัวแปลงไฟฟ้าเข้ากับช่องจุดบุหรี่รถยนต์แล้ว กาวสองหน้าติดตั้งกับแผ่นแม่เหล็กแรงสูงก็ได้เวลาทำงานของมัน แต่เนื่องจากทางทีมงานไม่ต้องการให้คอนโซลรถวิออสต้องเป็นคราบกาว จึงดัดแปลงใช้ขายึดขวดน้ำหอม Glade Sport ซึ่งเป็นโลหะ แผ่นแม่เหล็กแรงสูงสามารยึดเกาะได้เป็นอย่างดี เสียบปลั๊ก 3.5 มม. เข้ากับช่อง Aux in ของเครื่องเสียงรถยนต์ เท่านี้การติดตั้งก็เสร็จสมบูรณ์ ถ้าสายยาวไม่พอก็มีสายเพิ่มความยาวมาให้ด้วย จะใช้ก็ต้องหาที่ม้วนเก็บสายให้เรียบร้อย ไม่งั้นสายจะพันระโยงระยางเต็มคอนโซล
สำหรับการเชื่อมต่อนั้น เริ่มต้นด้วยไฟแสดงสีส้มติดนิ่ง กดปุ่มตรงกลางค้างไว้จนกว่าไฟสีส้มจะกระพริบ เข้าสู่โหมด Discoverable มีสัญญาณเสียงออกทางลำโพงเป็นห้วงๆบอกว่ากำลังเข้าสู่โหมดค้นหา(เสียงสัญญาณไฮโซมาก ประมาณสัญญาณเตือนเข้าใกล้สิ่งกีดขวางเวลาถอยของรถราคาแพงๆ) จากนั้นใช้อุปกรณ์ที่จะนำมาเชื่อมต่อด้วยค้นหาอุปกรณ์ Bluetooth เหมือนปกติ จะเจออุปกรณ์ชื่อ AirCast Auto ให้เลือกตัว AirCast Auto รอจนขึ้น Connected และจะมีเสียงสัญญาณดังยาว 1 ครั้งออกทางลำโพงรถยนต์ เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ
Performance
ในการใช้งานนั้น ได้ทดสอบกับ iPhone 4, hTC Legend และ Blackberry Curve 8520 พบว่าการเชื่อมต่อนั้นทำได้ง่ายและรวดเร็ว และหากต้องการ sync อุปกรณ์ตัวใหม่ ให้ถอดตัวแปลงไฟรถยนต์ออกเพื่อรีเซ็ตตัว AirCast แล้วเข้าโหมด Discoverable เพื่อทำการเชื่อมต่อใหม่
สัญญาณเสียงเพลง หรือเสียงพูดไม่ขาดหาย แถมระยะยังได้ไกลจากตัวรถออกไปถึง 3 เมตรหรือมากกว่า เสียงเพลงที่ได้มีคุณภาพสูงแทบไม่ต่างกับการต่อสาย dock iPhone เข้าช่อง USB ของฟรอนต์ Pioneer DEH3350UB เลยครับ โดยแนะนำให้เร่ง volume ของอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อด้วยให้สุดเพื่อคุณภาพเสียงที่ดี
การใช้งานเป็น Hand Free ค่อนข้างดี เสียงของคู่สนทนาออกลำโพงรถยนต์มีความชัดเจนมาก แต่เท่าที่ใช้งาน พบว่ามีปัญหาคู่สนทนาได้รับเสียงรบกวนจากเสียงเครื่องยนต์ เสียงแอร์ และเสียงรอบๆ ถึงขั้นฟังไม่รู้เรื่องหากติดไว้ใกล้ช่องแอร์ การติดตั้งไว้เหนือช่องแอร์จะไม่เหมาะเวลาคุยโทรศัพท์ เมื่อจะรับโทรศัพท์ต้องแกะออกจากช่องแอร์ก่อน หากติดตั้งตำแหน่งอื่นๆใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาเสียงหอน หรือเสียงก้อง
Conclusion
จุดที่ผมชอบมากของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือเมื่อ Sync กับอุปกรณ์คร้้้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปหากเข้ามาในรถ เพียงเข้าโหมด Aux in (ย้ำว่าต้องต่อสาย Jack 3.5 mm ช่อง Aux และเข้า Mode Aux in มิฉะนั้นจะไม่สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth กับโทรศัพท์ได้ทุกกรณี) และกดปุ่มเพียงครั้งเดียว คุณก็สามารถฟังเพลงได้ทันที ไม่ต้องเอาออกจากกระเป๋า แล้วต่อสาย USB อีกต่อไป การรับโทรศัพท์ก็เช่นกัน เพียงสัมผัสครั้งเดียวเท่านั้น สมกับชนิดอุปกรณ์ Hand free จริงๆครับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถที่ซ่อนช่อง USB ไว้ลึกๆ และเปลี่ยน Front เครื่องเสียงรถยนต์ เป็นแบบมี Bluetooth ได้ยาก เช่นเพราะฝังมากับ Console รถยนต์เลย จุดที่ไม่ชอบคือความยาวสายที่ไม่แมทช์กับรถทุกคัน (อย่างน้อยก็รถผม) และไม่มีระบบม้วนเก็บสายหากจำเป็นต้องใช้สายต่อ Extension
หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลงคุณภาพสูงจากเครื่องเสียงชั้นเลิศยามขับรถ และการสื่อสารที่ชัดเจนไม่ขาดตอน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่เป็นเรื่องสำคัญ อุปกรณ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าผลิตมาเพื่อคุณเท่านั้นก็ว่าได้ครับ เนื่องจากมันจะลดขั้นตอนยุ่งยากของการเชื่อมต่อเครื่องเสียงรถยนต์เข้ากับ อุปกรณ์โทรศัพท์ของคุณ หรือขั้นตอนการรับสายเมื่อสายเข้าอุปกรณ์โทรศัพท์ของคุณ เหลือเพียงแค่สัมผัสเดียวเท่านั้น เพิ่มเวลามากมายให้คุณเอาใจใส่กับสิ่งที่สำคัญที่สุดยามขับขี่ นั่นคือท้องถนน และการจราจร ลดภาระของมือทั้งสองของคุณให้เหลือเพียงคันเกียร์ และพวงมาลัยเท่านั้นครับ
ราคาเท่าไหร่เหรอครับ
คุ้น ๆ ว่าประมาณ 2000 ปลาย ๆ ครับ
Pingback: โปรโมชั่นเคสและอุปกรณ์เสริม iPad 2 จาก Belkin « RE.V –>
เห็นพี่ใช้ pioneer 3350ub เวลาต่อ iphone 4 เข้าช่อง usb แล้วหน้าจอใน iphone ไม่สามารถ เลือกเพลงได้เลยคับ ระบบเป็นอย่างนี้หรือเปล่าคับ
ตอบช้าไปหน่อยพอดีเพิ่่งเห็น ลองกดเบอร์ 4 ดูครับ สลับ3 โหมด ได้แก่ โหมด CTRL Audio (default ซึ่งกดอะไรไม่ได้เลยที่ตัว iPhone)/ CTRL iPod บังคับ App music ได้/ CTRL App บังคับได้ทุก App เสียงจะออกเหมือนต่อสายหูฟัง)
ตอนเล่นเพลงจาก iPhone อยู่ แล้วหน้าจอขึ้นเป็น Attach device ให้กดเลข 4 บนเครื่อง pioneer แล้วหน้าจอจะเด้งกลับมาเป็นปกติ คือ Mode control ipod ครับ
เพิ่มเติมนิดครับ ถ้าไม่เคยเสียบ iPod iPhone เครื่องนั้นๆมาก่อน และไลบราลี่ใหญ่ เพลงเยอะ ต้องเสียบแล้วทิ้งไว้ในโหมด Attach device (control โดย ฟร้อนต์) ทิ้งไว้ซักพักใหญ่ๆ ให้มันรู้จักไลบราลี่ก่อนครับ ไม่งั้นกดไปโหมดไหนมันก็จะขึ้น Error9 ตลอด แก้โดยถอด USB เปิดเครื่องฟร้อน แล้วเสียบใหม่ จากนั้นใจร่มๆครับชับรถไม่มีีเพลงฟังไปก่อนซักพักใหญ่ แล้วค่อยๆลองฟังเพลงโหมดเดิมดู ถ้าฟังได้ค่อยกดเลข 4 เป็น Mode control โดย iPod ครับ
พอทราบมั้ยครับว่าหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ