พอดีอาทิตย์ที่แล้ว ทาง Western Digital ได้เชิญเหล่าบล็อกเกอร์มาร่วมงานแนะนำสินค้าในกลุ่ม WD My Cloud ซึ่งวางจำหน่ายมาได้สักพักใหญ่แล้ว ซึ่งผมเองก็เห็นว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจ เลยไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมมาฝากกัน
ถ้าใครติดตามสินค้าจากทาง WD มาโดยตลอด จะสังเกตว่าทาง WD เองได้ออกสินค้าจำพวก NAS หรือฮาร์ดไดร์ฟที่ต่อเข้ากับเครือข่ายในบ้าน ที่เราสามารถดึงไฟล์เวลาอยู่นอกบ้านได้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะมีบริการ Cloud storage เหมือนในปัจจุบันเสียอีก
เพียงแต่ว่าในช่วงหลังมานี้ การใช้งาน Cloud storage ได้รับความนิยมมากขึ้น WD เองก็ปรับปรุงสินค้าในกลุ่มนี้ออกมาให้ทันสมัย ใช้งานได้ง่ายขึ้น เหมือนดั่งเรามี Cloud storage ส่วนตัว จนในที่สุดก็มาเป็นฮาร์ดไดร์ฟในตระกูล My Cloud ครับ
สำหรับจุดที่ทาง WD เน้นมาก ๆ เกี่ยวกับ Cloud storage ที่ใช้งานกับผู้ให้บริการต่าง ๆ คือ เราไม่ได้มีความเป็นเจ้าของในพื้นที่จัดเก็บที่เราได้มาฟรีหรือจ่ายเงินเช่ามาใช้งานเลย ซึ่งจุดนี้ทำให้เราไม่มีทางรู้เลยว่าข้อมูลที่เราเอาไปฝากบนนั้น จะถูกใครมาแอบดูหรือแอบดึงไฟล์ไปโดยที่เราไม่รู้หรือไม่
แต่ตัว My Cloud เองนั้น เป็นฮาร์ดไดร์ฟที่เราจ่ายเงินซื้อมาเป็นเจ้าของเอง ต่อกับเครือข่ายของเราเอง ซึ่งทำให้เรามีสิทธิ์ควบคุมได้มากกว่า แถมราคาต่อความจุนั้นยังถูกกว่าการเช่าพื้นที่จากผู้ให้บริการ Cloud storage อื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม WD เองก็ไม่ได้มองว่าผู้ให้บริการนั้นเป็นคู่แข่ง เพราะ My Cloud นั้นสามารถใช้งานร่วมกับบริการเหล่านี้ได้
ทางฝั่งของแอพเอง ทาง WD ได้ออกแอพสำหรับอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ ที่สามารถบันทึกข้อมูลลงใน My Cloud แชร์ข้อมูลใน My Cloud ให้คนอื่น ย้ายข้อมูลระหว่าง My Cloud ด้วยกันเองหรือบริการ Cloud storage อื่น ๆ และสามารถสตรีมรูปหรือวิดีโอที่เราเก็บเอาไว้ได้ด้วย
ในงานก็ได้มีการนำเอาสินค้าในกลุ่ม WD My Cloud ทั้ง 4 รุ่นมาจัดแสดงด้วย
สำหรับน้องเล็กสุดในกลุ่มคือ My Cloud แบบฮาร์ดไดร์ฟลูกเดียว ซึ่งตัวเครื่องมาพร้อมกับหน่วยประมวลแบบ Dual-Core และเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Gigabit LAN
นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB 3.0 สำหรับต่อกับฮาร์ดไดร์ฟภายนอก เพื่อเพิ่มความจุได้อย่างง่าย ๆ อีกด้วย โดย WD My Cloud ทุกรุ่นสามารถรองรับการต่อไดร์ฟภายนอกได้สูงสุดถึง 7 ตัวด้วยกัน
My Cloud Mirror มาพร้อมกับฮาร์ดไดร์ฟ 2 ลูก สามารถถอดเปลี่ยนได้เอง หน่วยประมวลผลความเร็ว 1.2 GHz และ RAM ขนาด 512 MB สามารถทำ RAID 0 หรือ 1 ได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเป็น File Server แบบต่าง ๆ และโหลดแอพเพิ่มความสามารถได้ด้วย
สำหรับ My Cloud แบบใส่ฮาร์ดไดร์ฟได้ 2 ลูกอีกรุ่น คือ My Cloud EX2 ซึ่งทำมาจับในกลุ่มผู้ใช้โปรซูเมอร์และ SMB ซึ่งความสามารถที่เพิ่มเติมจาก My Cloud Mirror คือ รองรับการสร้างผู้ใช้และกำหนดโควต้า รองรับ iSCSI ทำ Cloud backup ได้ ฯลฯ และไดร์ฟที่ใส่มาให้จะเป็น WD Red ที่ออกแบบสำหรับใช้งานกับ NAS โดยเฉพาะ
ด้านหลังของทั้ง My Cloud Mirror และ EX2 จะเหมือนกัน คือมีพอร์ต Gigabit LAN และ USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต
สำหรับพี่ใหญ่ My Cloud EX4 นั้นจะมีความสามารถต่าง ๆ เหมือนกับรุ่น EX2 แต่ใช้หน่วยประมวลผลความเร็ว 2.0 GHz และสามารถใส่ฮาร์ดไดร์ฟได้ถึง 4 ลูก และสามารถทำ RAID 5 ได้
ในกรณีที่ฮาร์ดไดร์ฟมีปัญหา เราสามารถทำ hot swap ดึงเอาฮาร์ดไดร์ฟลูกที่เสียออกมา แล้วใส่ลูกใหม่เข้าไปได้เลย
จุดเด่นอีกอย่างของ My Cloud EX4 คือการมีแจ็คต่อกับ Power supply และพอร์ต Gigabit LAN ถึงสองชุด เพื่อป้องกันในกรณีที่หม้อแปลงไฟเสีย หรือเครือข่ายที่ต่ออยู่ล่ม ก็สามารถย้ายไปใช้ PSU หรือเครือข่ายที่ต่อสำรองไว้ได้เลย
Q & A
สินค้าในกลุ่ม WD My Cloud มีปัญหา Heart Bleed หรือไม่
WD My Cloud เข้ารหัส 128 บิตในการเชื่อมต่อ ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และสินค้าของเราทุกตัวไม่ได้รับผลจากปัญหา Heart Bleed
My Cloud EX4 ต่างกับ Sentinel DX4000 ที่เป็น NAS ในกลุ่มธุรกิจอย่างไรบ้าง
ในส่วนของตัวถังนั้นเหมือนกัน แต่หน้าตาไม่เหมือนกัน และ Sentinel ใช้หน่วยประมวลผล Intel Atom ระบบปฏิบัติการ Windows Server ฮาร์ดไดรฟ์ WD Re ซึ่งเป็นฮาร์ดไดร์ฟเกรดสำหรับ Data center และรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 25 คน
ในขณะที่ My Cloud นั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ฮาร์ดไดร์ฟตระกูล WD Red และรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดเพียง 10 คนเท่านั้น
ใน My Cloud รุ่นที่สามารถถอดฮาร์ดไดร์ฟเปลี่ยนเองได้ สามารถเคลมฮาร์ดไดร์ฟแยกจากตัว NAS ได้หรือไม่
สามารถทำได้ แต่การรับประกันนั้นจะยึดตามตัว NAS คือ 2 ปี โดยทางศูนย์สามารถเช็คได้ว่าฮาร์ดไดร์ฟที่เอามาเคลม เป็นฮาร์ดไดร์ฟที่ขายแยกเดี่ยว ๆ หรือมากับ NAS ได้จากเลขซ๊เรียล
จะมี Power supply หรือพัดลมระบายความร้อน (สำหรับ My Cloud EX4) ขายแยกไหม
ในต่างประเทศ ผู้ใช้สามารถซื้อ PSU ใหม่จากศูนย์บริการได้ ซึ่งศูนย์ในเมืองไทยก็น่าจะทำได้เช่นกัน ส่วนเรื่องของพัดลมระบายความร้อนสำหรับ My Cloud EX4 นั้น ไม่ใช่ชิ้นส่วนที่ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ จึงไม่มีอะไหล่ขายแยกเหมือนยี่ห้ออื่น
สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับ NAS ขนาดใหญ่ ๆ หรืออุปกรณ์ในงานธุรกิจ โดยปกติแล้วสิ่งที่มักจะมีปัญหาทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถทำงานตลอดเวลาได้คือ PSU เสีย เครือข่ายล่ม และพัดลมเสีย ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้สามารถถอดเปลี่ยนหรือสลับไปใช้งานตัวอื่นได้ง่าย ๆ และมีอะไหล่ขายแยก เพื่อให้เราสามารถซื้อสำรองเก็บไว้ได้ครับ
สรุปแล้ว WD My Cloud ดูเป็นกลุ่มสินค้าที่น่าใช้ดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่มีไฟล์เป็นจำนวนมาก ๆ อย่างไรก็ตามในส่วนความสามารถการเป็น Cloud Storage ส่วนตัวนั้น ยังมีข้อจำกัดที่ความเร็วอินเตอร์เน็ตของบ้านเรานั้น บางบริเวณยังไม่เร็วพอที่จะถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ได้อยู่เหมือนกัน ใครที่จะซื้อ WD My Cloud มาใช้งานความสามารถนี้โดยเฉพาะ อาจจะต้องคิดถึงในเรื่องนี้ด้วยครับ
ถ้า ตัว my cloud mirror เสีย harddisk ทั้งสองลูกจะมีทางดึงข้อมูลขึ้นอย่างไร
ผมเข้าใจว่าแกะเอา HDD ไปใส่ในกล่อง my cloud mirror ตัวใหม่ หรือไปต่อเป็น raid เหมือนที่เซ็ตไว้ในกล่อง น่าจะเข้าไปดึงไฟล์ได้นะครับ