ลองฟังหูฟัง Sony XBA เมื่อ Sony เข้ามาตีตลาดหูทองจริง ๆ จัง ๆ

First Impression

ก่อนที่จะไปเจาะดูตัวหูฟังแต่ละรุ่น ขอเกริ่นเกี่ยวกับฟีเจอร์ทั่ว ๆ ไปที่จะมีในทุกรุ่นก่อน

Sony Experience Balanced Armature

ปลั๊กที่มากับหูฟังจะเป็นแบบตัว L ชุบทอง สายแบบป้องกันการพันกัน ถอดไม่ได้ ความยาวสำหรับที่ขายในไทยคือ 1.2 เมตร แต่ถ้าเป็นรุ่นขายในญี่ปุ่น รหัสย่อย SL สายจะยาวแค่ 0.6 เมตร แต่จะมี extension cord ยาว 0.9 เมตรให้ และไม่มีรุ่นสายยาว 1.2 เมตรขาย

Sony Experience Balanced Armature

ตัวสายจะเป็นแบบใส่วนหลังหัวมานะครับ คือสายฝั่งซ้ายจะสั้นกว่าฝั่งขวานั้นเอง (ใครมีอายุที่ทันยุค Walkman แบบเทปหรือซีดีหน่อยน่าจะคุ้น ๆ)

สำหรับใครกลัวเรื่องสายขาดใน คุณโกจิแจ้งว่า ตัวสายได้รับการทดสอบด้วยน้ำหนัก 10 กก. และทดสอบการหักงอแบบโหด ๆ โดยรวมสายจะทนกว่าหูฟังยี่ห้ออื่นครับ แกยังแซวว่ากว่าสายจะพัง ตัวขับอาจจะไปก่อนก็ได้ (สำหรับตัวขับ BA ส่วนมากจะเสียเนื่องจากตัว armature จะไปบีบแม่เหล็กแตก แต่นั้นก็เมื่อตอนเวลาใช้งานไปนานมาก ๆ แล้ว)

Sony Experience Balanced Armature

ตัวปลายหูฟังมีการซีลกันขี้หูไว้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาคอยทำความสะอาดในรูหูฟังกันให้เสียวเล่น ในรุ่นสำหรับการออกกำลังกายจะเป็นซีลกันน้ำตามที่เขียนไปหน้าที่แล้ว

Sony Experience Balanced Armature

ในรุ่นย่อย iP จะมีรีโมทและไมค์สำหรับใช้กับ iDevice ของ Apple และสายหูฟังทั้งสองข้างจะเท่ากัน

ต่อไปเป็นการลองฟังหูฟัง ซึ่งผมก็ขอทางทีมงานมาลองที่ iPod nano ของผมแทนเพลงที่เขาเตรียมไว้ให้ ซึ่งผมจะฟังคู่นึงประมาณ 10 นาที อาจจะไม่เป๊ะมากนัก ไว้ผมถ้าผมขอหูฟังมารีวิวได้ จะมารีวิวจริง ๆ จัง ๆ อีกที อันนี้อ่านไว้เป็นแนวทางก่อน

XBA-1

Sony Experience Balanced Armature

เริ่มต้นการลองฟังด้วยน้องนุชสุดท้อง XBA-1 ที่มีตัวขับแบบ All Range 1 ตัว เสียงที่ได้ใกล้เคียงกันกับ UE super.fi 3 studio ที่ผมใช้เป็นประจำอยู่มาก อาจะเป็นเพราะใช้ตัวขับแบบ BA เหมือนกัน แต่ XBA-1 จะมีเบสและแหลมเยอะกว่านิดนึง และไม่แฟลตมากเท่า super.fi 3 ทำให้ฟังเพลงสนุกกว่า

XBA-2

Sony Experience Balanced Armature

XBA-2 จะเป็นหูฟังที่เพิ่มตัวขับแบบ Woofer  (สังเกตตรงสันของหูฟังจะมีจุดทองเล็ก ๆ นั้นคือจุดบอกตำแหน่งการวางตัวขับของแต่ละรุ่นครับ) ทำให้เสียงต่ำออกมาดีขึ้น ตอนแรกผมนึกว่าเสียงจะออกมาเหมือน XBA-1 แต่เบสเยอะกว่า แต่ไม่ใช่ เสียงโดยรวมดูสงบเสงี่ยมกว่า XBA-1 หน่อย ดูแฟลตและมีมิติขึ้น คล้าย UE triple.fi 10 แต่แห้งกว่าหน่อย ส่วนเบสที่ออกนั้นไม่ได้ออกเยอะตูมตาม ดูม ๆ แบบ Beats by Dr.Dre แต่จะออกในแนวลงรายละเอียดได้ลึกขึ้นมากกว่า

XBA-3

Sony Experience Balanced Armature

XBA-3 จะเพิ่มตัวขับ Treble เพื่อช่วยในการขับเสียงย่านเสียงแหลม จากการฟังช่วงเสียงเบสกับกลางก็จะคล้าย ๆ กับ XBA-2 แต่ช่วงแหลมที่เพิ่มเข้ามาผมว่าแหลมไปหน่อย นอกจากนี้ XBA-3 ยังขับเสียงที่เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ในเพลง เช่น พวก synth ที่เล่นเป็นจังหวะเบา ๆ อะไรแบบนี้ออกมาชัดเจนมาก อีกอย่างที่ขอชมคือทำตัวหูฟังได้ค่อยข้างกะทัดรัดกว่าหูฟัง 3 ตัวขับของเจ้าอื่น

XBA-4

Sony Experience Balanced Armature

มาถึงรุ่นท็อปสุดของทาง Sony ที่จะนำไปใช้ฟาดฟันกับหูฟังเรือธงของเจ้าอื่น ในหูฟังประกอบด้วยตัวขับ 4 ตัว โดยจะเพิ่ม Super Woofer เข้ามาอีกตัว ทำให้เสียงต่ำขับออกมาได้ดีขึ้นอีก สำหรับตัวนี้ พอผมฟังปุ๊บ ต้องรีบวาง เพราะถ้าไม่วางอาจจะเสียเงินได้ คือเสียงของ XBA-4 จะคล้าย UE super.fi 3 ที่ผมฟังมาก แต่เสียงแต่ละย่านนั้นมันถูกรวมเข้ากันจนกลมกล่อม เบสลึก แหลมไม่คมเหมือน XBA-3 การแยกรายละเอียดและมิติออกมาดีมากสมเป็นรุ่นเรือธง ขอเสียอย่างเดียวคือตัวใหญ่มาก

ถ้าเทียบกับเรือธงของค่ายอื่นอย่าง triple.fi 10 ผมว่าดีเท่า ๆ กัน แฟลตพอกัน แต่บุคลิกจะคนละอย่าง triple.fi 10 จะดูสงบเสงียมกว่า เพราะเน้นเป็น monitor สำหรับโปร แต่ XBA-4 จะเหมาะแก่การฟังเพลงมากกว่า

XBA-S65

Sony Experience Balanced Armature

ตัวนี้จะเป็นตัวหูฟังที่ออกแบบมาไว้สำหรับใส่ออกกำลังกาย ใช้ตัวขับ All Range 1 ตัว ตัวนี้ผมไม่ได้ลองเสียง แต่คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับ XBA-1 เพราะตัวขับเดียวกัน

Sony Experience Balanced Armature

ความพิเศษของตัวนี้คือที่คล้องหูปรับขนาดได้และกันน้ำ ในงานก็มีการเอาหูฟังจุ่มน้ำแล้วเอาขึ้นมาเสียบฟังด้วย รุ่นนี้จะมีให้เลือกสองสีนะครับ คือดำกับขาว

XBA-BT75

Sony Experience Balanced Armature

ตัวนี้เป็นหูฟังไร้สายแบบบลูทูธ ใช้ตัวขับ All Range เช่นเดียวกับ XBA-1 มีไมค์ตัดเสียงรบกวน รีโมทปรับเสียง และปุ่มกดสำหรับรับสายและควบคุมการเล่นเพลง แบตเตอรี่ Li-ion จะฝังอยู่ที่ตัวหูฟังทั้งสองข้าง ใช้งานต่อเนื่องได้ 3.5 ชม.  นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเคสแบตเตอรี่ที่ช่วยชาร์จไฟตอนเอาหูฟังใส่กล่องอีกด้วย

XBA-NC85D

Sony Experience Balanced Armature

หูฟังตัวสุดท้ายในซีรีย์ XBA เป็นหูฟังแบบ Active Noise Cancelling แบบดิจิตอล คือ ตัวหูฟังจะฟังเสียงรบกวนจากข้างนอกแล้วทำการสร้างเสียงเข้ามาหักล้างกับเสียงรบกวนนั้น ซึ่งทาง Sony ทำการรวมเอาวงจรตัดเสียง และแบตเตอรี่แบบ Ni-mh รวมเข้าไปไว้ในตัวหูฟังเลย ตัวนี้ใช้ตัวขับ All Range เช่นเดียวกับ XBA-1

Q & A

ต่อไปอันนี้เป็นสิ่งที่ผมถามกับทางทีมวิศวกรของ Sony ผมขอคัดอันที่น่าสนใจและเขียนได้มาให้อ่านกัน

แผนกคุณโกจินั้นพัฒนา Walkman ด้วยใช่ไหม (ผมถามข้อนี้เพราะเนื่องจากได้ยินแว๊บ ๆ ว่าแกทำ Walkman ด้วย)

แผนกคุณโกจิมีส่วนร่วมในการพัฒนา Walkman ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหูฟัง ซอฟต์แวร์ และการประมวลเสียงต่าง ๆ เช่น การตัดเสียงรบกวน ซอฟต์แวร์ของการเชื่อมต่อบลูทูธ ถ้าเป็นการพัฒนาโดยตรงก็จะเป็น Walkman รุ่น NWZ-W252 ที่เป็น Walkman ทรงหูฟังเลย

Sony มีแผนที่จะนำตัวขับ BA ไปใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แผนกโทรศัพท์มือถือ หรือ PlayStation ไหม

ปกติแล้ว การพัฒนาพวกอุปกรณ์เสริมจะเป็นแผนกใครแผนกมันทำ โดยเฉพาะกับแผนกโทรศัพท์ที่เมื่อก่อนเป็นของ SonyEricsson แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกัน เพราะจะตอนนี้แผนกนี้เข้ามารวมกับ Sony แล้ว ส่วนแผนก Walkman นั้นมีความเป็นไปได้มากกว่า

มีแผนจะออกรุ่นที่สูงกว่ากว่านี้ไหม แบบรุ่น MDR-EX1000

ไม่มี (หว่าแย่จัง)

Conclusion

Sony Experience Balanced Armature

หลังจากที่เรารับรู้ความเทพของหูฟังซีรีย์ XBA ไปแล้ว ก็มาดูราคากันว่ามันจะเทพตามไหม ซึ่งผมขอบอกว่านี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ Sony ขายของถูกกว่าชาวบ้านเขาแบบไม่มีโปรโมชั่นอะไรสักที นอกจากนี้บางรุ่นยังราคาถูกกว่าที่ขายในญี่ปุ่นด้วย

  • XBA-1 ราคา 1,790 บาท (5,500 เยน ~ 2,200 บาท)
  • XBA-1iP ราคา 2,290 บาท (6,980 เยน ~ 2,800 บาท)
  • XBA-2 ราคา 3,390 บาท (13,200 เยน ~ 5,300 บาท)
  • XBA-2iP ราคา 3,990 บาท (15,800 เยน ~ 6,300 บาท)
  • XBA-3 ราคา 5,990 บาท (19,800 เยน ~ 7,900 บาท)
  • XBA-3iP ราคา 6,490 บาท (20,800 เยน ~ 8,300 บาท)
  • XBA-4 ราคา 8,990 บาท (22,200 เยน ~ 8,890 บาท)
  • XBA-4iP ราคา 8,990 บาท (25,800 เยน ~ 10,300 บาท)
  • XBA-S65 ราคา 1,790 บาท (6,850 เยน ~ 2,700 บาท)
  • XBA-BT75 ราคา 7,990 บาท (18,400 เยน ~ 7,400 บาท)
  • XBA-NC85D ราคา 9,990 บาท (30,900 เยน ~ 12,300 บาท)

ยี่ห้ออื่น ๆ ในตลาดจะมีราคาเริ่มต้นแถว ๆ 2,500 บาท ไล่ไปถึง 15,000 บาท ซึ่งดูจากราคาแล้ว ท่าทาง Sony คงจะสู้ยิบตากับยี่ห้อเจ้าตลาดอย่าง Shure ที่ก็ได้อัพเกรดไลน์สินค้าของตัวเองไปเมื่อปีที่แล้ว มีฟีเจอร์ทุกอย่างที่เหล่านักเล่นหูฟังอยากได้ Logitech – Ulitmate Ears ที่อัพเกรดไลน์สินค้าเหมือนกัน (โดยการเอาของดีสมัยเจ้าของคนเก่าออก) แต่เอาของเข้ามาช้ามาก ๆ ตอนนี้มีแต่รุ่นล่าง ๆ ขายกับพวกของตกรุ่นสมัยก่อนอัพเกรดไลน์สินค้า สำหรับคนที่สนใจจะมาทาง Sony ผมแนะนำแบบนี้

  • XBA-1 และ XBA-2 เนื่องจากสองรุ่นนี้เสียงใกล้เคียงกันแต่คนละบุคลิก ถ้าอยากฟังเพลงสนุก ๆ หน่อยก็ไป XBA-1 ชอบแฟลตก็ไป XBA-2
  • XBA-3 ใครอยากลองว่าหูฟังราคาสูง ๆ เฉียด ๆ หมื่นเป็นอย่างไร ตัวนี้ก็น่าลองในราคาที่ย่อมเยา
  • XBA-4 ใครจะไปถอย Shure รุ่นตัวขับ 4 ตัว ลองแวะมาดูตัวนี้เป็นทางเลือก ถ้าไม่สนใจว่าต้องเปลี่ยนสายได้ ตัวนี้ก็น่าสนใจและไม่แพงมาก

Sony Experience Balanced Armature

โดยรวมแล้ว Sony กลับมาโฟกัสด้านหูฟังรอบนี้ ก็ได้เอาเทคโนโลยีตัวขับที่อยู่ในหูฟังราคาแพง ๆ มาทำราคาให้เข้าถึงผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปได้ลิ้มลองความเทพกันได้มากขึ้น แต่อย่างไรงานนี้คงต้องไปลองฟังกันเองว่ามันจะเทพจริงไหม และสำหรับหูฟัง XBA ทั้งหมด ผมคาดว่าคงจะวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ ใครสนใจก็เตรียมหยอดกระปุกได้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง Sony Thai ที่ให้โอกาสเข้าร่วมงานและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในวันนี้ครับ

More info

Sony

ปล. เนื่องจากทาง Sony ให้ของขวัญผมมาเป็นหูฟังรุ่น XBA-1 ก็รอเตรียมรออ่านรีวิวกันได้เร็ว ๆ นี้ครับ

3 thoughts on “ลองฟังหูฟัง Sony XBA เมื่อ Sony เข้ามาตีตลาดหูทองจริง ๆ จัง ๆ

  1. Pingback: รีวิว หูฟัง Sony XBA-1 สามัญชนก็ลิ้มลองรสเทพได้

  2. Pingback: ลองจับ WALKMAN ZX1 และหูฟัง XBA-H3 ในงานเปิดตัวสินค้า Hi-Res Audio ของ Sony

  3. Pingback: รีวิว หูฟัง Sony XBA-Z5 สัมผัสบรรยากาศของเสียงดนตรีในหูฟังแบบ In-ear | RE.V –>

Leave a Reply