ตอนนี้กระแสบริการจักรยานเช่าผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนนั้น กำลังเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่กระแสดังกล่าวได้ฮิตติดลมบนและมีการแข่งขันอย่างดุเดือดไปแล้วในประเทศใหญ่ ๆ อย่างจีน
วันนี้ RE.V-> จะมาลองเช่าจักรยานของ ofo ผู้ให้บริการจักรยานเช่าชื่อดังจากจีน ที่ตอนนี้ได้เริ่มให้บริการในหลาย ๆ ที่ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่เราได้มีโอกาสใช้บริการครับ
ก่อนที่ผมจะใช้บริการ ofo นั้น ผมทราบมาว่าบริการ Bike Sharing พวกนี้จะกำหนดให้เรานำจักรยานมาจอดคืนในจุดจอดที่เขาระบุไว้ ทำให้ผมกังวลนิดหน่อย แต่พอได้อ่านป้ายข้อมูลที่เขาติดจักรยานเอาไว้ ก็เลยสบายใจ เพราะทาง ofo และมหาวิทยาลัยกำหนดให้จอดจักรยานที่ไหนก็ได้ที่เป็นบริเวณที่เหมาะสม
หลังจากที่ผมโหลดแอพของ ofo มาแล้ว ก็ต้องสมัครบัญชีใช้งานเสียก่อน โดยใช้ข้อมูลเพียงอีเมลและเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานแอพอยู่เท่านั้น ซึ่งในขั้นตอนสมัคร ofo จะส่งรหัสยืนยันมาทาง SMS ให้เรากรอกในแอพ ซึ่งเมื่อเราสมัครเสร็จแล้ว เราก็สามารถใช้บริการของ ofo ได้ทันที
สำหรับการใช้งานนั้น เมื่อเราเปิดแอพ ofo ขึ้นมา จะปรากฏแผนที่ตำแหน่งของจักรยาน ofo ทุกคันในบริเวณที่เราอยู่ เราสามารถเลือกจักรยานที่เราต้องการจากแผนที่นี้ แล้วแอพจะแสดงเส้นทางเดินไปยังจักรยานคันนั้น พร้อมคำนวณเวลาเดิน และค่าเช่าของจักรยานให้เราทราบ ซึ่งพอดีช่วงที่ผมไป เขามีโปรโมชั่นฟรีค่าเช่า แต่เราสามารถใช้จักรยานได้ครั้งละครึ่งชั่วโมง
เมื่อเราเดินมาถึงจักรยานที่จอดอยู่แล้ว เราสามารถที่จะตรวจเช็คสภาพจักรยานก่อนที่จะเช่าได้ หากจักรยานมีปัญหา เราสามารถกดไอคอนรูปประแจเพื่อแจ้งซ่อมจักรยานคันดังกล่าวได้
หากเราโอเคกับจักรยานคันดังกล่าวแล้ว ให้เรากด Unlock ที่แอพ แล้วเล็งกล้องของโทรศัพท์ไปที่ QR Code บริเวณตัวล็อคหรือบังโคลนท้ายจักรยานเพื่อทำการปลดล็อคจักรยาน หากเราไม่สามารถสแกน QR Code ได้ ก็สามารถกรอกรหัสของจักรยานคันที่จะเช่าลงไปแทนได้
จากนั้นโทรศัพท์ของเราจะเชื่อมต่อกับจักรยานผ่าน Bluetooth เพื่อทำการปลดล็อคจักรยาน หากโทรศัพท์เราไม่สามารถปลดล็อคจักรยานได้ แอพจะให้รหัสปลดล็อคไปป้อนที่ตัวล็อคของจักรยานแทน
เมื่อการปลดล็อคสำเร็จ จักรยานจะส่งสัญญาณเสียงและปลดล็อคล้อหลังให้ ตอนนี้จักรยานก็พร้อมให้เราขึ้นขี่แล้ว
ความสามารถของจักรยาน ofo นั้นมีเพียงความสามารถพื้นฐานที่จักรยานทั่วไปควรจะมี เช่น อานปรับความสูงได้ กระดิ่งแบบบิดที่มือจับด้านขวา และตระกร้าด้านหน้าที่รับน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัม แต่จะไม่มีเกียร์จักรยานให้เลือกเปลี่ยนได้
ผมได้ลองใช้งาน ofo เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง ส่วนตัวคิดว่าตัวจักรยานค่อนข้างเล็กสำหรับผู้ชาย ผมเองต้องปรับเบาะขึ้นมาในตำแหน่งเกือบสูงสุด เพื่อให้ขาเหยียดตรงเวลาปั่น และเกียร์จักรยานที่ตั้งมานั้นหนักไป ทำให้ต้องออกแรงในการปั่นมาก จึงยากที่จะขี่รถไปในเส้นทางที่มีเนินเยอะ ๆ
หลังจากที่เราขี่จักรยานจนถึงที่หมายแล้ว ก็ให้เราจอดจักรยาน แล้วเลื่อนตัวล็อคจักรยานเพื่อจบการใช้งาน
เราสามารถดูข้อมูลสรุปของการขี่จักรยานครั้งนี้ได้จากเมนู My Trip ซึ่งจะแสดงเส้นทางที่เราขี่ ระยะทาง ปริมาณคาร์บอนที่ลดลงไป และแคลอรี่ที่ใช้ในการปั่นจักรยานไป
นอกจากนี้ในเรายังจะได้รับ ofo score ในการใช้งานแต่ละครั้ง ซึ่งคะแนนนี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราเป็นผู้ใช้บริการ ofo ที่ดีแค่ไหน คะแนนนี้จะเพิ่มทุกครั้งเมื่อเราใช้บริการ ofo หรือปฏิบัติสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น แจ้งซ่อมจักรยานที่เสียหาย และจะลดลงเมื่อเราทำผิดกฏ เช่น จอดจักรยานนอกจุดจอด หากคะแนนนี้ลดเป็น 0 เมื่อไร เราก็จะไม่สามารถใช้บริการ ofo ได้อีก
โดยรวมแล้ว ผมประทับใจในการใช้บริการของ ofo มาก ตัวแอพทำมาใช้ได้ดีทีเดียว การปลดล็อคต่าง ๆ ก็ทำได้สะดวก แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบคือ สภาพของจักรยานที่ส่วนตัวมองว่าแค่พอปั่นได้ แต่ไม่ได้มีสภาพที่ดีมากนัก สกปรก ขาดการดูแล อย่างคันที่ผมขี่นั้นปรับความสูงอานยากมาก เพราะท่อมันฝืด และยังไม่รวมจักรยานคันก่อนหน้าที่ผมไปเจอว่าตีนผีหักด้วย ผมเลยกดแจ้งซ่อมและเดินหาจักรยานอื่นแทน หากทาง ofo ดูแลตรงนี้ได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่สนใจใช้บริการ ofo ผมเห็นเขาเปิดให้บริการในหลาย ๆ พื้นที่ในกรุงเทพฯ แล้ว ใครสนใจก็ไปลองหากันได้