สวัสดีครับ เนื่องจาก RE.V-> ของเราได้มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมงานอีเวนต์สำคัญงานหนึ่งในวงการคอมพิวเตอร์บ้านเรา ซึ่งก็คืองาน MEET THE MAN BEHIND ThinkPad ของ Lenovo โดยงานนี้จะเป็นงานพบปะกันระหว่าง Matthew Kohutt ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Lenovo Worldwide Competitive Analyst Product Manager หรือ Matt แห่งบล็อก Inside the Box นั้นเองครับ กับเหล่าแฟน ๆ ThinkPad ในเมืองไทย ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ว่างานจะเป็นอย่างไรบ้าง

ไปห้อง Lotus Suite ที่ Centara Grand Hotel ทีม Lenovo เตรียมรอต้อนรับ

ลงทะเบียน

เหล่าสาว ๆ จาก Lenovo แต่ละคนทั้งสวยทั้งน่ารัก และที่สำคัญเป็นมิตรมาก ๆ ครับ

เตรียมพร้อมรายงาน งานนี้ของที่ระลุกเป็นสมุดปกแข็งอย่างดีครับ

Matt เข้ามาทักทายกับเหล่าแฟน ๆ ก่อนเริ่มงาน

คอมพิวเตอร์ที่ทาง Lenovo เตรียมมาแสดง

ทานข้าวก่อนเริ่มงาน

Matt เตรียมตัวพูด

หัวข้อที่ Matt ได้พูดถึงในงานจะมีอยู่สองอย่าง นั้นคือเรื่องของการออกแบบของ ThinkPad ที่ทำให้ ThinkPad นั้น “โคตรทน” และแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคตครับ โดยมีผู้ใหญ่จากทาง Lenovo ประเทศไทยเป็นล่ามแปลที่ Matt พูดครับ

Matt เปิดตัวได้เท่มาก ๆ ครับ โดยโชว์ความทนของ ThinkPad แบบไม่กลัวเครื่องพัง พร้อมทั้งพูดถึงอุบัติเหตุที่ทำให้เครื่องคอมสุดรักของเราเสียหาย 3 อันดับแรก นั้นคือ เครื่องตก, น้ำหกใส่ และ ผู้ใช้โมโหแล้วมาลงกับเครื่อง !!! และพูดถึงการทำสอบมาตรฐานของทางทหารซึ่งต้องทดสอบการใช้งานในสภาพการใช้งานที่โหดร้าย เช่น ในก็าซพิษหรือสถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการขึ้นรา เป็นต้น ซึ่งในขณะที่ Panasonic TOUGHBOOK นั้น ทั้งหนักและใหญ่ แต่ ThinkPad ทุกซีรีย์นั้นผ่านการทดสอบมาหมดแล้ว แถมเครื่องยังเล็กกว่าอีกตะหาก

ต่อมา Matt ได้ถามว่าเรามีการสำรองข้อมูลกันบ้างไหม และเริ่มพูดเรื่องเทคโนโลยีการป้องกันฮาร์ดดิสก์ ตั้งแต่การออกแบบให้มีกรอบเหล็กป้องกันตัวฮาร์ดดิสก์, รางยางกันกระแทก, ระบบดึงหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ ไปจนถึงส่วนที่ไม่มีใครคาดถึงเลย อย่างขายางรองเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกคลื่น และมีปุ่มยางขั้นอีกที ซึ่งได้มาจากอุ้งเท้าของแมว ซึ่งเวลามันกระโดดจากที่สูงจะช่วยซับแรงกระแทกได้

ถัดมาเป็นเรื่อง Roll Cage หรือโครงแมกนีเซียมที่อยู่ภายในตัวเครื่องครับ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ ThinkPad นั้นโคตรทน และช่วยปกป้องฮาร์ดดิสก์อีกด้วย  Matt บอกเลยว่าด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้อัตราที่ฮาร์ดดิสก์จะเสียนั้นเหลือเพียง 5% เท่านั้น

ใน ThinkPad รุ่นใหม่ ๆ ตั้งแต่ T61 เป็นต้นมา ได้มีการนำ Roll Cage มาทำฝาบนของเครื่องด้วย ซึ่งทำให้เครื่องนั้นทนเข้าไปอีก และ Roll Cage รุ่นที่ 3 ซึ่งทำจากพลาสติกเคลือบคาร์บอนไฟเบอร์และใยแก้วซึ่งซ้อนกันเป็นชั้น ๆ หลาย ๆ ชั้น ซึ่งใส่ใน X301 นั้นสามารถทนการทดสอบฝาเครื่องโดยการปล่อยลูกบอลหนักครึ่งกิโลจากความสูงต่าง ๆ กันจนกว่าจอจะแตก ได้ประมาณ 170 เซนติเมตร ThinkPad รุ่นเก่าก่อนหน้าจะมี Roll Cage ทนได้ประมาณ 120 cm ส่วนรุ่นปัจจุบันได้ประมาณ 160 cm

ในงานมีคนถามถึง SL ซึ่งเป็น ThinkPad ที่ไม่มี Roll Cage Matt ตอบว่าฝาของ SL พลาสติกจะหนาขึ้นกว่าปกติครับ ว่าง่าย ๆ ทำฝาเหมือน ThinkPad รุ่นเก่า ๆ แหละครับ

นอกจากนี้ยังพูดถึงเรื่องน้ำหกใส่เครื่อง ซึ่ง Matt เผยว่าเครื่องของเด็กที่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยนั้น โดน “ไวน์แดง” ของพ่อแม่หกใส่ตอนทำการบ้านมากที่สุด

ในการออกแบบระบบกันน้ำหกนั้น เจ้าอื่นทดสอบด้วยน้ำเปล่าและกาแฟดำ ประมาณ 30 cc (มีแซวด้วยว่าถ้าใช้คอมยี่ห้อนี้คงได้แต่ทานกาแฟดำทั้งบริษัท) แต่ ThinkPad ใช้น้ำ, กาแฟนมผสมน้ำตาล, น้ำอัดลม และเบียร์ 120 cc ในการทดสอบ นอกจากนี้ ThinkPad ยังมีการเจาะรูระบายน้ำและมีที่พักน้ำอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงตลอด เช่น เพิ่มรูระบายน้ำ เปลี่ยนทรงของรูซึ่งจากเดิมเป็นรูกลมทำให้น้ำระบายออกช้าเพราะมันจะเกาะรูอยู่เป็นแบบเหลี่ยมแทน

Matt หยิบโน๊ตบุ๊คยี่ห้ออื่นขึ้นมาแล้วถามว่า “คุณทราบไหมว่าทำไมบนฝามันต้องมีแถบพลาสติกด้วย”

“นั้นก็เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่เขาฝังเสา wireless ไงครับ” ในการออกแบบโน๊ตบุ๊คทั่วไปนั้น ถ้าเราใช้วัสดุเป็นโลหะมาทำฝา มันจะกันสัญญาณ wireless ทำให้รับส่งคลื่นไม่ดี เพราะฉะนั้นบริเวณที่เป็นเสาจึงต้องทำเป็นพลาสติกแทน สำหรับ Apple จะวางเสาไว้ที่ตัวขอบเครื่องส่วนล่างครับ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ

แต่ ThinkPad ไม่ใช่ เนื่องจาก Roll Cage นั้นเป็นลักษณะรังผิ้ง วิศวกรของ Lenovo จึงสามารถเดินสายเสาอากาศไปตาม Roll Cage ได้ และโครงตัวนี้ก็จะปิดด้วยฝาพลาสติก ABS เคลือบคาร์บอนไฟเบอร์อีกที ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่กันสัญญาณ

ต่อมาพูดถึงการระบายความร้อนของเครื่อง มีการแขวะยี่ห้ออื่นด้วย ที่มีแปะเตือนใต้เครื่องว่า “อย่าใส่กางเกงขาสั้น แล้วเอามาวางบนตัก” สำหรับ ThinkPad นั้นจะมีช่องระบายความร้อนสองช่องซึ่งจะทางมุมซ้ายบนของเครื่อง จะไม่มีการเป่าจากข้างใต้หรือระบายความร้อนทางคีย์บอร์ด

นอกจากนี้ยังพูดถึงพัดลม ซึ่งมีการดีไซน์ใบพัดจากขนของนกเค้าแมว ซึ่งบินได้เงียบและเร็ว นอกจากนี้ยังมีการดีไซน์แกนพัดลมเพื่อให้เครื่องเงียบยิ่งขึ้น

ต่อมาพูดถึงระบบประหยัดพลังงานของเครื่อง มีการพูดถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ ที่มีผลต่อระยะเวลาการใช้งานของเครื่อง มีการพูดถึงว่า ThinkPad มีโปรแกรมจัดการพลังงานเอง ซึ่งก็คือ Power Manager ซึ่งดีกว่าระบบของ Microsoft ที่มากับ Windows (Matt มีหันไปถามทางทีมของ Microsoft ที่มาร่วมงานด้วย) คือสามารถปิดชิ้นส่วนที่ไม่ใช้งานได้

สุดท้าย Matt พูดถึงแนวโน้มเทคโนโลยีในอีก 11 ปีข้างหน้า มีทั้งคอมพิวเตอร์ที่ใช้จอ OLED ที่สามารถดึงให้มีขนาดจอเท่าไรก็ได้ มีคีย์บอร์ดเสมือนเป็นแสงยิงออกมา เพราะฉะนั้นคีย์บอร์ดไม่มีหยวบ (แกแอบแซวกรณีคีย์บอร์ดของ T400 รุ่นแรก ๆ ที่ออกมาแล้วคีย์บอร์ดพิมพ์แล้วหยวบลงไปหน่อยนึง)

มี Tablet ที่จอหมุนได้ 180 องศา, เทคโนโลยี Docking แบบไร้สาย, โทรศัพท์มือถือที่สามารถไป dock กับจอและคีย์บอร์ดกลายเป็นคอมพิวเตอร์ได้ และ Battery Hot Swap ที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง ในกรณีที่คอมเราไม่ได้เสียบปลั๊กไฟครับ

ต่อมาเป็น Q&A ผมมีถาม Matt ไปสองข้อ

ผมเห็น Dell Latitude มีออกเป็นสีสันต่าง ๆ ออกมา และคุณทำ SL ให้มีสี Piano Black ได้ คุณมีแผนทำให้ ThinkPad มันสวยกว่านี้ได้ไหม โดยคงความเป็น ThinkPad อยู่

ข้อนี้อาจเป็นเพราะผมถามเป็นภาษาไทยไป Matt เลยไม่เคลียร์ ผมเลยได้รับคำตอบแบบที่ผมคาดคิดไว้แล้วในวิดีโอตัวนี้เลยครับ วิดีโอโดนลบไปแล้ว สรุปง่าย ๆ คุณใส่สูทสีอะไรเวลาทำงานครับ แล้วคุณคิดว่าถ้าคุณถือคอมสีลูกกวาดไป คนภายนอกจะมองคุณอย่างไร

มีโอกาสได้เห็น Firewire full port บน ThinkPad บ้างไหม

Matt แสดงความเห็นเรื่องนี้โดยไม่เกี่ยวกับ Lenovo “Firewire is DEAD.” เคลียร์ครับ พร้อมกับบอกให้รอ USB 3.0 ไม่ก็ไปซื้อการ์ดมาเสียบเอา (มันก็จ่ายไฟไม่ได้น่ะสิครับ T-T)

พอ Matt พูดจบ ก็จะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับ ThinkPad ในประเทศไทยกับเหล่าผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งกลุ่มที่ผมได้เข้านั้นมีการคุยเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ครับ

CTO หรือ Custom to Order ในประเทศไทยแบบ Dell

ที่ทาง Lenovo ไม่สามารถทำได้เพราะการทำ CTO นั้นมีข้อเสียหลายอย่างครับ เช่น ไม่สามารถเช็ครหัสชิ้นส่วนของเครื่องได้แน่นอน ทำให้เกิดเหตุเครื่อง R61 CTO ใน Com Mart เมื่อตอนมีนาคม ซึ่งในเครื่องไม่มี Bluetooth แต่เวลาโฆษณาบอกว่ามี และไม่สามารถเช็คกับในระบบได้ เพราะในระบบจะบอกได้เพียงสเปกคร่าว ๆ เท่านั้น แต่ที่สำคัญมาก ๆ คือ การจะทำ CTO ได้นั้น ต้องซื้อ 50 เครื่องขึ้นไปครับ

ทำไมแพงกว่าชาวบ้านเขา แพงกว่า USA ด้วย

เพราะยอดเครื่องในประเทศไทยโดยเฉพาะรุ่นใหญ่ ๆ และแปลก อย่าง X200t, W500, W700 นั้นคนซื้อน้อยครับ ราคาเลยแพง แต่ก็แก้ด้วยประกัน 3 ปี On-Site แทน ซึ่งผมเริ่มเห็น ThinkPad หลายรุ่นมากเลยนะที่มีประกันแบบนี้

ทำไมถึงออก X200s แบบใช้ Celeron ออกมา บนเวบ Lenovo เองยังไม่มีเลยนะ

อันนี้สืบเนื่องจากข้อบน ก็เพื่อให้ราคา X series ซึ่งปกติแพงอยู่แล้ว ราคาน่ารักขึ้น

ส่วนอีกกลุ่มนี้คุยเกี่ยวกับเรื่องการประกัน ฯลฯ ซึ่งเป็นหัวข้อหนัก ๆ ครับ

อันนี้เป็นคอมที่ Matt นำติดตัวไปด้วยทุกประเทศที่เขาต้องไปครับ เอาไว้โชว์น่ะแหละครับ เห็นว่าประเทศถัดไปที่จะไปคือญี่ปุ่นครับ

สรุป

ผมคิดว่าคนที่ไปงานนี้ หลาย ๆ คนมีจุดมุ่งหมายต่างกันครับ สำหรับผมมีสองอย่างคือ ไปในฐานะคนใช้ ThinkPad และผมเป็นแฟนบล็อก Inside the Box ที่ Matt เขียนครับ

ผมชอบสไตล์การเขียนของ Matt มาก ๆ ครับ คือถึงเขาเขียนชี้จุดอ่อนคู่แข่งหลาย ๆ ครั้ง แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธจุดอ่อนที่แบรนด์ของเขามี และความคิดเขาในเรื่องเทคโนโลยีนั้นน่าสนใจทีเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องที่ Matt พูดในงานนี้ประมาณ 80% ผมก็รู้เรื่องหมดแล้วครับ เพราะแกพูดเรื่องที่เขียนในบล็อกแกทั้งนั้น แต่ผมว่าเขามีเสน่ห์เวลาพูดครับ ทำให้ถึงเรื่องที่พูดมันจะซ้ำกับที่เคยอ่าน แต่ก็สนุกมากครับ มีขว้างเครื่อง แงะเครื่องยี่ห้ออื่นโชว์ ไม่น่าเบื่อ งานนี้ผมมาดู Matt ตัวเป็น ๆ ก็คุ้มแล้วครับ ตายตาหลับ

ส่วนเจ้าหน้าที่ Lenovo นี้ก็ดีมาก ๆ ครับ เป็นมิตรดี คุยกันได้ทุกเรื่อง และ (น่าจะ) ทุกคนก็เป็นแฟน ThinkPad กันอยู่แล้ว เลยคุยกันง่ายเข้าไปใหญ่  เพื่อน ๆ ที่มาในงานก็เหมือนกันครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ  Matt และทาง Lenovo มาก ๆ นะครับที่จัดงานนี้ขึ้นมาครับผม หวังว่าทาง Lenovo จะมีกิจกรรมแบบนี้อีกนะครับ