ถึงแม้ตอนนี้เราจะอยู่ในยุคที่สมาร์ทโฟนหรือกล้องถ่ายภาพนิ่งก็สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายสถานการณ์ที่กล้องวิดีโอขนาดเล็กที่เคยได้รับความนิยมในอดีตนั้นสามารถตอบโจทย์ในการทำงานได้ดีกว่า และแน่นอนว่าในยุคที่ความละเอียดวิดีโอถูกเพิ่มสูงขึ้นในระดับ 4K กล้องวิดีโอก็ได้ถูกปรับปรุงความสามารถด้วยเช่นกัน
RE.V-> จึงได้นำกล้องวิดีโอความละเอียด 4K ระดับโปรซูเมอร์อย่าง Handycam FDR-AXP55 มารีวิวไว้เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ครับ
สำหรับกล้อง Handycam FDR-AXP55 นี่ จัดเป็นหนึ่งในกล้องตระกูล 4K ขนาดเล็กที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Balanced Optical SteadyShot รุ่นล่าสุด ซึ่งกล้องรุ่นอื่น ๆ ในตระกูลนี้คือ FDR-AX40, FDR-AX53 และ FDR-AX55 ซึ่งก็จะมีฟังก์ชั่นการทำงานปลีกย่อยที่แตกต่างกันไป ซึ่งในตลาดบ้านเรา ทาง Sony Thai ก็ได้นำรุ่น FDR-AXP55 ระบบภาพ PAL ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความสามารถสูงที่สุดเข้ามาจำหน่าย โดยจะมีหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB ช่องมองภาพ และโปรเจกเตอร์ติดตั้งตรงด้านนอกของหน้าจอพับได้มาให้
Package
งานออกแบบกล่องใส่ยังคงลักษณะเหมือนกล้อง Handycam รุ่นอื่น ๆ คือใช้กล่องสีขาว – ส้ม พร้อมลงรูปตัวกล้องเอาไว้ แต่จะไม่ลงโลโก้ความสามารถต่าง ๆ นอกจากโลโก้ 4K ซึ่งโลโก้พวกนั้นจะไปอยู่รวมกับส่วนรายละเอียดที่อยู่ตรงกล่องอีกด้านหนึ่ง
เมื่อเปิดกล่องและยกฝากล่องที่เผื่อพื้นที่ไว้ใส่คู่มือแล้ว ก็จะเจอตัวกล้องถูกใส่อยู่ในถุงเยื่อกระดาษ และอุปกรณ์เสริมใส่ตามช่องต่าง ๆ
อุปกรณ์เสริมที่ให้มา ประกอบด้วย แบตเตอรี่รุ่น NP-FV70, ที่ชาร์จกล้องพร้อมสายไฟ, สาย USB – Micro USB และสาย HDMI – Micro HDMI
Product – Hardware
หน้าตาและรูปทรงของ FDR-AXP55 ยังคงคล้ายคลึงกับ FDR-AXP35 รุ่นก่อนหน้า ขนาดตัวกล้องจะใหญ่กว่ากล้อง Handycam แบบ AVCHD ที่ออกมาในช่วง 2 – 3 ปีให้หลังมาก แต่ก็ยังมีขนาดเล็กกว่ากล้องรุ่นพี่ FDR-AX100 อยู่
วัสดุภายนอกของตัวกล้องทำจากพลาสติกคุณภาพดี มีการเล่นพื้นผิวพ่นทรายและลายหนังในบางส่วน งานประกอบโดยรวมดูแน่นหนา ให้ความมั่นใจในการใช้งาน
รูปแบบการจัดวางปุ่ม ไฟสัญญาณ และช่องเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็ยังคงรูปแบบเดิม ๆ จาก Handycam รุ่นก่อนหน้า ทั้งไฟสถานะเปิดเครื่อง/ชาร์จไฟ, ปุ่มบันทึกวิดีโอ, ช่องเสียบสายชาร์จ และช่องใส่แบตเตอรี่
ด้านหน้าของเลนส์จะมีวงแหวนสำหรับใช้ปรับค่าต่าง ๆ ของตัวกล้องแบบ manual ซึ่งเราสามารถกดปุ่ม MANUAL ที่อยู่ด้านล่างเพื่อเลือกค่าที่ต้องการตั้งได้
ด้านบนจะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟน ที่สามารถบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 5.1 และ Multi Interface Shoe สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ไฟแฟลช, ไฟถ่ายวิดีโอ, ไมโครโฟน ฯลฯ
ส่วนปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านบนนั้น จะประกอบไปด้วยตัวปรับสำหรับซูมภาพ ปุ่มเลือกโหมดถ่ายวิดีโอ/ภาพนิ่ง และปุ่ม PHOTO ซึ่งเป็นปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายภาพนิ่ง
ช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ปรับเอนได้ 2 ตำแหน่ง ขนาด 0.24 นิ้ว ความละเอียดเทียบเท่า 1,555,200 พิกเซล พร้อมปุ่มหมุนปรับแก้สายตาด้านข้าง
เวลาใช้งานช่องมองภาพ ให้ดึงช่องมองภาพออกมาตรง ๆ ก่อน ตัวกล้องจะเปิดขึ้นมา หลังจากนั้นค่อยปรับเอนช่องมองภาพขึ้นมา ถ้าต้องการ
พอร์ต Micro USB สำหรับเชื่อมต่อข้อมูล ชาร์จไฟ และเสียบอุปกรณ์เสริม Multi และแจ็คสำหรับเสียบไมค์คอนเดนเซอร์แบบ PLUG IN POWER จะอยู่ใกล้กับเสาอากาศ NFC ด้านข้างของตัวกล้อง โดยจะมีบานเลื่อนปิดเอาไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน
ส่วน NFC บนกล้อง มีเอาไว้สำหรับใช้ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับกล้องผ่าน WLAN เพื่อใช้งานร่วมกับแอพ PlayMemories Mobile ซึ่ง AXP55 รองรับ WLAN มาตรฐาน b/g/n ที่ช่วงความถี่ 2.4 GHz
แจ็คเสียบหูฟังถูกย้ายตำแหน่งประจำจากบริเวณในรูปข้างบน มาซ่อนอยู่ด้านหน้าใต้สายคล้องมือ
บริเวณมุมด้านซ้ายล่างของเลนส์ จะเป็นตำแหน่งของไฟสถานะการบันทึกภาพ โคมไฟอินฟราเรดสำหรับ Night Shot และตัวรับสัญญาณรีโมทอินฟราเรด
เนื่องจากทาง Sony ไม่ได้ใส่รีโมทอินฟราเรดมาให้ในกล่องเหมือนกับกล้องรุ่นพี่ FDR-AX100 ใครจะใช้ก็คงต้องไปหาซื้อรีโมทมาเพิ่มเอง ส่วนผม ต้องไปงัดเอารีโมท RMT-835 ที่มากับกล้อง HDR-PJ820E ตัวเก่ามาใช้ ซึ่งก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ต้องเปิด Remote Ctrl ในเมนู Setup ก่อน
ด้านล่างตัวกล้องไม่อะไรเป็นพิเศษ นอกจากรูสำหรับไขเข้ากับขาตั้งกล้อง และปุ่มล็อกแบตเตอรี่
FDR-AXP55 จะใช้เลนส์ซูม ZEISS Vario-Sonnar T* หน้า 55 มม. ขนาดรูรับแสง F2.0 – 3.8 ทางยาวโฟกัส 4.4 – 88 มม. (หรือเทียบเท่า 26.8 – 536.0 ของกล้อง 35 มม.) ร่วมกับเซนเซอร์ Exmor R ขนาด 1/2.5 นิ้ว ความละเอียด 8.29 ล้านพิกเซล สัดส่วน 16:9
ส่วนตัวโปรเจกเตอร์ที่ติดอยู่ตรงด้านนอกของหน้าจอพับ สามารถฉายภาพที่ความละเอียด 854 x 768 พิกเซล มีความสว่างสูงสุด 50 ลูเมน และสามารถปรับแก้สัดส่วนความเพี้ยนของภาพได้โดยอัตโนมัติ การปรับโฟกัสสามารถทำได้โดยการเลื่อนตัวเลื่อนที่อยู่ด้านบนของสันขอบหน้าจอพับ
ส่วนหน้าจอพับนั้น เมื่อกางออกมาจะสามารถหมุนไปข้างหน้า 270 องศา คือสามารถพลิกจอสัมผัสกลับมาที่ด้านหน้าได้ และหมุนไปข้างหลังได้ 90 องศา
บริเวณด้านข้างเครื่องใต้หน้าจอจะประกอบไปด้วยปุ่ม My Voice Canceling, ปุ่ม PROJECTOR, ปุ่มเข้าโหมดดูภาพ, ปุ่ม NIGHT SHOT และปุ่มเปิด – ปิดกล้อง
นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบ SD Card, พอร์ต Projector In, พอร์ต HDMI Out และลำโพงอีกด้วย
หน้าจอสัมผัสแบบพับได้ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 921,600 พิกเซล ตัวหน้าจอเป็นพาเนลแบบมันเงา มีสีสันสดใส นอกจากนี้ระบบสัมผัสยังเป็นแบบ capacitive ไม่ต้องออกแรงใช้นิ้วจิกเหมือนจอ Handycam รุ่นก่อนหน้าอีกด้วย
เมื่อเรากางจอสัมผัสออกมาจากตัวกล้อง กล้องจะเปิดขึ้นมาทันที หากกล้องปิดตัวเองไป ก็สามารถกดปุ่ม Power เพื่อให้กล้องเปิดอีกครั้งได้
ต่อไปเราจะไปดูการทำงานของซอฟต์แวร์ภายในตัวกล้องกัน
พอจะบอกราคาได้ไหมครับ ผมอยากซื้อกล้องวิดีโอยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าควรเล่นแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ดีกว่าไหม สนใจ พวก A7II หรือดูๆ Blackmagic ด้วย แต่จริงๆแล้วตัดต่อไม่เคยเก่ง แล้วก็ยังไม่เคยทำ grading สีเลย เลยไม่รู้ว่าตัวหลังมันจะยากเกินไปหรือเปล่า
ขอบคุณครับ
ตามความคิดผม กล้องทื่เปลี่ยนเลนส์ได้ น่าจะเหมาะกับงานที่อาศัยประโยชน์ของกล้องดังกล่าวคือ ขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ๋ เลนส์ที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ทางเอาหน้าชัดหลังเบลอ ถ่ายโบเกต์สวย ๆ ทำหนังสั้น ฯลฯ ซึ่งกล้อง Handycam หรือแม้กระทั่ง XDCAM ตัวล่าง ๆ มันไม่ตอบโจทย์ดังกล่าวครับ อย่าง Black Magic (ผมเข้าใจว่าตัว Pocket Camera) ก็จัดอยู่ในหมวดนี้ครับ
ส่วนเรื่อง Grading ถ้ามองให้ง่ายมันก็คือการปรับโทนสีของวิดีโอที่ถ่ายมาครับ แต่มันจะมายากตรงเรื่องระบบ Log ที่เราต้องทำงานด้วยนี่ล่ะครับ
ถ้าเอาภาพจากกล้องไปไลฟ์สด แล้วกดอัด vdo ไปด้วยพร้อมๆกัน ตัวนี้สามารถทำได้ไหมครับ
ถ้าเอาภาพจากกล้องตัวนี้ไปไลฟ์สด แล้วกดบันทึก vdo ลงเครื่องไปพร้อมๆกันสามารถทำได้ไหมครับ
ผมยังไม่เคยลองครับ